|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-2-10 18:46
มีชีวิตเหลืออีก 1 วันทำอะไรดี???
มนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ย 76 ปี คิดเป็นประมาณ 3900 สัปดาห์ 33,300 วัน
(ยังเสียเวลาไปกับการนอนอีกถึง1/3 ของเวลาทั้งหมด)
ดังนั้นเราจะมีเวลาใช้ชีวิตจริงๆประมาณ 22,000 วัน เท่านั้นเอง
เคยคิดกันมั้ยว่า....เราใช้เวลาในแต่ละวันไปกับอะไรบ้าง?
.....บางคนหมกมุ่นอยู่กับความผิดพลาดในอดีต
.....บางคนกลัวอนาคตที่ยังไม่มาถึง
.....บางคนฝันถึงอนาคตที่จะมีความสุขถ้า.......ฯลฯ (มีบ้าน มีรถ ได้แต่งงาน ลูกเรียนจบ หมดหนี้ ผ่อนบ้านหมด ฯลฯ)
มีการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง ในเรื่องเล่าถึงประเทศ ประเทศหนึ่งที่มีนโยบายความมั่นคง มีกฎหมายที่เรียกว่า “กฎหมายเพื่อผดุงความรุ่งเรืองแห่งชาติ” คือ..
เด็กทุกคนที่เกิดมาจะได้รับวัคซีนชนิดหนึ่ง วัคซีนนี้จะมีผลออกฤทธิ์ในอีก 20 ปีข้างหน้า (ซึ่งใน 1000 เข็ม จะออกฤทธ์เพียงเข็มเดียว โดยฉีดให้แบบสุ่ม) วัคซีนนี้ไม่ได้ช่วยป้องกันโรค แต่เชื่อว่าจะช่วยป้องกันประเทศ
เพราะวัคซีนที่ว่านี้จะออกฤทธิ์ให้คน คนนั้นตาย ซึ่งการออกฤทธิ์ดังกล่าวทำให้ประชากรทุกคนตระหนักว่าพวกเขามีชีวิตเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น
เพื่อให้ประชาชนตั้งใจใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและตระหนักต่อ “คุณค่าของชีวิต”
มากขึ้น เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่าจะได้รับสาส์นมรณะนี้หรือไม่ควรใช้เวลาในชีวิตให้มีค่า
และมันจะมีความสำคัญมากขึ้นอีกใน 1 วันก่อนตาย เพราะก่อนหน้า 24 ชั่วโมงที่วัคซีนจะออกฤทธิ์จะมีเจ้าหน้าที่รัฐ มาบอกข่าวร้ายกับคุณว่า คุณมีเวลาชีวิตอีกแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น
โดยจดหมายแจ้งตายนั้น เรียกว่า "อิคิงามิ"
คุณจะยังทำแบบเดิมอยู่มั้ย ถ้าคุณ(โชคดี)
ได้มีโอกาสรู้ว่าคุณมีเวลาชีวิตอีก 1 วัน
.....คุณจะยังนั่งโกรธแค้น อิจฉา อาฆาต คนอื่นอยู่มั้ย
.....คุณจะมานั่งโทษตัวเอง ถึงเหตุการณ์ในอดีตอยู่หรือเปล่า
หรือคุณจะทำอะไรเมื่อเวลานั้นมาถึง
ในการ์ตูนเล่าถึงปฏิกิริยาของคนหลายคนหลังจากได้รับจดหมาย “อิคิงามิ”
......บางคนยอมรับความตายที่เกิดขึ้น ใช้เวลา 1 วันไปกับสิ่งที่อยากทำในชีวิต ขอโทษกับความผิดพลาดที่ตนเคยทำ และจากไปอย่างสงบ
......บางคนปฏิเสธ(ความจริง) คิดว่าต้องมีการผิดพลาดเกิดขึ้น จดหมายนั้นไม่ใช่ของตน ใช้เวลา 1 วันไปกับการหาความจริง จากไปด้วยความสงสัย
......บางคนโกรธ ทำไมต้องเป็นฉัน ใช้เวลา 1 วันไปกับการแก้แค้น (ถ้าฉันตาย แกต้องตายด้วย ฉันไม่ยอมตายคนเดียวหรอก) จากไปด้วยความร่อนรุ่ม
......บางคนนั่งเศร้า เก็บตัว จนเวลาที่เหลือเพียง 1 วันหมดลง บางคนฆ่าตัวตายไปก่อนหนีความรู้สึกเศร้านั้น (ลดเวลาที่เหลือของชีวิตไปอีก)
คุณคิดว่าคุณจะเป็นอย่างไร เมื่อถึงวันนั้นของคุณ
.....มีหมอมาแจ้งว่าคุณเป็นมะเร็ง, คุณติดเชื้อเอดส์ ,คุณต้องตัดขา หรือข่าวร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดได้ทุกเวลา
คุณเตรียมมือรับกับมันดีแล้วแค่ไหน ....
