|
10 ที่เที่ยวปีใหม่ 2558 ใกล้กรุงเทพฯ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
วันนี้เราขอเอาใจคนที่กำลังวางโปรแกรมไปเที่ยวปีใหม่ 2558 กันค่ะ กับ 10 ที่เที่ยวปีใหม่ 2558 ใกล้กรุงเทพฯ เหมาะกับคนที่ไม่อยากเดินทางไปไหนไกล ขอบอกว่าใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเจ๋ง ๆ เพียบนะจ๊ะ เอาล่ะ...ลองไปดูกันว่าจะมีที่ไหนบ้าง
1. จังหวัดนนทบุรี
จังหวัดนนทบุรี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตภาคกลาง ติดกับกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดหนึ่งใน 5 จังหวัดปริมณฑลที่มีความเจริญในแทบทุกด้านเทียบเท่ากับกรุงเทพฯ แต่ในท่ามกลางความเจริญของสังคมเมืองในปัจจุบัน นนทบุรีกลับมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ งดงามไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตแบบไทยดั้งเดิมและไทยผสมผสาน ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสมากมายอย่างคาดไม่ถึง อีกทั้งด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้เมืองหลวง มีการคมนาคมสะดวกทั้งทางบกและทางน้ำ ทำให้จังหวัดนนทบุรีในวันนี้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรมองข้ามนะจ๊ะ
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ ศูนย์เกษตรบางรักน้อย เป็นสวนผลไม้ในเขตอำเภอไทรน้อย ปลูกผลไม้ประเภททุเรียน มังคุด มะไฟ มะม่วง สามารถเข้าเยี่ยมชมและชิมผลไม้สด ๆ ได้ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที-1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถซื้อผลไม้กลับไปเป็นของฝากจากอำเภอไทรน้อย ในช่วงฤดูผลไม้ออก, เกาะเกร็ด เป็นเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวไทยชาวมอญ สืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษที่ย้ายมาตั้งรกรากนับตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และยังคงรักษาวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ได้รับสืบทอดมาอย่างเหนียวแน่นในปัจจุบัน โดยมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างที่น่าชมนับตั้งแต่วัดวาอารามที่งดงาม และหากเดินลัดเลาะไปบนเกาะเกร็ดนั้นจะได้เห็นถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวมอญที่มีเอกลักษณ์ เช่น การทำเครื่องปั้นดินเผาที่ละเอียดปราณีงดงาม ส่วนเรื่องอาหารการกินบนเกาะเกร็ดก็มีมากมาย โดยเฉพาะอาหารมอญต่าง ๆ ที่มีจำหน่ายให้ลิ้มรสกันจนอิ่มก่อนกลับบ้านอย่างทอดมันหน่อกะลา ซึ่งมีส่วนผสมของหน่อกะลาอันเป็นพืชสมุนไพรตระกูลชิง อันเป็นผักพื้นเมืองบนเกาะเกร็ด ที่หลายร้านทำขายให้เลือกชิม
หรือใครชอบเที่ยวแนวตลาดน้ำก็มีให้เลือกเยอะ เช่น ตลาดน้ำบางคูเวียง ตั้งอยู่ปากคลองบางคูเวียง ตำบลบางคูเวียง ตลาดจะมีช่วงเช้าระหว่างเวลา 06.00-08.00 น. ชาวบ้านจะนำผลไม้ตามฤดูกาลบรรทุกเรือมาค้าขายกันที่นี่ นอกจากนี้ยังมีอาหารและสินค้าอื่น ๆ ทุกเช้าจะมีพระภิกษุจากวัดบริเวณใกล้เคียงพายเรือออกบิณฑบาต, ตลาดน้ำไทรน้อย ตั้งอยู่ริมคลองพระพิมลราชา เป็นศูนย์รวมของอาหารคาวหวาน ผัก ผลไม้ หลายชนิดที่ชาวบ้านนำมาจำหน่ายริมฝั่งคลอง มีรสชาติอร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัยและราคาเป็นกันเอง สามารถเลือกซื้อเลือกหาตามต้องการ นอกจากนี้ชมทัศนียภาพและวิถีชีวิตของชาวนนทบุรี ที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งคลอง ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติและความเป็นไทยอยู่ เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. บริเวณตลาดน้ำมีเรือล่องคลองพระพิมลราชาออกทุกชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09.30-16.00 น. นำเที่ยวชมวัดไทรใหญ่และสวนมะพร้าว โดยมีเยาวชนเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นนำชม
ตลาดวัดตะเคียน เป็นตลาดน้ำเล็ก ๆ ที่เกิดจากความร่วมมือของตนในชุมชนและวัดตะเคียนที่ช่วยกันพัฒนาจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสร้างเสริมรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชน และตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม ตั้งอยู่ที่ถนนรัตนาธิเบศน์-ตลาดท่าอิฐ ตำบลท่าอิฐ เป็นโครงการส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้ารอบบริเวณวัดและเกาะเกร็ดได้นำสินค้ามาจำหน่าย เปิดวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 06.00-17.00 น.
