นั่งพักกันตรงนี้สักนิดครับ....ที่เขียนมาข้างต้นเพื่อต้องการปูทางของคำว่า “การนั่งสมาธิตรวจสอบ” หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “การนั่งทางใน” ว่าทำไมคนที่ได้รับการฝึกฝนทางจิตมาดี สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้ เรื่องพวกนี้นอกจากการหมั่นฝึกปฏิบัติตามหลักการและวิธีที่ถูกต้องแล้ว โดยส่วนตัวของผม คำว่า“บุญบารมี”ที่คนๆนั้นเคยทำมาก็ยังมีส่วนด้วยครับ….
คุณวิเศษเฉพาะตัวของอาจารย์ทวี ทิวแก้ว ตามที่ผมได้ศึกษามาจากบทความของท่านพันโท นายแพทย์สมพนธ์ บุณยคุปต์ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ก็คือการที่อาจารย์ทวี สามารถ”นั่งสมาธิตรวจสอบ” ได้อย่างแม่นยำเป็นที่อัศจรรย์ใจ เช่นการที่นายแพทย์สมพนธ์ ได้นำผ้าเช็ดหน้าห่อพระเครื่องไว้สามองค์ อาจารย์ทวีสามารถนั่งสมาธิตรวจสอบได้ว่าในห่อผ้านั้นมีพระอยู่กี่องค์และเป็นพระอะไร ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้อาจารย์ทวี ท่านได้บอกไว้ว่าเป็นเรื่องของการใช้ “พลังจิต” อธิบายความได้ว่า...
“เกิดจากการทำสมาธิให้จิตนิ่งและนำจิตนั้นไปใช้งาน เหมือนพลังงานอื่นๆ.....”
และเมื่อนายแพทย์สมพนธ์ ต้องการทดสอบเรื่องของ “ความแรงของพลังจิต” โดยให้ช่วยตรวจสอบพลังของพระพุทธรูปที่บ้านพัก อาจารย์ทวีก็สามารถบอกได้อย่างถูกต้องว่า“พระพุทธรูปเชียงแสน ๑ ที่บ้านของนายแพทย์สมพนธ์ มีพลังงานแรงมากแต่ชำรุด” ซึ่งเมื่อมีการนำพระองค์ดังกล่าวมาตรวจสอบก็พบว่า..”พระองค์นั้นเศียรหักและถูกต่อคอเอาไว้...” ด้วยความที่นายแพทย์สมพนธ์ ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำให้ท่านอยากพิสูจน์”พลังของจิต” ท่านจึงได้เอาแผ่นตะกั่วที่กันแสงเอกซเรย์ได้ มาทุบเป็นกล่องสี่เหลี่ยมครอบกันเอาไว้แล้วเอาเงินใบละสิบบาทพับใส่ลงในกล่อง เสร็จแล้วก็ครอบฝาปิดกล่องเอาไว้ ท่านเล่าว่าได้นำกล่องใบนี้ไปให้อาจารย์ทวีโดยบอกว่า....
“อยากทดสอบพลังของจิตว่าแรงกว่าเครื่องเอกซเรย์หรือไม่....” อาจารย์ทวี มองลอดแว่นแล้วบอกว่าเรื่องนี้ไม่ต้องถึงท่านก็ได้ ให้ “หูทิพย์” ดูก็ได้ “หูทิพย์”ในที่นี้คือ “ด.ช.โสตรทิพย์ ทิวแก้ว” บุตรชายของท่านที่พิการแต่กำเนิด
กล่าวคือ”หูทิพย์”เป็นเด็กที่ไม่มีรูหู ซึ่งตามปกติแล้วคนที่ไม่มีรูหูมักจะเป็นใบ้ แต่อาจารย์ทวี ท่านได้ใช้พลังจิตรักษาและสอนภาษาตั้งแต่เล็กๆ จนหูทิพย์ สามารถพูดได้ ฟังได้และเรียนหนังสือได้ โดยอาศัยการดูปากและเสียงที่มากระทบบริเวณแก้ม
ท่านเล่าว่าขณะนั้น ด.ช.โสตรทิพย์ มีอายุได้สักประมาณสิบกว่าขวบและกำลังวิ่งเล่นอยู่ อาจารย์ทวีได้เรียกให้เขามานั่งดูของในกล่อง ด.ช.โสตรทิพย์นั่งหลับตาดูสักพักจึงลืมตาแล้วบอกว่า....
