ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5540
ตอบกลับ: 7
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เจดีย์เหลยเฟิง (นางพญางูขาว)

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-1-24 13:45

  เจดีย์เหลยเฟิง (Leifeng Pagoda)


       ตั้งอยู่ที่เนินเขาทางด้านทิศใต้ของทะเลสาบซีหู สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.977 โดยกษัตริย์เฉียนหงชู่ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งแคว้นอู๋เยว่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบแคว้นของยุค 5 ราชวงศ์ 10 แคว้น เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ ของพระพุทธเจ้า   และเป็นการฉลองในวาระที่พระองค์ได้พระโอรสที่ประสูติโดยพระสนมเอก
       เมื่อแรกสร้างนั้นเจดีย์เหลยเฟิงมีรูปทรง 8 เหลี่ยม สูง 5 ชั้น โดยสร้างจากไม้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนด้านภายนอกเป็นอิฐสีแดงน้ำตาลที่นี่เคยเป็นหนึ่งในสิบทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดของทะเลสาบซีหู โดยได้รับการเรียกขานว่า “อาทิตย์อัสดงที่เหลยเฟิง” อันหมายความว่าที่นี่จะสวยงามที่สุดในช่วงเวลาตะวันจะลับฟ้า
         เมื่อกาลเวลาผันผ่านแคว้นอู่เยว่ถูกรวมเข้าไปกับราชวงศ์ซ่งเหนือ พอสิ้นอำนาจราชวงศ์ที่สร้าง เจดีย์เหลยเฟิงก็ไม่ได้รับการใส่ใจดูแล พอถึงยุคราชวงศ์หมิงก็ยังถูกโจรสลัดญี่ปุ่นเผาทำลาย ทรัพย์สินมีค่าถูกโจรกรรม ชาวบ้านเองก็เชื่อว่าอิฐจากเจดีย์แห่งนี้เมื่อนำไปบดเป็นผงสามารถรักษาโรคได้ ก็คงจะรื้อค้นขุดคุ้ยกันมาหลายยุคสมัยจนเมื่อถึง ค.ศ.1924 เจดีย์เหลยเฟิงก็พังทลายลงมา
         แต่ด้วยความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ ทำให้มีการสร้างเจดีย์เหลยเฟิงขึ้นมาใหม่จนแล้วเสร็จเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.2002 โดยในระหว่างการก่อสร้างได้ขุดค้นพบโบราณวัตถุที่เกี่ยวพันกับศาสนาและประวัติศาสตร์จำนวนมาก เช่น เครื่องหยก เงิน ทองแดง เครื่องประดับ คำภีร์ พระพุทธรูป และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือสถูปเงินขนาดเล็กแแกะสลักเป็นภาพพุทธประวัติ สูง 35.6 เซนติเมตร ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโศกมหาราช สำหรับเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาของพระพุทธเจ้า
         ปัจจุบันเจดีย์แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ บริเวณฐานชั้นล่างสุดจัดนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของเจดีย์จากอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยตรงกลางเป็นซากเจดีย์เก่า ชั้นที่สองมีภาพไม้แกะสลักเล่าเรื่องราวบางฉากของตำนานนางพญางูขาว ส่วนชั้นบนสุด แสดงภาพพุทธประวัติ และมีระเบียงสำหรับชมทิวทัศน์และที่พิเศษคือ   เมื่อปี พ.ศ. 2554 ได้มีการขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโกให้ ทะเลสาบซีหู เมืองหังโจว เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม


         


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-1-24 13:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-1-24 14:10

เจดีย์เหลยเฟิง เจดีย์แปดเหลี่ยมริมทะเลสาบซีหู
            เจดีย์เหลยเฟิง (Leifeng Pagoda) เจดีย์ 8 เหลี่ยม สูง 5 ชั้น ตั้งอยู่บนยอดเขาเป่าซื่อซาน (Baoshi Shan) ทางทิศใต้ของทะเลสาบซีหูในเมืองหังโจว โครงสร้างหลักของเจดีย์เป็นไม้ล้อมด้วยอิฐสีน้ำตาลแดง