อ๊ะ ๆ เที่ยวแล้วก็อย่าลืมไปไหว้พระขอพรกันด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็น วัดใหญ่สว่างอารมณ์ ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลอ้อมเกร็ด อำเภอปากเกร็ด ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ตรงข้ามเกาะเกร็ด เป็นวัดที่มีบริเวณกว้างขวาง มีอุโบสถซึ่งประดิษฐานพระประธานปางสมาธิหน้าตักกว้าง 4 ศอก สมัยสุโขทัย ทำด้วยศิลาแลง ซึ่งเป็นที่สักการะของประชาชน บริเวณริมน้ำหน้าวัดเป็นที่พักผ่อนให้อาหารปลา ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเวลา 09.30-14.30 น. มีการจัดตลาดริมน้ำจำหน่ายสินค้าอาหารมากมายจากกลุ่มแม่บ้าน รวมทั้งบริการล่องเรือไหว้พระริมแม่น้ำรอบเกาะเกร็ด, วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ วัดแห่งนี้เดิมเป็นเพียงโรงเจขนาดเล็ก ต่อมาเจ้าอาวาสวัดเล่งเน่ยยี่ ร่วมกับพุทธบริษัทไทย-จีน ได้พัฒนาเป็นวัดที่สมบูรณ์สวยงามในเนื้อที่รวม 13 ไร่ น้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี วัดแห่งนี้ก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมจีนยุคราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง โดยจำลองมาจากพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง เปิดให้เช้าชมทุกวัน วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น.
วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางตลาด ริมถนนสายนนทบุรี-ห้าแยกปากเกร็ด ภายในวัดกว้างขวางร่มรื่น เป็นสถานที่เผยแผ่และศึกษาพระธรรม มีลานไผ่เอนกประสงค์ที่ชาวพุทธโดยทั่วไปจะมารวมกันเป็นจำนวนมากเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา, วัดพระนอน ตั้งอยู่เลขที่ 9 หมู่ที่ 3 ตำบลบางแม่นาง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2388 ชาวบ้านถือเอาเหตุผลที่วัดนี้มีพระนอนที่ศักดิ์สิทธิ์มาแต่เดิมจึงได้ขนานนามว่า "วัดพระนอน" มาจนทุกวันนี้, วัดกู้ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลบางพูด ในซอยปากเกร็ด 3 บริเวณริมน้ำหน้าวัดเป็นจุดที่เรือพระที่นั่งของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระมเหสีในรัชกาลที่ 5 ประสบอุบัติเหตุเรือล่มสิ้นพระชนม์ วัดนี้สร้างในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นศิลปะแบบมอญ ภายในโบสถ์หลังเก่ามีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบมอญ เป็นภาพเขียนสีน้ำมันเรื่องราวพุทธประวัติ วิหารประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ ด้านข้างวิหารเป็นที่เก็บเรือพระที่นั่งของพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ที่อับปางซึ่งชาวบ้านได้กู้ขึ้นมา และมีพระตำหนักที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์ และเมื่อคราวเรือล่มได้อัญเชิญพระศพมาไว้ที่วัดนี้ชั่วคราว มีศาลพระนางเรือล่ม (พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์) ซึ่งจำลองแบบจากศาลาจัตุรมุขของพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ที่พระราชวังบางปะอิน
ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/นนทบุรี
2.จังหวัดฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือที่หลายคนมักเรียกว่าเมืองแปดริ้ว คือจังหวัดใกล้กรุงที่ยังดกดื่นร่มรื่นด้วยสวนผลไม้ โดยเฉพาะมะม่วงพันธุ์ดี นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยการเป็นเมืองเก่าแก่ริมน้ำบางปะกง ซึ่งมีวัดหลวงพ่อโสธร หรือวัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนแหล่งธรรมชาติในฉะเชิงเทรานั้น นับว่าอุดมด้วยสรรพชีวิตไม่น้อยหน้าใคร ผืนป่าสำคัญของที่นี่คือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยสุดท้ายของจระเข้น้ำจืดในเมืองไทย ส่วนในแม่น้ำบางปะกงช่วงปากอ่าว ก็เป็นแหล่งชมโลมาหลายสายพันธุ์ที่ว่ายเวียนเข้ามาทุกปีในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ด้วยเหตุนี้ฉะเชิงเทราซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไม่ถึง 100 กิโลเมตร จึงเป็นอีกจังหวัดที่น่าเที่ยว น่าชม เพราะที่นี่ยังมีของดีซุกซ่อนอยู่มากมายชนิดที่หลายคนก็คาดไม่ถึง
