โดยปฐมบทของพระชาติของพระพุทธเจ้า นับตั้งแต่ตั้งจิตปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าได้เล่ากล่าว ถึงการมีเจตน์จำนงเป็นพระพุทธมารดา เรื่องมีอยู่ว่า ครั้งพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นชายยากเข็ญ พ่อแม่ก็อยากให้แต่งงาน แต่ไม่ยอมแต่งงาน เพราะอยากอยู่ดูแลพ่อแม่ไปตลอดชีวิตของตน จนเมื่อพ่อจากไป พระโพธิสัตว์ต้องเลี้ยงดูแม่ที่แก่ชราลงทุกที จึงไปสมัครทำงานกับพ่อค้าสำเภาแล้วทำงานมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้รับเลือกเป็นนายเรือสำเภา พระโพธิสัตว์ต้องไปแดนไกล ด้วยความเป็นห่วงแม่จึงพาแม่ขึ้นเรือไปด้วย
แต่ต่อมา เรือสำเภาเผชิญกับพายุจนอัปปาง พระโพธิสัตว์แหวกน้ำเอาชีวิตรอด แต่นึกได้ว่าตนมีแม่มาด้วย จึงว่ายน้ำตามหาจนพบแม่เกาะกระดานไม้ลอยอยู่ จึง ให้แม่เกาะที่หลังของตน แล้วพาว่ายข้ามมหาสมุทร
ที่มา : www.dhammajak.net
ฝ่ายท้าวมหาพรหมที่มีทิพยญาณได้แปลกใจว่า เหตุใด จึงไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นบนโลกมานาน จึงเสด็จจากวิมานพรหมลงมายังโลกมนุษย์ และพบนายเรือกำลังว่ายข้ามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ซึ่งผิดวิสัยคนธรรมดา ซ้ำยังมีแม่เกาะมาด้วย ท้าวมหาพรหมจึงส่งกระแสจิต ให้พระโพธิสัตว์บังเกิดจิต ตั้งพระมหาปณิธานน้อมจิต ปรารถนาพระโพธิญาณ
เมื่อลูกอยากเป็น แม่ก็ขอติดตามช่วยเหลือลูกไปทุกชาตินายเรือกำลังแหวกว่ายอยู่นั้น บังเกิดจิตอยากช่วยสรรพสัตว์ จึงเปล่งวาจาว่า “เราตรัสรู้แล้ว เราก็อยากให้ผู้อื่นรู้ด้วย เราหลุดพ้นแล้ว ก็อยากให้ผู้อื่นหลุดพ้นด้วย เราข้ามได้แล้ว เราก็อยากให้ผู้อื่นข้ามได้ด้วย”
เมื่อพระโพธิสัตว์เปล่งวาจาเป็นสัจอธิษฐานดังนี้ แม่ซึ่งเกาะอยู่ที่หลังได้ยิน ก็บังเกิดจิตโสมนัสยิ่ง จึงเปล่งวาจา ว่า "หากบุตรชายปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ นำพาเวไนยสัตว์ไปสู่ฝั่ง เราก็ขอเป็นพระพุทธมารดา"
หลังจากนั้นมาแม่ของนายเรือจึงเกิดเป็นมารดาของพระโพธิสัตว์มาหลายภพหลายชาติ
|