ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3270
ตอบกลับ: 10
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

"10 อันดับ เรื่องลึกลับของโลกที่เราไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่"

[คัดลอกลิงก์]
10 เรื่องลึกลับของโลกที่เราไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่
10. Shanti Deva
ในปี 1930 ซานติ เทวี หญิงสาวอายุ 4 ขวบ จากนิวเดลี ประเทศอินเดีย ได้บอกพ่อแม่ของเธอว่า ชาติก่อนเธอเป็นแม่ลูกสาวที่ตายจากการคลอด โดยสามีของเธอคือเกฐานารถ ทั้งเธอและสามีอาศัยอยู่ในเมืองมัตทรา(หรือ Mathura)
ตอนแรกพ่อแม่ของเธอนึกว่าเป็นบ้า จึงพาเธอไปพบกับแพทย์ และเมื่ออยู่ต่อหน้าแพทย์เธอก็เล่าเรื่องของเธออย่างละเอียดยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์ลูกคนแรก วัยที่เธอตายในระหว่างเด็กอยู่ในท้องเมื่อ 1925 ซานติได้รับการตรวจสอบจากแพทย์ถึง 6 คนด้วยกัน แต่ไม่มีแพทย์คนใดหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอได้เลย
อย่างไรก็ดีญาติของซานติเริ่มตรวจสอบสิ่งที่เธอเล่าโดยตามหาชายที่ซาติอ้าง ว่าเป็นสามีของเธอ ก่อนจะพบว่ามีชายคนที่ว่าอยู่เมืองมัตทราจริง และเขามีลูกสองคนจริง แต่ชายดังกล่าวไม่กล้าไปพบกับชาติภรรยากลับชาติมาเกิดของเขา เขาเลยส่งญาติไปและเมื่อญาติไปถึงซาติก็จำเขาได้ทันทีและเล่ารายละเอียด ต่างๆ เกี่ยวกับญาติคนนี้ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าการระลึกชาติมีอยู่จริง  หากแต่กระนั้นครอบครัวของซานติ และครอบครัวของสามีชาติที่แล้วของซานติก็ไม่ได้เกี่ยวดองกัน หรือมีเรื่องกันแต่อย่างใด สุดท้ายซานติได้ใช้ชีวิตเด็กหญิงธรรมดาในชาติใหม่ของเธอจนถึงปัจจุบัน

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-9 10:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

9. Creepy Gnome
ในปี 2008 กล้องวีดีโอมีการจับภาพสิ่งมีชีวิตลึกลับในจังหวัด Salta ประเทศอาร์เจนตินาได้ ถ่ายทำโดย Jose Alvarez   โดยในหนังสือพิมพ์บอกว่า ตอนนั้นเขากำลังคุยกับเพื่อนในการเดินทางตกปลาครั้งล่าสุด มันเป็นตอนเช้า เขาเริ่มคุยโทรศัพท์มือถือในขณะที่คนอื่นๆ คุยและล้อเล่น ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงแปลกๆ เหมือนคนปาหิน เรามองไปที่มาของเสียง ก็พบว่าหญ้ามีการเคลื่อนไหว
ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันคือสุนัข แต่เมื่อเราได้เห็นเจ้าของเสียงออกมาก็พบว่ามันน่ากลัวจริงๆ โดยคาดว่าสิ่งมีชีวิตที่จับภาพคือ โนมภูตขนาดเล็ก ที่มักปรากฎในนิทาน รูปร่างคล้ายคนแคระ ชอบอาศัยอยู่ในถ้ำคอยเก็บรักษาสมบัติล้ำค่า ต่อมาวีดีโอเทปนี้ถูกนำไปทำคลิปและถูกแพร่ไปตามเว็บต่างๆ และคุณสามารถดูคลิปไปที่นี้


3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-9 10:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

