ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 7172
ตอบกลับ: 12
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา

[คัดลอกลิงก์]

           สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา สวรรค์ชั้นต่ำสุด ตั้งอยู่เหนือจอมเขายุคันธร สวรรค์ชั้นแรกอยู่เหนือโลกมนุษย์ขึ้นไป ๔๖,๐๐๐ โยชน์ เป็นแดนสุขาวดี มีเทวราชผู้ยิ่งใหญ่ ๔พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองดูแล จึงได้ชื่อว่า จาตุมหาราชิกาเทวภูมิ คือ ภูมิเป็นที่อยู่แห่งทวยเทพ มีท้าวจาตุมหาราชทรงเป็นใหญ่ มีเทพนครใหญ่อยู่ ๔ เทพนคร แต่ละเทพนครมีกำแพงทองเหลืองอร่าม ประดับไปด้วยแก้ว ๗ ประการ แลดูงามนักหนา บานประตูกำแพงนั้นแล้วไปด้วยแก้ว และมีปราสาทซึ่งรุ่งเรืองสวยงามอยู่เหนือประตูทุกประตู ภายในเทพนครอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น มีปราสาทแก้วอันเป็นวิมานที่อยู่ของชาวฟ้าเทพยดาทั้งหลายปรากฏอยู่มากมาย พื้นเป็นพื้นแผ่นทองคำมีสีเหลืองอร่ามรุ่งเรืองเลื่อมพรรณราย ราบดุจหน้ากลองและอ่อนนุ่มดุจฟูกผ้า เมื่อฝูงเทพยดาเหยียบลงไปก็อ่อนยุบลงแล้วก็เต็มขึ้นมาดุจเดิม มิได้เห็นรอยเท้ารอยบาทของเทพยดานั้นเลย นอกจากนี้ ยังมีสระโบกขรณีมีน้ำใสยิ่งกว่าแก้ว เต็มไปด้วยปทุมชาติดาษดานานาชนิด ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณเป็นเหมือนเช่นใครแสร้งเอาน้ำอบน้ำ หอมไปพรมไว้ มีดอกไม้นานาพรรณ สีสันวิจิตรตระการ และมีต้นไม้สวรรค์ประเสริฐนักหนา ด้วยมี ผลโอชารสอันยิ่ง ทุมามิ่งไม้ในสวรรค์นั้น ย่อมมีดอกมีผลอันเป็นทิพย์ให้ทวยเทพได้ชื่นชมอยู่ตลอดกาล ไม่มีวันร่วงโรยและหมดไปเลย




2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาแบ่งตามสถานที่อยู่อาศัยได้ ๓ ประเภท

๑. ภุมมัฏฐเทวดา

                อยู่บนพื้นแผ่นดิน อาศัยอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น บ้าน วัด เจดีย์ ศาลา ซุ้มประตู ภูเขา แม่น้ำ มหาสมุทร เป็นต้น เทวดาบางองค์ก็มีวิมานของตนอยู่ ณ ที่นั้น ๆ โดยเฉพาะองค์ใดไม่มีก็ถือเอาสถานที่นั้นเป็นที่อาศัย เช่น บ้าน วัด ศาลา ภูเขา แม่น้ำนั้นเป็นที่อยู่ของตน


3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๒. รุกขัฏฐเทวดา

                อยู่บนต้นไม้ มี ๒ จำพวก พวกหนึ่งมีวิมานอยู่บนต้นไม้ อีกพวกหนึ่งอยู่บนต้นไม้แต่ไม่มีวิมาน


4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๓. อากาสัฏฐเทวดา

                อยู่ในอากาศ เทวดาจำพวกนี้มีวิมานเป็นของตนเองลอยหมุนเวียนไปรอบ ๆ เขาสิเนรุ แต่ละวิมานประกอบไปด้วยรัตนะ ๗ อย่าง คือ แก้วมรกต แก้วมุกดา แก้วประพาฬ แก้วมณี แก้ววิเชียร เงิน ทอง ไม่เท่ากัน บางวิมานมีเพียง ๑-๒ รัตนะ บางวิมานก็มีมาก สุดแต่บุญกุศลที่ตนได้เคยสร้างเอาไว้


