ผมคิดว่าคนไทยโดยส่วนมากโดยเฉพาะชาวพุทธ...นอกจากเราจะเคารพนับถือบูชาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์แล้ว ความอ่อนน้อมถ่อมตนตามนิสัยของคนไทย ทำให้เรายังเคารพกราบไหว้ไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆอีกด้วย... ผมเองก็เช่นเดียวกันเริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนของศาสนาคริสต์ตั้งแต่เด็ก จึงไม่แปลกที่ผมจะสวดมนต์ของศาสนาคริสต์ได้อย่างแม่นยำหรือเดินผ่านหน้าถ้ำแม่พระ รูปปั้นพระเยซูหรือนักบุญต่างๆ ก็ก้มหัวหรือยกมือไหว้ได้อย่างสนิทใจ บางครั้งบางทีก็บนกับรูปปั้นเหล่านั้นเพื่อให้ตัวเองสอบผ่าน หรือแม้แต่เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยเวลาไปนอนบ้านเพื่อน ช่วงที่เขาทำละหมาดกันผมก็ยังนอนหลับตาแต่พนมมือตามไปด้วย จะยกเว้นอย่างเดียวสำหรับผมคือการไม่หลงไปกราบไหว้บรรดาของประหลาดๆ ที่ตกเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ ถามใจตัวเองว่าทำอย่างนี้ผิดไหม ผมก็ตอบใจตัวเองว่าไม่ผิด ก็เพราะผมเคารพกราบไหว้แต่สิ่งดีดี ซึ่งผมเชื่อว่าการที่ผมคิดหรือทำแบบนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ “ผมรักพระพุทธเจ้าน้อยลง” และผมก็เชื่อมั่นต่อไปอีกว่า ”พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่คิดจะลงโทษผมเช่นกัน.......” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเหล่านี้ ผมคิดว่าท่านเป็นพวก “เทวดา” ตามภาษาชาวบ้านเราเข้าใจว่าเทวดาคือผู้ที่กระทำคุณงามความดี เมื่อหมดอายุขัยในโลกมนุษย์แล้วท่านเหล่านี้ก็จะไปเกิดเป็นเทพ เทวดา ตามชั้นตามขั้นแล้วแต่ว่าใคร ผู้ใดได้กระทำความดีไว้ขนาดไหน ....เทพ เทวดา มีจริงนะครับ ซึ่งถ้าเลยจากชั้นเบสิกนี้ไปก็จะเป็นชั้นพรหมและถ้าท่านผู้นั้นทรงคุณถึงขั้นอรหันต์ก็จะพ้นพรหมเข้าสู่นิพพานได้ ดังนั้นการที่เราเคารพกราบไหว้เทพ พรหม “ย่อมแสดงว่าเราได้แสดงความเคารพต่อผู้ที่มีคุณธรรมอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเหนือกว่าพวกเรา” ผมพูดอย่างนี้เพื่อนๆคิดว่าอย่างไรครับ.... พูดถึงเรื่องอิทธิฤทธิ์บ้าง เรื่องพวกนี้เราจะไป “ลบหลู่หรือดูหมิ่นดูแคลน”ว่าเป็นเรื่อง “เหลวไหล”ไม่ได้ เพราะอะไรเหรอครับ...