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ตำบลเขาหินซ้อน ศูนย์แห่งนี้ได้รับสถาปนาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2522 เนื่องมาจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีสภาพเสื่อมโทรม ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ในหลวงได้ทรงพัฒนาพื้นที่สภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์บริเวณศูนย์ ทั้งแหล่งน้ำ ฟื้นฟูสภาพป่า การพัฒนาดิน การวางแผนการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ด้วยวิธีการเกษตรแผนใหม่ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งมีการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตและเป็นศูนย์รวมการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให้เป็นต้นแบบแนวทางและตัวอย่างการพัฒนาให้แก่พื้นที่อื่น ภายในศูนย์มีการแบ่งพื้นที่เพื่อทำการสาธิตและทดลองงานต่าง ๆ ได้แก่ การพัฒนาที่ดิน, การปศุสัตว์, การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ, งานศิลปาชีพและโครงการสวนป่าสมุนไพร, มีแปลงทดลองปลูกพืชนานาชนิด โดยจัดตั้งเป็น "สวนพฤกษศาสตร์ภาคตะวันออก" เพื่อดูแลงานวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรต่าง ๆ สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าชมศูนย์เป็นหมู่คณะและต้องการเจ้าหน้าที่นำเที่ยว โดยทำจดหมายติดต่อล่วงหน้า ซึ่งใช้เวลาชมประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน ในเวลา 08.00-17.00 น. โทรศัพท์ 0 3859 9105-6 หรือเว็บไซต์ khaohinsorn.com
ตลาดริมน้ำร้อยปี ตั้งอยู่ที่ถนนศุภกิจ (ทางไปอำเภอบางน้ำเปรี้ยว) เป็นตลาดโบราณริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงอายุกว่า 100 ปี ที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตผู้คนกับชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำมาเก่าแก่ได้เป็นอย่างดี และเพื่อเป็นการอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบนี้เอาไว้และสร้างอาชีพให้ชาวชุมชน จึงเกิด "ชมรมรักษ์ตลาดบ้านใหม่" ในตลาดจะมีสินค้าต่าง ๆ จำหน่ายทั้งอาหาร ข้าวแกง เครื่องดื่มโบราณ สมุนไพร ขนมทั้งไทย จีน ของเล่นโบราณ ของฝากของที่ระลึกต่าง ๆ วันเสาร์และอาทิตย์จะมีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาขายมากกว่าวันธรรมดา ระหว่างเวลา 09.00-1700 น. สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ชมรมรักษ์ตลาดบ้านใหม่ โทรศัพท์ 0 3881 7336, 08 6148 4513, 08 9881 7161, 08 9666 4266 หรือเว็บไซต์ tat8.com
ตลาดคลองสวน 100 ปี ตั้งอยู่ที่ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วิถีชีวิตของชาวคลองสวนทั้งชาวไทยจีน ชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม ผสมผสานวัฒนธรรม การดำรงชีวิตประจำวันอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ซึ่งจะเห็นได้จากสิ่งก่อสร้าง เช่น โรงเจ วัด สุเหร่า จะตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน และตลาดแห่งนี้จะเป็นแหล่งนัดพบของผู้คนมานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติอัน ได้แก่ ร้านกาแฟ สำหรับผู้ที่สนใจจะชมบรรยากาศของวิถีชีวิตร่วมสมัยย้อนยุคกว่า 100 ปี ชิมอาหารอร่อยทั้งอาหารคาวที่มีสูตรเฉพาะ ขนมหวาน กาแฟสูตรโบราณดั้งเดิม ชมของเก่าและสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า สามารถแวะชมได้ที่ตลาดคลองสวน 100 ปีแห่งนี้แห่งเดียว (วันเสาร์และอาทิตย์จะมีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาขายมากกว่าวันธรรมดา) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลคลองสวน โทรศัพท์ 0 2739 3329, 0 2739 3253 