เรามักไม่รู้ว่าเราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิต เราจึงมักใช้ชีวิตกลืนไปกับสังคม ตั้งใจเรียน ทำงาน หาเงิน มีครอบครัว (ใช้ชีวิต เหมือนหนูถีบจักร) แก่งแย่ง อิจฉา แข่งขัน จนหลงลืมวัตถุประสงค์หลักของการมีชีวิต
หลายคนมาพบฉันด้วยความโกรธ โกรธสามี โกรธลูก โกรธเจ้านาย
เมื่อฉันโยนคำถามกลับไปว่า..
“ถ้าคุณรู้ว่าชีวิตจะเหลือเวลาอีกแค่ 1 วัน คุณจะทำอะไร“
ไม่มีสักคน..
ที่จะตอบฉันว่า “จะโกรธจนตาย”
หลายคนบอก..
ว่าคงอยู่กับครอบครัวให้มีความสุข ทำสิ่งที่อยากทำ
ไปทำบุญ ฉันเลยลองถามกลับไปว่า
“อ้าวแล้วเรื่องที่เขาทำให้คุณโกรธหละ”
ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า..
" ช่างมันเถอะ ถึงเวลานั้นก็ไม่สำคัญแล้ว
ให้อภัยไปดีกว่า ทำตัวเองให้มีความสุขดีกว่า"
สิ่งที่พวกเขาพูดกับฉันก็เหมือนเขาพูดกับตัวเอง
*
"ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขา"
ความโกรธ ความน้อยใจ ความอิจฉา ความกังวล ฯลฯ มันไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตเลย แล้วถ้าคุณไม่ตัดมันเสียวันนี้แล้วค้นหา และทำสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตคุณจริงๆก่อน คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้ไว้ทำสิ่งนั้น
อย่าประมาทกับความตาย
มันมาทักทายคุณได้ทุกวินาที
จะมีสักกี่คนที่จะ(โชคดี) รู้ล่วงหน้าว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่
จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำความดีอีกนานแค่ไหน
“มาทำทุกวันให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต กันนะ”
หมายเหตุ
Elizabeth Kluber Ross จิตแพทย์ชาวอเมริกัน ผู้ที่ทำงานกับผู้ป่วยใกล้ตาย เขาพบว่าปฏิกิริยาของผู้ป่วยหลังเผชิญกับข่าวร้าย มีอยู่ 5 ระยะ คือ
Shock/Denial : ตกใจ ปฏิเสธความจริง , Anger : โกรธ , Bargain : ต่อรอง , Depress : ซึมเศร้า , Accept : ยอมรับ
ทั้ง 5 ระยะนี้ไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องผ่าน ทุกระยะ และแต่ละคนก็อาจกลับไปกลับมาได้ เช่น จากโกรธ กลายเป็น เศร้า แล้วมาต่อรอง แล้วก็ยอมรับ หน้าที่ของแพทย์ และคนดูแลก็จะช่วยให้ผู้ป่วย เข้าสู่ระยะยอมรับได้เร็วที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมที่จะตายอย่างสงบ
http://drpreaw.blogspot.com
|
|