8. Freddy Jackson’s Ghost
ภาพถ่ายผีที่น่าขนลุกนี้ถูกฝ่ายขึ้นในศตวรรษที่ 1919 ได้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1975 โดยเซอร์ วิกเตอร์ กอดดาร์ก นายทหารเกษียณอายุ ภาพถ่ายดังกล่าวมาจากการถ่ายหมู่ของทหารใต้บังคับบัญชาบนเรือ HMS กอดดาร์ดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งภาพนี้คงไม่โด่งดังไปทั่วโลก ถ้าในแถวบนสุดด้านหลังของทหารคนที่สี่จากซ้ายปรากฏร่างของชายลึกลับคนหนึ่ง ที่กำลังยิ้มยิงฟันขาวรวมอยู่ด้วย โดยผีนี้คาดว่าเป็นนาย เฟรดดี้ แจ๊คสันที่เพิ่งเสียชีวิตในปี 1919 อย่างกะทันหันจากใบพัดเครื่องบินไปเมื่อสองวันก่อน ว่ากันว่าวิญญาณแจ๊คสันอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายแล้ว จึงยังมาปรากฏตัวถ่ายรูปกับเพื่อนๆ......

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-9 10:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

7. Overtoun Bridge
“สะพานสุสานสุนัข” เป็นสะพานโค้งสร้างในปี 1859 ในมิลตัน, ดัมบาร์ดัน สก็อตแลนด์ ที่มันได้ชื่อฉายานี้เพราะอดีตที่ผ่านมามีสุนัขหลายตัวไปฆ่าตัวตายโดยการโดด จากสะพานแห่งนี้อย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่การศึกษาพบว่าสุนัขในแถบนั้นนั้นเริ่มมีพฤติกรรมฆ่าตัวตายโดยโดดจากสะพาน
เริ่มในช่วง 1950 หรือ 1960 เฉลี่ยหนึ่งตัวต่อหนึ่งเดือน(อาจสิบตัวต่อหนึ่งเดือน) โดยจุดที่กระโดดนั้นนำไปสู่ความสูงกว่าสิบห้าฟุตทำให้สุนัขตายทันที แม้สุนัขบางส่วนรอดก็จริงแต่มันก็กลับมากระโดดฆ่าตัวตายอีก และที่น่าสนใจคือสุนัขที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ที่จมูกยาว(บนโลก จะมีสุนัขกี่ตัวที่จมูกสั้นหว่า??) ทำให้หลายคนเชื่อว่าสะพานนี้มีผีสิง และอาจเป็นคำสาปของเด็กคนหนึ่งที่ถูกโยนตกสะพานในปี 1994(และคนโยนก็มีพฤติกรรมอยากฆ่าตัวตายด้วย) และนอกจากนี้ยังมีคนเชื่อว่าสะพานแห่งนี้เป็นที่กั้นระหว่างโลกคนเป็นกับคน ตายซึ่งเป็นสายตรงหากจะข้ามไป ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้ได้รับความสนใจจากต่างประเทศ สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ได้ส่งคนเข้ามาตรวจสอบ ก็พบว่าบริเวณนั้นเป็นผู้อยู่อาศัยของหนูและตัวมิงเยอะ
จากการตรวจสอบพบว่าพวกมันมีกลิ่นที่สุนัขไม่ชอบ และนี้คือสาเหตุที่ทำให้สนุขมีความคิดอยากฆ่าตัวตายหรือไม่นั้นก็ไม่สามารถ ตรวจสอบได้ มีแม้กระทั้งสารคดี



5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-9 10:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

