แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-29 09:38
เดี่ยวได้ไม่ต้องเหงา
หนุ่มขี้เหงาเดินทางไปหาทางเอาชนะความเหงากลางป่า
พบชายลึกลับคนหนึ่ง บทสนทนาจึงเริ่มขึ้น
คุณเป็นใคร? “ผมเหรอ… ขออนุญาตยักไหล่ทีนึง… เป็นแค่อีกคนที่จะต้องตายไป”
ชอบคิดชอบพูดเรื่องตายๆบ่อยหรือ? “ผมถูกสอนให้คิดถึงความตายบ่อยๆ และถึงแม้จะไม่ใช่สัปเหร่อ ผมก็ได้เห็นความจริงที่ต้องยอมรับบ่อยๆ”
ถ้าศรัทธาความตายนัก จะเลี้ยงชีวิตไว้ทำไม? “เพราะผมถูกสอนให้เตรียมตัวตายด้วยการมีชีวิตที่ดีที่สุด
” การมีชีวิตที่ดีที่สุดคืออะไร? “มีขันติในการงดกรรมชั่ว มีความอุตสาหะในการเพิ่มกรรมดี มีความเข้าใจเส้นทางพ้นทุกข์”
ความรู้เรื่องกรรมวิบากทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร? “ทำให้เห็นว่าผมตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกับคนอื่น ความเห็นนั้นแหละที่ทำให้แตกต่างจากคนอื่น”
แปลว่าคนที่รู้เรื่องกฎแห่งกรรมวิบากสูงส่งกว่าคนอื่นหรือเปล่า? “ผมไม่ได้ถูกสอนเรื่องกรรมวิบากอย่างเดียว ผมถูกสอนให้มีสติแม้ขณะกำลังนั่งส้วม และจากการมีสติตอนนั่งส้วมบ่อยๆ
ก็ทำให้ผมพบความจริงว่าตัวเองไม่ได้สูงส่งกว่าคนอื่นเลยจนนิดเดียว”
ถ้าวันหนึ่งคุณเดินเข้าห้องนอนแล้วเจอแบบว่าขาวสวยหมวยอึ๋มนอนแก้ผ้ารออยู่ คุณจะทำยังไง? “ผมจะถามเธอว่าเข้าห้องผิดหรือเปล่า ถ้าเธอตอบว่าไม่ผิด ผมจะถามว่าอย่างนั้นเธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
เสร็จแล้วคุณจะยอมให้เธออยู่ในห้องต่อหรือว่าไล่เธอออกจากห้อง? “ผมไม่ชอบทำให้ใครเขิน ถ้าต้องทำก็จะเลือกให้เขาเขินน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นผมจะเป็นฝ่ายเดินออกจากห้องเอง”
อือม์… จิตใจคุณสูงส่งมากว่างั้นเถอะ? “เปล่าเลย… ผมรู้ตัวดีว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ถูกสอนให้กลัวความเดือดร้อนจากการก่อเรื่องด้วยความไม่รู้ ถ้าเรื่องสมมุติของคุณเป็นความจริง คุณนึกว่าผู้หญิงเขาไม่ต้องมีเหตุผลที่น่าระแวงอยู่เบื้องหลังบ้างหรือ?”
เหงาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่? “นานแล้ว ตอนยังไม่ทราบวิธีอยู่กับตัวเองด้วยจิตใจที่เบิกบาน”
มันทำกันได้ด้วยเหรออย่างนั้นน่ะ? “คุณอยากให้เกิดอะไรขึ้นก็มีวิธีทั้งนั้นแหละ ใครจะทราบหรือไม่ทราบวิธีเท่านั้น”
อ้ะ! ไหนบอกวิธีแบบสั้นที่สุด ง่ายที่สุดซิ “รู้”
หือ? รู้อะไร? “มีอะไรให้รู้ก็รู้”
ไม่เข้าใจ “คุณต้องการวิธีง่ายๆ ใช้คำสั้นๆ ผมก็ตอบให้ตามต้องการไง แล้วในที่สุดคุณก็พบใช่ไหมว่ามันเป็นไปไม่ได้ คนเราชอบนึกว่าการเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งชีวิตอาศัยคำเพียงไม่กี่คำ”
เอาล่ะ! อย่างนั้นขอคำอธิบายแบบละเอียดๆก็ได้ “ตอนเหงา คุณมีความเหงาให้รู้ ตอนฟุ้งซ่าน คุณมีความฟุ้งซ่านให้รู้ เมื่อคุณรู้อาการใดของจิต อาการนั้นจะหายไปให้ดูเหมือนพยับแดด”
ถ้ารู้ความเหงา รู้ความฟุ้งซ่าน แล้วมันไม่หายเหงา ไม่หายฟุ้งซ่านล่ะจะทำยังไง? “ก็แปลว่าคุณต้องทำตามขั้นตอนแบบไม่ก้าวกระโดด”
โอเค! ไม่กระโดดก็ได้ ก้าวแรกทำยังไง? “ผมถูกสอนให้เห็น ว่าขณะนี้ลมหายใจกำลังเป็นอย่างไร ถ้าบอกตัวเองเงียบๆได้ถูกว่าเข้าหรือออก จิตจะเลิกมองไปข้างหลัง
ไม่หวังไปข้างหน้า หันมาอยู่กับปัจจุบันจริงๆ”
ต้องรู้ลมหายใจแค่ไหนถึงจะพร้อมรู้อย่างอื่น? “จิตคุณจะบอก ไม่ใช่ผมบอก”
ถ้านานเป็นปีๆคงท้อเสียก่อนแน่ “ถ้ารู้บ้างพักบ้างสบายๆแบบไม่คาดหวังผล คุณจะเป็นคนมีความสุขทางใจที่ได้เป็นตัวของตัวเองเฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ
คนเราต้องท้อที่จะมีความสุขทางใจไปเรื่อยๆด้วยหรือ?”