5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เทวดาในชั้นจาตุมหาราชิกา บางพวกก็ขาดเมตตาธรรม จัดเป็นพวกเทวดาใจร้าย มี ๔ จำพวก คือ

๑. คันธัพพี คันธัพโพ

                ได้แก่ เทวดาคันธัพพะ ที่ถือกำเนิดภายในต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม เรา เรียกกันว่านางไม้ หรือแม่ย่านาง ชอบรบกวนให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ เช่น ให้ เกิดเจ็บป่วย หรือทำอันตรายแก่ทรัพย์สมบัติที่นำไม้นั้นมาใช้สอย หรือนำมาปลูกบ้านเรือน เทวดาจำพวกนี้อยู่ในความปกครองของ ท้าวธตรัฏฐะ คันธัพพเทวดานี้ สิงอยู่ในต้นไม้นั้นตลอดไป แม้ว่าใครจะตัดฟันไป ทำเรือ แพ บ้าน เรือน หรือเครื่องใช้สอยอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็คงสิงอยู่ในไม้นั้น ซึ่งผิดกับรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ ถ้าต้นไม้นั้นตายหรือถูกตัดฟัน ก็ย้ายจากต้นไม้นั้นไปต้นไม้อื่น




6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

๒. กุมภัณโฑ กุมภัณฑี

                ได้แก่ เทวดากุมภัณฑ์ ที่เราเรียกว่า รากษส เป็นเทวดาที่รักษา สมบัติต่าง ๆ มี แก้วมณี เป็นต้น และรักษาป่า ภูเขา แม่น้ำ ถ้ามีผู้ล่วงล้ำ ก้ำเกินก็ให้โทษต่าง ๆ เทวดาจำพวกนี้ อยู่ในความปกครองของท้าววิรุฬหก





7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๓. นาโค นาคี

                ได้แก่ พวก เทวดานาค จะมีวิชาเกี่ยวกับเวทมนต์คาถาต่าง ๆ ขณะท่องเที่ยวไปในมนุษยโลก บางทีก็เนรมิตเป็นคน หรือเป็นสัตว์ เช่น เสือ ราชสีห์ เป็นต้น โดยเฉพาะชอบลงโทษพวกสัตว์นรก เทวดาจำพวกนี้ อยู่ในความปกครองของท้าววิรูปักขะ


8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๔. ยักโข ยักขี

                ได้แก่ พวก เทวดายักษ์ จะพอใจในการเบียดเบียนสัตว์นรก เทวดา จำพวกนี้ อยู่ในความปกครองของท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ เทวดาทั้ง ๔ จำพวกนี้ จะเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ เพราะอยู่ใกล้ชิดกับมนุษยภูมิ



9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา จำแนกย่อยพื้นที่บริเวณของหมู่เทพละเอียดลงไปอีก ตามขั้นตอนการถือกำเนิดเอาไว้ดังนี้
อุปัตติเทพ
                เหล่าสัตว์ทั้งหลาย บรรดาที่ได้ก่อสร้างบุญกุศลเอาไว้ บุญกุศลนั้นก็จะนำส่งให้มาอุบัติเกิดในโลกสวรรค์ และเมื่อจะเกิดนั้น ก็เป็นอุบัติเทพ ไม่ต้องนอนในครรภ์มารอ หรืออยู่ในฟองไข่เหมือนเช่นมนุษย์และสัตว์เดียรัจฉานทั้งหลายอุบัติเกิดขึ้น มีรูปร่างเป็นทิพย์ตั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาวเป็นเทพบุตรเทพธิดาเลยทีเดียว เมื่ออุบัติเกิดขึ้นในเทวโลกแล้ว จะตั้งอยู่ใน ฐานะอะไร ก็แล้วแต่สถานที่ซึ่งตน อุบัติขึ้น คือ