6. An Unfinished Race
เป็นตำนานการหายตัวของเจมส์ โวสสัน(James Worson ) โดยตามตำนานเล่าว่าเขาเป็นช่างทำรองเท้าอยู่ใน Leamington Spa , Warwickshire , อังกฤษ
โดยมีพยานสำคัญสองคนคือแฮมเมอร์สัน เบิร์นส และบาร์แฮม ไวส์ เป็นคนรู้เห็นการหายไปของเขาครั้งนี้และไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไรกัน แน่?   วันนั้นเป็นวันที่ 3 กันยายน 1873 ชายสองคนดังกล่าวเป็นพยานให้แก่เจมส์ที่บอกว่าเขาสามารถวิ่งไม่หยุดจาก Leamington Spaไปโคเวนทรีที่อยู่ห่างระยะทางประมาณ 9 ไมล์โดยไม่เหนื่อยได้
โดยเขาขอพิสูจน์โดยการวิ่งในระยะทางดังกล่าว เขาเริ่มวิ่งพร้อมกับผู้ติดตาม(ขี่ม้าหลายคน)เพื่อตามมาดูดังกล่าว(เห็นว่า มาพร้อมช่างกล้องด้วย) ระหว่างแข่งเจมส์สะดุดล้มลง และจู่ๆ เขาก็ร้องไห้กรีดร้องอย่างน่ากลัว(พยานในเหตุการณ์วันนั้นบอกว่ามันเป็น เสียงกรีดร้องที่น่ากลัวที่สุดที่เขาเคยได้ยิน) และเขาหายไปอย่างลึกลับโดยไม่ยืน และไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย มีการจัดกำลังค้นหาเจมส์หลายครั้งแต่พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยของเจมส์เลย

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-9 10:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

5. Devil’s Footprints
ในช่วงเช้าวันที่ 8-9 ในช่วงฤดูหนาวเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1855 มลฑลเดวอน ประเทศอังกฤษ
เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ เมื่อแถบบริเวณแม่น้ำเอ็กซ์ มีรอยเท้าประหลาดปรากฏอยู่ทั่ว มันเป็นรอยเท้าที่พึ่งเหยียบมาใหม่ รูปร่างเหมือนรอยเท้าของลา ขนาดของมัน 4 นิ้ว กว้าง 2 นิ้วเศษ ลักษณะของรอยเท้านั้นมีทั้งด้านซ้ายและด้านขวาขนานกันไป รอยเท้าเดี๋ยว ๆ เท้าข้างหนึ่งเดินตามรอยของเท้าอีกข้างหนึ่งซึ่งเป็นแถวเดียว ระยะห่างของรอยเท้าแต่ละรอยก็เท่ากันหมด และรอยประหลาดเหล่านี้จะผ่านเส้นตรงกว่า 100 ไมล์ โดยผ่านไปยังสวนหลังบ้าน หลังคาบ้าน หรือลอมฟาง และกำแพงสูง
โดยอุปสรรคแต่ละเส้นทางที่เจ้าของรอยเท้านี้ผ่านไปต้องกระทบกระเทือนเลย และไม่ทำให้ระยะห่างของรอยเท้าแต่ละก้าวเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย มันเดินราวกับว่ากำแพงที่ขวางกั้นนั้นไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางการเดินทาง แม้กระทั่งรั้วกั้นสูงๆ ประตูที่ปิดกุญแจไว้ มันก็สามารถทะลุผ่านได้ ทำให้หลายคนขนาดมันว่ารอยเท้าของปีศาจ ส่งผลทำให้คนในพื้นที่นั้นหวาดกลัวกันมาก ทำให้เวลานั้นพวกพ่อค้าและคนอื่นๆ ต่างพาถือปืนและไม้พลองออกลาดตระเวณแกะรอยเท้าประหลาดนี้เพื่อหาเจ้าของรอย เท้า แต่ผลสุดท้ายก็ไม่พบ
และเมื่อเร็วๆ นี้ในคืน 12 มีนาคม 2009 ก็ปรากฏรอยเท้าแปลกๆ อีกครั้ง(ภาพข้างบน) กลับมาอีกครั้งในเดวอนและเช่นเคยไม่มีใครอธิบายคำตอบนี้ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-9 10:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

