ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียวและยังร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงพ่อแม่จึงตามใจทุกอย่าง เธอจึงบอกพ่อแม่ว่าอยากแต่งงานกับชายผู้นี้และพ่อแม่ของเธอจึงยื่นข้อเสนอไปยังครอบครัวของชายหนุ่มและทางฝั่งผู้ชายก็ได้ตอบตกลงโดยที่ชายหนุ่มไม่ได้เต็มใจเพราะตนก็มีคนรักอยู่แล้ว คืนก่อนวันแต่งงานนั้นหญิงสาวได้เกิดไข้ขึ้นสูงและมีอาการป่วยอย่างรุนแรงแต่ทว่าก็ยังฝืนใจทำพิธีในตอนเช้าจนเสร็จสิ้น แต่ทว่าเมื่อใก้ลเวลาจะทำพิธีในตอนเย็นอาการป่วยก็ทรุดหนักจนหญิงสาวนั้นเสียชีวิตไปทั้งชุดเจ้าสาว ด้วยความที่เป็นครอบครัวที่ยึดมั่นในธรรมเนียมทางครอบครัวฝ่ายเจ้าสาวจึงต้องการที่จะให้ทำพิธีต่อไปให้เสร็จสิ้นเพื่อไม่ให้โดนครหาและมีความเชื่อว่าวิญญาณของหญิงสาวจะพอใจ
ชายหนุ่มต้องกล้ำกลืนทำพิธีร่วมกับ “ศพ” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากพิธีผ่านพ้นมาจนถึงพิธีสำคัญคือการส่งตัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเข้าเรือนหอฝ่ายชายจะต้องอยู่กับเจ้าสาวจนถึงเช้า ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่ทำให้ชายหนุ่มหมดความอดทนเพราะไม่ได้มีความรักความผูกพันกับเจ้าสาวเลยแม้แต่นิดแต่ต้องถูกบังคับให้อยู่ร่วมกับศพ เขาจึงตัดสินใจหนีออกไปในระหว่างการเตรียมส่งตัวเข้าหอนั่นเอง เรื่องราวหลังจากนั้นชายหนุ่มก็หนีไปเป็นทหารแต่ด้วยอิทธิพลของครอบครัวฝ่ายเจ้าสาวนั้นก็จัดการ “ลาก” ชายหนุ่มให้กลับมาทำพิธีต่อให้จบ ภาพนี้เป็นการถ่ายหลังจากที่เจ้าสาวเสียชีวิตไปแล้วกว่า 6 วัน ซึ่งศพถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีและนำมาจัดท่าทางให้เหมือนกับมีชีวิตเพื่อประกอบพิธีให้เสร็จสิ้น ว่ากันว่าหลังจากส่งตัวเข้าเรือนหอและทำการ “ล็อกประตู” จากภายนอกและเวรยามเฝ้าไม่ให้ใครเข้าออก ผ่านไปจนรุ่งเช้า ญาติฝ่ายเจ้าสาวก็เข้าไปในห้องเพื่อนำอาหารเช้าเข้าไปให้ก็พบร่างที่ไร้ลมหายใจของเจ้าบ่าวนั่งพิงกำแพง หน้าตาเหมือนกับตกใจสุดขีด ตาค้างมองไปที่ร่างของเจ้าสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากบนใบหน้าของเจ้าสาว เรื่องราวของรูปอาถรรพ์ถูกส่งต่อกันเป็นวงกว้าง โดยมีความเชื่อว่าถ้าลองมองรูปนี้สักพักแล้วผู้ใดเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าสาวนั้น รับรองเลยว่าหายนะจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ได้พบรอยยิ้ม อย่าจ้องนานนะ เราเตือนคุณแล้ว!! เรียบเรียง: SpokeDark.TV
|