                - ถัามีบุญน้อยไม่สามารถจะมีวิมานของตนเองได้ ไปอุบัติขึ้นที่ตักของเทวดาองค์ใด ก็ตั้งอยู่ในูฐานะเป็นบุตรเป็นธิดาของเทวดาองค์นั้น
                - ถ้าเป็นสตรีทำบุญไว้ ตายแล้วไปอุบัติบังเกิดขึ้นเหนือแท่นที่บรรทมของเทพองค์ใด ก็ต้องเป็นบาทบริจาริกาของเทพองค์นั้น
                - ถ้ามีบุญกุศลสร้างไว้น้อย มีวาสนาจะได้เป็นเพียงพนักงานตกแต่งประดับประดาอาภรณ์วิภูษิต เครื่องต้นเครื่องทรงของเทพองค์ใด ย่อมอุบัติเกิด ณ ที่ใกล้ๆ ที่บรรทมของเทพผู้ จะเป็นนาย
                - ถ้ามีวาสนาจะได้เป็นเพียงเทวดาประเภทรับใช้ เป็นบริวารของเทพผู้มีงเทพผู้มีบุญองค์ใด ก็ย่อมไปอุบัติเกิดภายในบริเวณปราสาทวิมานของเทพผู้จะเป็นนายองค์นั้น
                - บาดาล คือ ภพที่ใกล้มนุษย์มากที่สุด มีลักษณะเป็นงูต่าง ๆ
                - ภูมะ คือ ที่อยู่ของภูมิเจ้าที่ต่าง ๆ
                - รุกขภูมิ คือ ภูมิที่อยู่เหนือหัวเราขึ้นไปเพียงศอกเดียว มีวิมานอยู่บนต้นไม้
                - ฉิมพลีภูมิ คือ ดินแดนแห่งเทพผู้มีปีก กึ่งเทพ กึ่งสัตว์ มีฤทธิ์มาก
                - คนธรรพ์ภูมิ คือ ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก
                - หิมพานต์ คือ ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก
                - บรรพภูมิ คือ ดินแดน แห่งฤาษีผู้บำเพ็ญพรต ที่หลบลี้จากโลกมนุษย์
                - อโยธยาภูมิ คือ ภูมิของผู้มีบุญคุณต่อแผ่นดิน เช่น พ่อหลักเมือง
                - ลับแลภูมิ คือ ภูมิของหญิงสาวที่บำเพ็ญเพียร ถือสัจจะเป็นหลัก
                - ภุมมา คือ ที่สถิตของเทพบุตร เทพธิดาต่างๆ ที่ยังมีกิเลศ เป็นภูมิที่อยู่ต่อจากมนุษย์ภูมิขึ้นไป มีเทวดาผู้เป็นใหญ่ เป็นมหาราชอยู่ ๔ องค์ เรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล มีหน้าที่สอดส่องดูมนุษย์ที่ประกอบผลบุญแล้วรายงานต่อพระอินทร์ เพื่อให้ได้ไปเกิดในสรวงสวรรค์ มีสถานที่ปกครองตั้งแต่กลางเขาสิเนรุ ลงมาจนถึงมนุษยโลก มีอาณาเขตแผ่ออกไปจดขอบจักรวาล ได้แก่