อำนาจหรือฤทธิ์ของเทพเหล่านี้ได้เคยแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้เราเห็นอยู่เสมอๆ ..... ยกตัวอย่างนะครับ เช่นพระสยามเทวาธิราช พระพรหมเอราวัณ หรือแม้แต่องค์จตุคามรามเทพ หรือจะเป็นเจ้าจีนบ้าง เช่นเจ้าพ่อเสือ ไต้ฮงกงโจวซือ ในบรรดาเทพเหล่านี้ “พระพรหม” จะเป็นมหาเทพที่เรานิยมกราบไหว้มากที่สุด.. ในส่วนของชาดกตำนานทางพุทธเราจะพบว่าท่านท้าวมหาพรหมจะมาปรากฏให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ เพื่อนๆลองนึกถึงภาพพุทธประวัติซิครับเราจะเห็นภาพของพระพรหมอยู่เสมอๆ ... ผมกำลังจะบอกต่อไปว่าในขณะเดียวกันกับที่เราเคารพกราบไหว้พระพรหมนั้น พวกเราลืมคิดถึง “มหาเทพ”ที่อยู่ใกล้ๆตัวเราไปหรือเปล่า....ท่านเป็นท้าวมหาพรหมที่ทรงคุณวิเศษมากที่สุด ท่านเป็นเทพที่ทรงคุณความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อเราอย่างเป็นที่สุด แม้แต่ยามที่เราเจ็บไข้เจียนตายท้าวมหาพรหมองค์นี้ก็เจ็บปวดไปพร้อมกับเรา แต่ถ้าพวกเรามีความสุขท่านก็สุขด้วย...เพียงแต่ท่านไม่เคยคิดจะขอแบ่งปันความสุขนั้นจากเราเลย....“ท่านท้าวมหาพรหมองค์นี้ ท่านทรงคุณวิเศษสุดแล้ว”ที่ผมพูดมาอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องผิดเพี้ยนเลย....แม้แต่..”องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ยังทรงรับรอง” ...ถึงตอนนี้เพื่อนๆ คงเดาออกแล้วใช่มั๊ยครับท่านท้าวมหาพรหมองค์นี้คือผู้ใด “พรหมบิดา พรหมมารดา” ของเราไงครับ... ครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายๆท่าน เน้นเรื่องของ “ความกตัญญูต่อพ่อแม่เป็นที่สุด” ...ผมอยากจะเล่าเหตุการณ์จริงๆให้ฟังครับ...เมื่อครั้งผมยังละอ่อนและติดตามเพื่อนๆไปเที่ยวเชียงใหม่ พวกเราได้เข้าไปเที่ยวที่วัดอรัญวิเวก (บ้านปง) ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตงได้มีโอกาสกราบนมัสการ “ท่านพระอาจารย์เปลี่ยน ปญญาปทีโป” ...ในช่วงจังหวะหนึ่งของการสนทนาผมจำได้แม่นยำเลยว่า “ไม่ว่าจะมีเรื่องน้อยใจอะไรก็แล้วแต่ ห้ามไม่ให้ทะเลาะกับพ่อแม่ ไม่ให้ทำหน้ายักษ์ หน้ามารเข้าใส่พ่อแม่ หรือในบางเรื่องที่เราถูกก็ห้ามต่อว่าพ่อแม่อย่างเอาเหตุเอาผลอย่างเด็ดขาด...เพราะในชีวิตประจำวันของเรานั้น บางครั้งกับเพื่อนฝูงหรือเพื่อนร่วมงานเขากลั่นแกล้งเราทุกอย่างสารพัด เรายังต้องทนระงับโทสะเอาไว้ บางทียังไม่รู้เรื่องอะไรเลยเรายังต้องอดทนเก็บเอาความโกรธเหล่านั้นไว้ในใจ แล้วกลับพ่อแม่เราที่มีบุญคุณต่อเราอย่างที่สุด เหนือกว่าเจ้านายผู้บังคับบัญชาทั้งหมด ทำไมเราจะยอมทนยอมยกให้พ่อแม่ไม่ได้ แค่บุญคุณที่ท่านได้ให้เราเกิดมาอย่างเดียวก็ตอบแทนไม่หมดอยู่แล้ว”….