4. FeliciaFelix-Mentor
เฟลิกเซีย เฟลิกซ์-เมนเทอร์เป็นเธอผู้หญิงชาวไฮติที่เชื่อว่าถูกทำให้เป็นซอมบี้ ในตอนต้นศตวรรษที่ 20
โดยจากรายงานอย่างเป็นทางการระบุว่าเธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1907 หลังจากเจ็บป่วยกะทันหันโดยเชื่อว่าเป็นคำสาปของหมอผีชาวไฮติที่ทำให้คนกลาย เป็นซอมบี้ ในปี 1936 มีคนพบเธออยู่ท้องถนน(ในรายงานไม่ระบุว่าเธอเปลือยหรือใส่เสื้อผ้ามอมแมม เพราะหลายเว็บตามระบุเรื่องเหล่านี้ไม่ตรงกันเลย) เธอเดินทางไปฟาร์มของพ่อโดยเธอยืนยันว่าเธอคือเฟลิกเซีย เฟลิกซ์-เมนเทอร์ที่เสียชีวิตเมื่อปี 1907 เนื่องจากสุขภาพไม่ดีเธอเลยถูกส่งไปโรงพยาบาลของรัฐ และจากการตรวจสอบพบว่าเธอมีพฤติกรรมที่ประหลาดคือเธอไร้อารมณ์ความรู้สึก และบ่อยครั้งมากที่เธอพูดถึงตนเองหรือบุคคลที่สามโดยปราศจากความรู้สึกใดๆ และค่อนข้างชาชินกับโลกและสิ่งรอบตัวของเธอ

8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-9 10:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

3. Chupas
Chupas คือวัตถุลึกลับที่คล้ายยูเอฟโอที่ถูกหลายคนอ้างว่าสามารถพบได้ในตอนกลางคืน ที่ป่าตะวันออกของบราซิล(ส่วนใหญ่) พวกเขาอธิบายว่ามันเป็นวัตถุที่มีลักษณะคล้ายโลหะขนาดเล็กและบินได้ มันทำเสียงฟู่เหมือนตู้เย็นหรือหม้อแปลงไฟฟ้า
เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่แถบนั้นมักออกไปข้างนอกตอนกลางคืนเพื่อ ล่ากวางเป็นอาหาร ดังนั้นพวกเขามักปีนบนต้นไม้เพื่อรอเหยื่อของพวกเขา และมันมักโผล่มาในเวลานี้ โดยมันจะเปล่งแสงสีขาวสว่างและพวกเขาชื่อว่าแสงนี้อาจทำให้พวกเขาตาย และบางคนเกิดอาการปวดทุกอย่างทั้งวัน(หรือบางคนทั้งปี) ในขณะที่นักล่าส่วนใหญ่พยายามยิงสิ่งนั้นแต่ปรากฏว่ามันไม่มีผลกับมันใดๆ ทั้งสิ้น

9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-9 10:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

2. SS Ourang Medan
ในเดือนกุมภาพันธ์ 1948 มีได้รับข้อความช่วยเหลือจากบรรทุกสินค้าของชาวดัตช์ Ourang Medan ที่ลอยเหนือน่านน้ำอินโดนีเซีย ในสภาพเรือแตก โดยมีข้อความ SOS คือ “All officers including captain are dead lying in chartroom and bridge Possibly whole crew dead.”   
แปลว่า “เจ้าหน้าที่ทุกคนรวมทั้งกัปตัน นอนตายอยู่ในห้องนั่งเล่นและสะพานเรือ เป็นไปได้ว่าลูกเรือทั้งหมดตายแล้ว”
ข้อความนี้เป็นรหัสมอร์สซึ่งเป็นข้อความ ไม่เข้าใจความหมายสุดท้ายที่น่ากลัว และเมื่อมีคนขึ้นไปเรือดังกล่าวก็พบเรื่องประหลาดเมื่อลูกเรือทั้งหมดและ กัปตันเรือดังกล่าวตายหมดแล้วตาของพวกเขาเปิดโพลงใบหน้ามองไปยังดวงอาทิตย์ แขนยื่นออก(บางคนเอามือชี้ไปยังสิ่งที่มองไม่เห็น)และใบหน้าของเขาแสดงสี หน้าหวาดกลัวสุดขีด
แม้แต่สุนัขบนเรือก็ตายโดยสภาพเหมือนกับว่ามองเห็นศัตรูที่มองไม่เห็น บางอย่างที่ห้องหม้อไอน้ำ ระหว่างที่ช่วยเหลือลูกเรือก็พบว่าหนาวทั้งๆ วันนั้นอากาศร้อน และระหว่างกลับก็มีควันออกจากเรือระหว่างนั้นด้วย ซึ่งจากการสันนิษฐานพบว่าลูกเรืออาจถูกโจมตีโดยยูเอฟโอหรือพื้นที่สาม เหลี่ยมอาถรรพณ์ แต่คนไม่เชื่อก็บอกว่าอาจเกิดพิษคาร์บอนมอนอกไชด์ หรือเรืออาจบรรทุกสินค้าวัสดุอันตรายจำพวกพิษที่ทำให้หายใจไม่ออกและเกิด รั่วขึ้น แต่จนถึงทุกวันนี้เรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือ Ourang Medan และลูกเรือทั้งหมดของเรือยังคงลึกลับ