บริเวณตลาดมีเรือล่องคลองใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ตลาดโบราณนครเนื่องเขต ตำบลคลองนครเนื่องเขต อำเภอเมือง เป็นตลาดริมสองฟากฝั่งคลองนครเนื่องเขตที่มีมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ลักษณะเป็นบ้านเรือนไม้และตลาดของชุมขนไทย-จีน ขนานไปกับริมคลองและมีทางเดินเท้าและสะพานเชื่อมถึงกัน เทศบาลตำบลนครเนื่องเขตได้ฟื้นฟูภาพวิถีชีวิตของชุมชนชาวตลาดริมคลองขึ้นมาใหม่ โดยจัดให้มีการจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านอาหารพื้นเมืองนานาชนิด อาทิ ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ขนม กาแฟโบราณ ผลไม้ และพืชผัก มีทั้งร้านค้าบนบกและเรือพายขายอาหารในลำคลอง นอกจากนี้ผู้มาเที่ยวชมยังได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชุมชน ได้แก่ ศาลเจ้าไท่จือเอี้ย และศาลเจ้าปุนเถ้ากงอีกด้วย โดยร้านค้าจะเปิดจำหน่ายเฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
ตลาดน้ำบางคล้า อยู่ห่างจากตัวเมืองฉะเชิงเทราประมาณ 30 กิโลเมตร ตั้งอยู่หลังสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางคล้า เป็นตลาดริมแม่น้ำบางปะกง มีทั้งตลาดนัดบนบกและร้านค้าบนแพยาวคลุมหลังคาริมฝั่งแม่น้ำ มีเรือพ่อค้าแม่ค้าพายมาจอดเทียบขายสินค้าการเกษตรพื้นบ้านหลายชนิดตามฤดูกาล เหมาะสำหรับเดินเลือกซื้อและรับประทานอาหารหลากหลายทั้งคาวหวาน สินค้าที่ระลึก และสินค้าโอท็อปของจังหวัด ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีบริการเรือท่องเที่ยวล่องไปตามลำน้ำบางปะกงเพื่อชมทิวทัศน์สองฝั่งน้ำ
วัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นสถานที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่มีชื่อเสียงของฉะเชิงเทรา คือ "หลวงพ่อพุทธโสธร" พระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร สร้างขึ้นโดยฝีมือของช่างล้านช้าง สำหรับสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อโสธรจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในส่วนของวิหารจำลอง เนื่องจากทางคณะกรรมการวัดมีมติให้รื้อพระอุโบสถหลังเก่า ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมและคับแคบ แล้วสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พร้อมกับอัญเชิญพระพุทธโสธรองค์จำลองไปประดิษฐานไว้เพื่อเปิดให้ประชาชนได้นมัสการตามปกติ โดยเปิดให้ชมทุกวันในเวลา 07.00-16.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ระหว่างเวลา 07.00-17.00 น. สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วัดโสธรฯ โทรศัพท์ 0 3851 1048, 0 3851 1666 และบริเวณใกล้วัดยังมีท่าน้ำ ที่มีเรือบริการท่องเที่ยวลำน้ำบางปะกงไปขึ้นที่ตลาดบ้านใหม่อีกด้วย
วัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีองค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุข ซึ่งถือเป็นปางนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยให้ได้ไปกราบไหว้ อีกทั้งบริเวณรอบ ๆ ฐานพิฆเนศองค์ใหญ่จะมีพระพิฆเนศทั้ง 32 ปาง ประดิษฐานอยู่ เพื่อให้ผู้คนกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วัดสมานรัตนารา(ใหม่ขุนสมาน) ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา โทรศัพท์ 08 1983 0400 หรือที่เว็บไซต์ watsaman56.com, คุ้มวิมานดิน ถือเป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาทุกชนิดเลยก็ว่าได้ สำหรับคุ้มวิมานดินแหล่งท่องเที่ยวแบบใหม่สำหรับทุกคนในครอบครัว ที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งผลิตงานปั้นดินเผาในรูปแบบการปั้นมือล้วน ๆ แล้ว ยังมีการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมการปั้นดินด้วยตัวเอง, การชมบ้านดิน พร้อมทั้งเรียนรู้การเกษตรแนวธรรมชาติ รวมทั้งการเลือกซื้อสินค้าเครื่องปั้นดินเผาในราคาย่อมเยาอีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ คุ้มวิมานดิน 121/1 หมู่ 3 ตำบลคลองเขื่อน อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา และที่ โทรศัพท์ 087 825 1338 หรือที่เว็บไซต์ koomwimarndin.com
ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/ฉะเชิงเทรา
3. จังหวัดนครนายก
จังหวัดนครนายก ถือเป็นเมืองที่มีขนาดไม่ใหญ่ เงียบสงบ เหมาะกับการอยู่อาศัยและท่องเที่ยวพักผ่อน เป็นเมืองในฝันใกล้กรุง ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม รวมถึงมีกิจกรรมที่ สามารถทำได้ทั้งครอบครัว
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ น้ำตกสาริกา เป็นน้ำตกในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งอยู่ที่ตำบลสาริกา จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3049 ระยะทาง 12 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สายน้ำไหลตกจากหน้าผาเป็นทอด ๆ ถึง 9 ชั้น ผาที่สูงที่สุดประมาณ 200 เมตร แต่ละชั้นมีอ่างรับน้ำ บริเวณด้านล่างของน้ำตกมีบริการห้องอาบน้ำ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โทรศัพท์ 0 3731 9002
น้ำตกนางรอง ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตั้ง ห่างจากตัวเมือง 20 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 3049 ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นน้ำตกขนาดกลางที่ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ สวยงาม ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจากน้ำตกนางรองจะไหลเชี่ยวมาก ต้องระมัดระวังในการลงเล่นน้ำ ภายในจัดเป็นระเบียบสะอาดตา และมีบ้านพักบริการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 3738 5310, 0 3730 7100, 08 1639 3930
อุทยานวังตะไคร้ ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตั้ง ใกล้กับน้ำตกนางรองอยู่ห่างจากตัวเมือง 16 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 3049 อุทยานวังตะไคร้เป็นของกรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิจ และหม่อมราชวงศ์หญิงพันธุ์ทิพย์บริพัตร เป็นอุทยานที่ได้รับการตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนานาพรรณในเนื้อที่ 1,500 ไร่ มีถนนให้นำรถยนต์เข้าชมในบริเวณได้ เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไปทั้งประเภทเช้าไปเย็นกลับและพักค้างแรม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 03738 6164-5 ,08 1989 0365
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวนวัดฝั่งคลอง ตั้งอยู่ตำบลปากพลี ริมทางหลวงหมายเลข 33 พิพิธภัณฑ์นี้เป็นที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของชาวไทยพวนในอดีตอายุราว 200 ปี เช่น ผ้าซิ่นไทยพวน โม่หิน ถังต้มกาแฟโบราณ อุปกรณ์ในการทำนา เครื่องมือในการทอผ้า เปิดให้ชมฟรีทุกวัน เว้นวันจันทร์ เวลา 08.00-17.00 น. นอกจากนี้ภายในวัดยังมีการทำไข่เค็มสูตรใบเตยหอม สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทรศัพท์ 08 1458 8200 หรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ tat8.com
เขื่อนขุนด่านปราการชล (เขื่อนคลองท่าด่าน) สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อบรรเทาความทุกข์เรื่องการจัดสรรทรัพยากรน้ำของชาวนครนายกและจังหวัดใกล้เคียง ตัวเขื่อนประกอบด้วยเขื่อนหลักและเขื่อนรอง สร้างด้วยคอนกรีตบดอัด นับเป็นเขื่อนที่มีคุณประโยชน์นานัปการ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างความภาคภูมิใจให้ชาวนครนายก โดยด้านหน้าเขื่อนเป็นอ่างเก็บน้ำซึ่งมีพื้นน้ำสีขาวคั่นกลางผืนป่าสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ ด้านหลังเขื่อนเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพของชาวบ้าน รวมถึงกิจกรรมล่องแก่งลำน้ำนครนายกที่สามารถเล่นได้ตลอดทั้งปี ท้ายเขื่อนจัดเป็นพื้นที่ปลูกพันธุ์ไม้นานาชนิดและมีศูนย์การเรียนรู้ ทั้งพิพิธภัณฑ์เขื่อนขุนด่านปราการชล ท่าเรือสำหรับล่องแก่ง ส่วนพื้นที่บนภูเขาด้านบนสันเขื่อนเป็นจุดชมทิวทัศน์ต่าง ๆ และด้านบนจุดสูงสุดของภูเขาสร้างเป็นอาคารที่ประทับเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 3738 4334, 03738 4208-9
ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/สมุทรสงคราม
4. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ขึ้นชื่อว่าเป็นราชธานีเก่าแก่ของสยามประเทศที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด และด้วยพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน ตัวเมืองจึงมีลักษณะเป็นเกาะ เราจะเห็นบ้านเรือนปลูกเรียงรายหนาแน่นตามสองข้างฝั่งแม่น้ำแสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่ผูกพันอยู่กับสายน้ำมายาวนาน ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ที่พลาดไม่ได้ คือ การเที่ยวชมเมืองเก่า และการท่องเที่ยววัดต่าง ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ เพนียดคล้องช้าง ตั้งอยู่ในตำบลสวนพริก อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร ที่นี่ถือเป็นสถานที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นเพนียดคล้องช้าง หรือที่คัดเลือกช้างลักษณะดีไว้ใช้ในยามสงครามในสมัยโบราณแล้ว ปัจจุบันบริเวณเพนียดยังเป็นปางช้าง หรือที่พักช้างจำนวนหลายสิบเชือกที่มากจากจังหวัดต่าง ๆ เช่น สุรินทร์และชัยภูมิ เมื่อเสร็จจากการบริการนักท่องเที่ยวบริเวณวัดมงคลบพิตรในเกาะเมืองอยุธยาแล้ว ควาญช้างก็จะนำช้างมากพักอยู่บริเวณเพนียด, พระราชวังบางปะอิน ที่นี่เราสามารถเดินทางมาลงสถานีรถไฟที่บางปะอินซึ่งห่างจากพระราชวังประมาณ 20 กิโลเมตร และเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างหรือรถสามล้อ (เครื่อง) ในบริเวณนั้นให้ไปส่งได้ ภายในพระราชวังมีทางเลือกให้กับคนที่ไม่อยากเดินฝ่าแดดร้อน ด้วยการใช้บริการรถไฟฟ้าพร้อมคนขับรถ ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ภายในบริเวณพระราชวัง โดยคิดค่าโดยสารเป็นรายชั่วโมง ภายในพระราชวังบางปะอินมีโบราณสถานที่สวยงามและมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่มาก
พิพิธภัณฑ์เรือไทย ตั้งอยู่ซอยขาวมาลา ถนนบางเอียน ตำบลประตูชัย เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับชมเรือโบราณจำลอง ซึ่งเรือที่อยุธยาขึ้นชื่อว่าเป็นเวนิสตะวันออกของไทยอย่างแท้จริง มีแม่น้ำลำคลองครอบคลุมพื้นที่ดุจใยแมงมุม เรือจึงเกี่ยวโยงกับคนอยุธยาตั้งแต่ชนชั้นกษัตริย์ที่ใช้ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ และเสด็จโดยกระบวนเรือ จนถึงสามัญชนที่ใช้เป็นพาหนะในการสัญจรไปมา สำหรับสิ่งที่น่าสนใจ เช่น เรือโบราณจำลอง อาคารพิพิธภัณฑ์มีลักษณะเป็นเรือนไทยสองชั้น ชั้นล่างจัดแสดงเรือจำลองต่าง ๆ ที่อาจารย์ไพฑูรย์ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีผลงานนับร้อยลำ เรือบางลำเป็นเรือโบราณที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อาจารย์จำลองขึ้นจากการศึกษาค้นคว้าทั้งเอกสาร ภาพจิตรกรรมตามวัดในอยุธยา และที่กล่าวถึงไว้ในวรรณคดีไทยเรื่องต่าง ๆ เมื่อมีนักท่องเที่ยวแวะเข้าไปชมอาจารย์ไพฑูรย์จะทำหน้าที่นำชมและอธิบายให้ฟังด้วยตนเอง อาจารย์รู้จักและรักเรือจำลองทุกลำที่ต่อขึ้น แต่มีเรือบางลำที่อาจารย์ภูมิใจ อย่างเรือสำเภาจำลองที่ใช้กันในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งต้องค้นข้อมูลจากเอกสารโบราณหลายฉบับ เรือพระที่นั่งสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งถอดแบบมากจากภาพจิตกรรมในวัดสุวรรณดาราม เรือมาดประทุน มาจากการอ่านนิราศสุนทรภู่ แล้วนำไปจินตนาการ เป็นต้น นอกจากนี้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่เก็บค่าเข้าชม แต่นักท่องเที่ยวอาจมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์เรือไทยโดยการบริจาคสมทบค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลคลองสวนพลู ริมแม่น้ำป่าสักทางทิศใต้ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง ห่างจากตัวเมืองราว 5 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย เป็นวัดที่มีมาก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งซึ่งครองเมืองอโยธยาเป็นผู้สร้างขึ้นตรงที่พระราชทานเพลิงศพพระนางสร้อยดอกหมาก และพระราชทานนามวัดว่า "วัดพระเจ้าพระนางเชิง" (หรือวัดพระนางเชิง) พระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ตามพงศาวดารกล่าวว่าสร้างเมื่อพ.