ฟังแล้วได้ใจเลยครับ และเมื่อผมตัวโตขึ้นมาอีกหน่อย จำได้ว่าในวันเกิดผมได้ขับรถไปกราบ “ท่านหลวงพ่อจ่าง วัดเขื่อนเพชร” จังหวัดเพชรบุรี หะแรกพอท่านทราบว่าเป็นวันเกิดของผม ท่านบอกจะให้ของขวัญ ผมละดีใจอย่างมากนึกว่าตัวเองจะได้รับพระจากท่าน เพราะอะไรเหรอครับเพราะท่านหลวงพ่อจ่าง ตามความเชื่อของนักนิยมพระเครื่อง เชื่อกันว่าท่านเป็น “พระเกจิที่สำเร็จอภิญญา” ดังนั้นการที่เราจะได้รับของจากท่านถือเป็นบุญแก่ตัวเราที่เดียว ….แต่แล้วฝันของผมก็ต้องสลายเมื่อท่านสั่งให้พระที่คอยดูแลท่านอยู่ให้ไปหยิบเอา “ไม้ตะพต”ของท่านออกมา จังหวะนั้นท่านหันมามองที่ผมแล้วพูดด้วยเสียงดังๆ ดุๆ ว่า “ช่วยหยิบไม่ตะพตมาหน่อย ข้าจะเอาเลือดหัวมันซักหน่อย ไอ้คนนี้วันเกิดไม่ยอมอยู่กราบไหว้พ่อแม่ มึงรู้มั๊ยพ่อแม่เป็นพระพรหมของพวกมึงเลยนะโว๊ย” พอเห็นผมทำท่าตกใจ ท่านก็หัวเราะเสียงดังๆ.....ซึ่งจริงๆแล้วท่านเพียงแต่ดุผมเท่านั้น ไม่ได้จะเอาไม้ตะพตมาตีหัวผมจริงๆ และในที่สุดท่านก็มอบพระมาให้ผมรวมไปถึงฝากมาให้คุณพ่อ คุณแม่ของผมด้วย... ผมออกจากวัดเขื่อนเพชรอย่างใจระทึก...รีบขับรถต่อเพื่อที่จะไปกราบ “ท่านหลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง” ขณะนั้นทางเข้าวัดตาลกงยังคงมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่ ชั่งใจว่าจะไม่เข้า...แต่ในที่สุดครับ “ความโลภก็เข้าครอบงำความกลัว” ซึ่งในเวลาไม่นานผมก็มานั่งเสนอหน้าอยู่ตรงหน้าท่านหลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง...สนทนากับท่านไปซักพัก พอท่านทราบว่าเป็นวัดเกิด ท่านก็ให้พรผมและกำชับกับผมว่า.... “ต่อไปนี้ทุกวันเกิด ให้ผมกราบไหว้พ่อแม่ เมื่อพ่อแม่ให้พรเรา พรนั้นแหละประเสริฐสุด ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าที่ท่านให้ผมซะอีก ท่านย้ำคำพูดว่าพรของพ่อแม่ เป็นเช่นพรของพระพรหม ยิ่งใหญ่และมหาศาลนัก” ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ เพื่อต้องการจะบอกว่า ท่านใดที่นิยมบูชาพระพรหม ไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่ประการใด เพราะผมเองก็บูชาท่านเหมือนกันและมีเหรียญพระพรหมที่ครูบาอาจารย์ของผมได้สร้างขึ้นมาติดตัวอยู่เป็นประจำ แต่ทั้งนี้การบูชาพระพรหมก็อยากให้ได้บูชาไปถึงคุณบิดา คุณมารดาด้วย พระคุณของพ่อแม่มีมากล้นเหลือคณานับ ..ลองคิดซิครับครูบาอาจารย์ที่ผมเล่าให้ฟังข้างต้นทั้งสามองค์ ท่านเป็น “พระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบขนาดไหน”..หรือแม้กระทั่ง “พระพุทธองค์” ท่านก็ยังทรงยกย่องว่า “พ่อแม่เป็นท้าวมหาพรหมของบุตร” ครับ..คนเราบูชากราบไหว้รูปอะไรๆก็ได้ตั้งมากมาย แต่มักจะละเลยรูปพ่อ รูปแม่...ผู้เป็นพระพรหมแท้ๆ ไปได้... ขอขอบคุณรูปภาพประกอบเรื่องจาก หนังสือพรหมสี่หน้า (สนพ.อัมรินทร์) และวิกิพีเดีย
|