พอรู้ลมหายใจจนมีความสุขทางใจจะให้ทำอะไรต่อ? “รู้ความสุข มองตามจริงว่าความสุขไม่เที่ยง เดี๋ยวสุขมาก เดี๋ยวสุขน้อย แล้วแปรเป็นทุกข์น้อยบ้าง ทุกข์มากบ้าง
มันขึ้นอยู่กับว่าใจคุณตั้งอยู่กับเหตุแห่งสุขหรือเหตุแห่งทุกข์”
พอเห็นชัดว่าสุขทุกข์ไม่เที่ยงจะให้ทำอะไรต่อ? “นั่นแหละ คุณพร้อมจะรู้จักวิธีใช้ชีวิตอย่างไม่เหงาแล้ว พอเหงาก็รู้ว่าเหงา พอฟุ้งซ่านก็รู้ว่าฟุ้งซ่าน เมื่อจิตตื่นรู้ตลอดเวลา คุณจะไม่อ่อนแอแล้วแช่จมอยู่กับอาการชั่วคราวใดๆของจิต แต่จะเห็นมันเหมือนลมหายใจ เห็นมันเหมือนสุขทุกข์ ที่เกิดขึ้นด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา”
ความฟุ้งซ่านต้องมีเหตุด้วยหรือ? เห็นแต่ว่าอยู่ดีๆมันก็ฟุ้ง “คุณไม่ได้อยู่ ‘ดี’ จริงน่ะซี คุณอยู่เฉื่อยๆเรื่อยเปื่อยแบบขาดสติ เป็นการใช้ชีวิตอยู่อย่าง ‘ไม่ดี’ ต่างหาก เหตุคือความขาดสตินั้นแหละทำให้ฟุ้งซ่าน”
โอย! แค่ฟังก็เหนื่อยแล้ว แปลว่าต้องพยายามมีสติไปจนชั่วชีวิตหรือนี่? “ไม่หรอก การปฏิบัติอย่างนี้จะนำไปสู่ชีวิตใหม่ที่คุณไม่รู้จัก ถ้าฝึกมีสติไปเรื่อยๆ คุณจะฝืนพยายามน้อยลงเรื่อยๆจนเป็นอัตโนมัติ แล้วในที่สุดคุณจะมีสติโดยไม่ต้องตั้งสติ”
จุดหมายสูงสุดของการปฏิบัติแบบนี้คืออะไร? “ที่สุดทุกข์”
เอาอะไรวัด? “ไม่เป็นทุกข์ทางใจอีก”
หมายถึงพระนิพพาน? “ใช่”
ฉะนั้นควรหวังพระนิพพานเพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติใช่ไหม? “ผมถูกสอนให้ ‘รู้จัก’ พระนิพพานเพื่อความ ‘เข้าใจ’ จุดหมายปลายทาง แต่ไม่ได้ถูกสอนให้หวังว่าจะต้องถึงซึ่งนิพพานเมื่อนั่นเมื่อนี่”
ใครสอนคุณ? “ผู้ก่อตั้งพระพุทธศาสนา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าพระโคดม”
ถ้ายังต้องทุกข์ อย่างไรก็เป็นแค่คนธรรมดาอีกคนหนึ่ง ถ้าดับทุกข์ได้
|