๑. ธตรฐมหาราช
                เทพนครอันสวยสดงดงามซึ่งตั้งอยู่ ณ ทิศตะวันออกแห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้มีเทวาผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า ท้าวธตรฐมหาราชเป็นจอมเทพผู้ปกครอง ท้าวเธอเป็นมหาราช มีบุญญานุภาพมาก มีรัศมีมาก เทวาที่อุบัติเป็นบุตรของพระองค์ก็มีมากมาย ล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์มีอานุภาพ มีรัศมี มียศเป็นอันมาก พระองค์ทรงเป็นอธิบดี เป็นใหญ่ ทรงปกครองทวยเทพเทวาในเทพนครด้านทิศบูรพา ณ สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้โดยธรรม ซึ่งเป็นผลให้เทวดาทั้งหลายได้รับความสุขสำราญทุกวันคืน นอกจากจะทรงเป็นจอมเทพปกครองเทพบริวารในเทพนครทิศบูรพาดังกล่าวแล้ว ท้าวธตรฐมหาราชยังทรงเป็นอธิบดีปกครองหมู่คนธรรพ์อีกด้วยคนธรรพ์เป็นเทวาพวกหนึ่งซึ่งอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้ มีความถนัดในการดนตรีศิลปะระบำรำฟ้อนและชำนาญในเพลงขับเป็นยิ่งนัก มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในหมู่เทวดาทั้งหลาย เช่น คนธรรพ์เทพบุตรผู้หนึ่ง ซึ่งมีนามว่าสุธรรมา ชำนาญในการตีกลองประจำตัวอันมีชื่อว่า สุรันธะ และคนธรรพ์เทพบุตรอีกผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่า พิมพสุรกะ ชำนาญในการตีกลองหน้าเดียว เมื่อเขาทั้งสองตีกลองด้วยเพลงคนธรรพ์ ย่อมปรากฏว่ามีความไพเราะเสนาะโสตเหล่าเทพยดานักหนา ไม่ว่าจะมีเทวสันนิบาต กาประชุมเพื่อความสนุกสนานเบิกบานของเหล่าเทพเทวาทั้งหลายในที่ใดย่อมจะมีฝูงคนธรรพ์ทั้งหลายไปร่วมด้วย โดยทำหน้าที่เป็นผู้ขับกล่อม และจับระบำรำฟ้อนให้ปวงเทพได้รับความสุขเริงสราญชื่นบานในการดนตรี บางทีก็มีเทพนารีเข้าร่วมด้วย เป็นการเพิ่มความสนุกสนานให้เกิดแก่เหล่าเทวดามากยิ่งขึ้น แม้แต่องค์ อมรินทร์ท้าวสักกเทวราชซึ่งเป็นจอมเทพในสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ ก็ยังทรงมีพระทัยโปรดปราน ตรัสสั่งให้ หมู่คนธรรพ์ไปร่วมงานเทวสันนิบาตเช่นนี้เสมอมิขาดสักคราเลย


10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๒. วิรุฬหกมหาราช
                เทพนครอันรุ่งเรืองไปด้วยรัศมีแห่งทวยเทพสวยสดสุดพรรณนา ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชกาภูมิด้านทิศใต้ มีเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า ท้าววิรุฬหกมหาราช เป็นจอมเทพผู้ปกครอง พระองค์ทรงเป็นมหาราชมีบุญญานุภาพมาก มีรัศมี มียศเป็นอันมาก เทพยดาที่อุบัติเกิดเป็นบุตรของพระองค์ก็มีมากมาย ล้วนแต่มีกำลัง มีฤทธิ์มาก ทั้งนี้ ก็เพราะพระองค์เป็นจอมเทพผู้มีบุญญาธิการ ทรงปกครองบริวาร ในด้านทักษิณแห่งจาตุมหาราชิกาสวรรค์นี้ โดยผาสุก ท้าววิรุฬหกมหาราชพระองค์นี้ นอกจากจะเป็นจอมเทพปกครองทวยเทพผู้เป็นบริวารของตน ในเทพนครด้านทิศทักษิณแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นอธิบดีของพวก กุมภัณฑ์ อีกด้วย กุมภัณฑ์ เป็นยักษ์พวกหนึ่ง ซึ่งมีรูปร่างแปลกประหลาดพิกล คือ มีท้องใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์พิเศษ ที่สังเกตได้ง่ายก็คือ มีร่างกายสูงใหญู่มหึมา และมีท่าทางดุร้าย กับทั้งมีอัณฑะเหมือนหม้อฉะนั้น พวกเขาจึงได้นามว่า กุมภัณฑ์ ซึ่งแปลว่า เหล่าสัตว์ที่มีอัณฑะเหมือนหม้อ พวกกุมภัณฑ์ณี มีความเคารพเกรงกลัวต่อท้าววิรุฬหกมหาราช ผู้เป็นเจ้านายของตนยิ่งนัก


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้