10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-9 10:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

1. GEF
GEF หมายถึงการพูดคุยหรือการติดต่อสื่อสารกับผีพังพอน(สัตว์ลึกลับ, ผี หรือเรื่องหลอกลวง)ได้ โดยรายงานนี้มาจากครอบครัวที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านดาลบีที่เกาะแมน(Isle of Man)
ในเดือนกันยายน ครอบครัวเออร์วิง—ที่ประกอบด้วยเจมส์ มากาเร็ต และลูกสาว Voirrey (อายุ 13 ปี) อ้างว่าได้ยินเสียงข่วนประหลาด ซึ่งเป็นเสียงกรอบแกรบหลังบ้านสวนของพวกเขาที่พุ่มไม้และด้านหลังโรงนาที่ทำ ด้วยไม้ของพวกเขา ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นหนู
หากแต่เมื่อเห็นก็พบว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อนและ มันทำท่าทางเหมือนจะคาย หรือคุ้ยเขี่ย ชอบคำรามเหมือนสุนัข และกลั้นคอเหมือนทารก นอกจากนี้มันยังสามารถพูดเป็นภาษามนุษย์ได้อีกด้วย!! โดยมันแนะนำว่าตนเองเป็นพังพอน ชื่อ GEF อ้างว่าเกิดที่นิวเดลี อินเดีย ในปี 1852 โดย Voirrey เป็นบุคคลเดียวที่เห็นเจ้าพังพอนนี้ชัดที่สุด(และติดต่อกับมันสนิทที่สุด)
โดยมันมีขนาดเล็กเท่าหนู มีขนสีเหลือง และหางเป็นพวงขนาดใหญ่(ความจริงพังพอนอินเดียมีขนาดใหญ่กว่าหนูและไม่มีหาง เป็นพวง) เจ้าพังพอนตนนี้ยังคงเป็นมิตรต่อครอบครัวของเด็กสาว
และเจมส์ได้เขียนบันทึกประจำวันเกี่ยวกับพังพอนนี้ไว้ระหว่างปี 1932-1935 ซึ่งปัจจุบันนี้บรรทึกที่ว่าอยู่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยลอนดอน และเจ้าพังพอนนี้ก็กลายเป็นที่นิยมที่ช่วยเรียกนักข่าวและฝูงชนไปยังเกาะ แห่งนี้เพื่อดูสัตว์ดังกล่าว แต่กระนั้นหลายคนก็บอกว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวง เนื่องจากเพื่อนบ้านออกมาสัมภาษณ์ว่าพวกเขาไม่เคยหรือได้ยินพังพอนที่ ว่า(แต่เพื่อนบ้านบางคนบอกว่าเคยได้ยินเสียงแปลกๆ รอบบ้านของพวกเขาเหมือนกัน) และนอกจากนี้ยังมีรูปถ่ายบางส่วนที่เป็นร่องรอยของพังพอน ส่วน Voirrey เด็กหญิงที่เห็นพังพอนดังกล่าวได้เสียชีวิตลงเมื่อปี 2005 และในช่วงสุดท้ายของชีวิตเธอก็ยังยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง
.............................................................

ที่มา http://men.postjung.com/720824.html

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้