“แบงค์พ่อ แบงค์..”
อาจารย์ทวี ถามต่อว่า “ใบละเท่าไร...”
ด.ช.โสตรทิพย์นั่งหลับตาอีกแล้วบอกว่า...
“แบงค์สิบพ่อ..”
และเมื่ออาจารย์ทวี ถามต่อว่ามีเลขอะไรบ้าง ด.ช.โสตรทิพย์ก็บอกเลขออกมา เมื่อนายแพทย์สมพนธ์ท่านได้เปิดฝากล่องและดูเบอร์ของธนบัตร ท่านพบว่า
”ตัวเลขตรงกันแต่มีสลับที่กันอยู่บ้าง...”
แต่ท่านว่าเพียงเท่านี้ก็สร้างความมหัศจรรย์ใจให้กับตัวท่านแล้ว ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้ท่านมีความเชื่อว่า...
“พลังจิตมีความมหัศจรรย์จริงๆ และไม่มีข้อขีดขั้นของอายุผู้ปฏิบัติ...” จะว่าไปแล้วเรื่องราวของคุณวิเศษและความสามารถพิเศษในเรื่องพลังจิตของอาจารย์ทวี ทิวแก้วและบุตรชายคือ ด.ช.โสตรทิพย์ ทิวแก้ว ยังมีอีกมากมาย ตลอดจนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เกิดขึ้นต่อหน้าบุคคลหลายๆท่าน ซึ่งบุคคลต่างๆที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ก็เป็นเสมือน”พยานบุคคล”ที่เข้ามาเป็นส่วนประกอบสำคัญยืนยันในเรื่องเหล่านี้... ความมหัศจรรย์ของพลังจิตที่เกิดขึ้น หมายรวมถึง..การทำนายทายทัก การวิเคราะห์โรค การติดต่อสื่อสารกับสิ่งเร้นลับ รวมไปถึงการติดต่อกับญาณบารมีของพระเกจิอาจารย์ที่ได้ล่วงลับไปแล้วอย่าง “หลวงปู่ทวด...” อาจารย์ทวี ในสมัยนั้นท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย มีทั้งบรรดาพ่อค้าประชาชนทั่วไปและรวมไปถึงข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่อีกหลายท่าน ซึ่งแต่ละท่านได้ให้ความเคารพนับถือถวายตัวเป็นลูกศิษย์....
อาจารย์จิตร บัวบุศย์ อดีตอาจารย์วิทยาลัยเพาะช่าง ก็เป็นศิษย์คนหนึ่งของอาจารย์ทวี ทิวแก้ว เช่นเดียวกัน
ครั้งนั้นอาจารย์จิตร ต้องการจะหาเงินเพื่อสร้าง วัดวังรี จ.นครนายก และวัดสุทธาวาส จ.ฉะเชิงเทรา โดยท่านคิดว่าจะสร้างพระหลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) แต่ช่างปั้นก็ไม่รู้ว่าจะปั้นอย่างไร เพราะไม่มีรูปของหลวงปู่ทวดเป็นแบบและก็ไม่เคยมีใครได้เห็นหลวงปู่ทวดมาก่อน... ด้วยเหตุนี้ทำให้อาจารย์จิตร จึงต้องให้อาจารย์ทวี ทิวแก้ว มาเป็นผู้ชี้ทางสว่าง.... วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๐๕ ท่านอาจารย์ทวี ทิวแก้วได้จัดพิธีขึ้นที่อาศรมชีปะขาว สิ่งมหัศจรรย์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่ออาจารย์ทวี ท่านได้นำอาจารย์จิตรเข้ามาร่วมในพิธี....อาจารย์จิตรได้บรรยายความรู้สึกขณะนั้นว่า.... “ร่างกายร้อนฉ่า...ความร้อนนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวไปที่ต้นแขน...ไปที่ปลายมือและวูบวาบไปที่มือ ไปประจวบรวมกันที่หัวแม่มือ..จนอาจารย์จิตรต้องยกนิ้วมือขึ้นมอง...” |