ศ.1867 ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา 26 ปีเดิมชื่อ "พระพุทธเจ้าพนัญเชิง"(พระเจ้าพะแนงเชิง) แต่ในรัชกาลที่ 4 เมื่อมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปองค์นี้ได้พระราชทานนามใหม่ว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก"(ชาวบ้านนิยมเรียกหลวงพ่อโต ชาวจีนนิยมเรียกว่าซำปอกง ผู้คุ้มครองการเดินทางทางทะเล) เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบอู่ทองปางมารวิชัยลงรักปิดทอง มีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตรและสูง 19.13 เมตร ฝีมือปั้นงดงามมาก เบื้องหน้ามีตาลปัตรหรือพัดยศและพระอัครสาวกที่ทำด้วยปูนปั้นลงรักปิดทองประดิษฐานอยู่เบื้องซ้ายและขวา อาจนับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปนั่งสมัยอยุธยาตอนต้นที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง
วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับชมเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา อีกทั้งยังสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยวกันอย่างเนืองแน่น ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ด้านหลังวัดจัดสร้างตำหนักสมเด็จพระนเรศวรให้ผู้นับถือศรัทธาเข้ากราบไหว้ได้ นอกจากนี้รอบบริเวณมีสวนหย่อมสวยงามให้พักหย่อนใจอีกด้วย สำหรับสิ่งที่น่าสนใจเมื่อมาเยี่ยมชมวัดใหญ่ชัยมงคล คือ เจดีย์ ตั้งอยู่บนฐานสูง เป็นเจดีย์ที่มีฐานบัลลังก์แปดเหลี่ยม สูงจากฐานถึงยอด 60 เมตร สามารถแลเห็นได้แต่ไกล มีบันไดขึ้นสู่ลานทักษิณ บนเจดีย์ด้านหน้ามีพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ที่เชิงบันไดมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยสององค์ ด้านซ้ายเรียกว่า เจ้าแก้ว ส่วนด้านขวาเรียกว่า เจ้าไท เจดีย์องค์นี้สร้างครอบซากเจดีย์องค์เก่า นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าอาจสร้างครอบมาแต่ครั้งกรุงอโยธยาแล้วก็ได้
วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ สิ่งที่น่าสนใจในวัด คือ เศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งมีรากไม้ปกคลุมเข้าใจว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุงจนรากไม้ขึ้นปกคลุมมีความงดงามแปลกตาไปอีกแบบ, วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดสำคัญที่สร้างอยู่ในพระราชวังหลวง เทียบได้กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพมหานครหรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัย ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างพระราชมณเฑียรเป็นที่ประทับบริเวณนี้ ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงย้ายพระราชวังขึ้นไปทางเหนือและอุทิศที่ดินเดิมให้สร้างวัดขึ้นภายในเขตพระราชวังและโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเขตพุทธาวาสขึ้น เพื่อเป็นที่สำหรับประกอบพิธีสำคัญต่างๆ จึงเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา
ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 หรือ เว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/พระนครศรีอยุธยา
5. จังหวัดสมุทรสงคราม
ภาพจาก shutterstock/Jaromir-Chalabala
จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าก็ถึง หากใครชอบการท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นอาชีพการทำสวนผักผลไม้ การเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว หรือเที่ยวชมตลาดน้ำที่ยังคงสภาพตลาดนัดแบบชาวบ้านชาวสวนของชุมชนริมคลอง จังหวัดสมุทรสงครามจึงเป็นจังหวัดที่น่าไปเยี่ยมเยือนสำหรับผู้สนใจการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและวัฒนธรรม
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดริมคลองตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม เปิดทุกวันศุกร์-อาทิตย์ ในช่วงตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00-20.00 น. โดยในคลองอัมพวาจะมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหารและเครื่องดื่ม เช่น หอยทอด ก๋วยเตี๋ยว กาแฟ โอเลี้ยง ขนมหวานต่าง ๆ และมีรถเข็นขายของบนบกด้วย บรรยากาศสบาย ๆ มีเพลงฟังจากเสียงตามสายของชาวชุมชน ประชาชนสามารถเดินเที่ยวชมตลาดหาซื้ออาหารรับประทาน และเช่าเรือไปไหว้พระทางน้ำหรือเที่ยวชมดูหิ่งห้อยในยามค่ำคืนได้, ตลาดน้ำท่าคา ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าคา เป็นตลาดนัดทางน้ำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของวิถีชีวิตชาวบ้านซึ่งมีอาชีพทำสวนปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ชาวบ้านจะพายเรือนำผลผลิต พืชผักและผลไม้จากสวน เช่น พริก หอม กระเทียม น้ำตาลมะพร้าว ฝรั่ง มะพร้าว ชมพู่ ส้มโอมาขาย-แลกเปลี่ยนกัน
ตลาดน้ำบางนกแขวก เคยเป็นแหล่งการค้าในที่คึกคักในอดีต ริมฝั่งมีเรือนแถวไม้เก่าแก่กว่า 100 ปี ปลูกติดต่อกัน ร่องรอยของอดีตหาชมได้ที่ร้านขายยาจีนตงซัวฮึ้ง ปั๊มน้ำมันเก่าแก่ริมแม่น้ำ บ้านนายกังวาน "เจ้าพ่อบางนกแขวก" บ้านอภิเดช ศิษย์หิรัญ นักมวยไทยฉายาจอมเตะแห่งบางนกแขวก มีตรอกเล็ก ๆ ทางเข้าตลาดที่เดิมเคยเป็นทางเดินไปโรงสูบฝิ่น สำหรับอาหารน่าชิมได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวปู ผัดไทยกุ้งสด ก๋วยเตี๋ยวกะลา หอยเชลล์อบเนย อิ่วก้วยไส้เค็มและไส้หวาน สละลอยแก้ว ฯลฯ โดยเปิดตลาดในวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00-17.00 น., ตลาดน้ำบางน้อย ตั้งอยู่ที่ปากคลองบางน้อย (วัดเกาะแก้ว) ห่างจากอุทยาน ร.2 ประมาณ 5 กิโลเมตร จะเปิดขายของในวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป สินค้าที่จำหน่ายมีทั้งผลผลิตทางการเกษตรจากชาวสวน ผลไม้ต่าง ๆ รวมทั้งอาหารคาวหวานอันขึ้นชื่อของสมุทรสงคราม สามารถเดินเลียบคลองชมบรรยากาศบ้านไม้เก่าแก่และร้านค้าต่าง ๆ ที่เรียงรายริมคลองบางน้อยได้อย่างเพลิดเพลิน
ดอนหอยหลอด สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นสันดอนตั้งอยู่ปากแม่น้ำแม่กลอง เกิดจากการตกตะกอนของดินปนทรายหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ทรายขี้เป็ด ที่นี่มีหอยอาศัยอยู่หลายชนิด แต่พบว่าหอยหลอดมีจำนวนมากที่สุด ซึ่งการจับหอยหลอดจะจับในช่วงน้ำลง และช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเที่ยวดอนหอยหลอดคือประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม เพราะเป็นช่วงที่น้ำทะเลจะลดลงนานกว่าช่วงเวลาอื่น และสามารถมองเห็นสันดอนโผล่ขึ้นมา นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือบริเวณศาลาอาภากร ใกล้กับศาลกรมหลวงชุมพรฯ เพื่อนั่งเรือไปชมดอนหอยหลอดได้, ป่าชายเลนคลองโคน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสงคราม ที่รวมเอาความสนุกไว้พร้อมกับสาระความรู้และการอนุรักษ์ป่าชายเลนให้ยั่งยืนตลอดไป
ตลาดหุบร่ม ตั้งขายอยู่ริมทางรถไฟใกล้สถานีรถไฟแม่กลอง ความยาวของตลาดประมาณ 100 เมตร บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะวางขายสินค้าบนพื้นจนติดกับรางรถไฟ เวลารถไฟมาก็ต่างหุบร่มที่กางและเก็บสินค้าภายในพริบตา จนเป็นที่มาของชื่อตลาดหุบร่มนั่นเอง
ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 และเว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/สมุทรสงคราม
|
|