นิทานนางพญางูขาวและสวี่เซียน ในเทพนิยาย“นางพญางูขาว”ที่รู้จักกันทั่วไปของจีน เล่ากันว่า มีงูขาวตัวหนึ่ง บำเพ็ญตบะนับพันปี จนแปลงกายเป็นคนได้ ได้แปลงเป็นสตรีชื่อ “ไป๋เหนียงจื่อ” ผู้สวยงาม ส่วนงูเขียวอีกตัวหนึ่ง บำเพ็ญตบะเป็นเวลา 500 ปี แปลงตัวเป็นสาวน้อยน่ารัก “เสี่ยวชิง” ผู้มีชีวิตชีวา สองคนนี้เป็นเพื่อนกันไปเที่ยวทะเลสาบซีหู เมื่อเดินทางถึงสะพานขาด งูขาวได้พบเห็นนักศึกษาปัญญาชนที่สง่างามคนหนึ่งท่ามกลางหมู่คนจำนวนมาก เธอเกิดหลงรักเขาขึ้นมาทันที งูเขียวจึงร่ายเวทมนตร์ลับๆ ทำให้ฝนตกทันทีทันใด นักศึกษาโค้วเซียงถือร่มจะไปนั่งเรือในทะเลสาบ เห็นงูขาวกับงูเขียวถูกฝนสาด ท่าทางกระเซอะกระเซิง สวี่เซียนจึงเอาร่มให้พวกเธอกันฝน แต่ตนเองยืนอยู่ห่างๆ ปล่อยให้ฝนสาดใส่ งูขาวเห็นสวี่เซียนเป็นคนซื่อ ก็ยิ่งรู้สึกรักเขามากขึ้น ส่วนสวี่เซียนก็หลงรักในความงามของงูขาว ด้วยความช่วยเหลือของงูเขียว สองคนจึงได้แต่งงานกัน และเปิดร้านขายยาในบริเวณทะเลสาบซีหู รักษาโรคให้กับผู้คน ทำให้ชาวบ้านยอมรับพวกเขาอย่างดี

แต่ฝ่าไห่เจ้าอาวาสวัดจินซานตระหนักว่างูขาวเป็นปีศาจ จะมาทำลายมนุษย์ จึงไปบอกสวี่เซียนว่า เมียของเขาเป็นงู และสอนวิธีตรวจสอบให้กับสวี่เซียนด้วย เขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

อีกไม่นานก็ถึงเทศกาลสารทจีน ชาวบ้านทั่วไปจะดื่มเหล้าชนิดหนึ่งที่ชื่อ สงหวงจิ่ว เพื่อขจัดเภทภัยสิ่งอัปมงคล สวี่เซียนทำตามคำสั่งของฝ่าไห่ บังคับไป๋เหนียงจื่อดื่มเหล้าชนิดนี้ เวลานั้น ไป๋เหนียงจื่อกำลังตั้งครรค์ แต่ปฏิเสธสวี่เซียนไม่ได้ หลังดื่มเหล้าแล้วก็กลายเป็นงูทันที สวี่เซียนตกใจจนสิ้นชีวิต เพื่อช่วยชีวิตสวี่เซียน ไป๋เหนียงจื่อไม่คำนึงว่าตนกำลังตั้งครรค์ เดินทางไกลนับพันลี้ ไปขโมยหญ้าหลินจือที่สามารถชุบชีวิตได้ที่ขุนเขาคุนหลุน

นางต้องต่อสู้ กับทหารยามที่พิทักษ์รักษาหญ้าหลินจืออย่างไม่เห็นแก่ชีวิตตน ทหารยามรู้สึกชื่นชมมาก จึงมอบหลินจือแก่นางไป เมื่อสวี่เซียนกลับฟื้นขึ้นมาแล้ว รู้ว่าไป๋เหนียงจื่อรักตนเองจริงๆ ผัวเมียคู่นี้จึงรักกันยิ่งกว่าเดิม

แต่ฝ่าไห่ยังไม่ยอมให้งูขาวอยู่ในโลกมนุษย์ เขาลวงสวี่เซียนให้เข้าไปในวัดจินซาน บังคับให้เขาบวช งูขาวกับงูเขียวโกรธมาก นำทหารสัตว์น้ำเข้าโจมตีวัดจินซาน อยากจะช่วยสวี่เซียนหนีออกจากวัด พวกนางร่ายเวทมนตร์ไม่หยุด ทำให้น้ำท่วมวัดจินซาน นั่นก็คือ น้ำท่วมจินซาน เรื่องราวเล่าขานที่มีชื่อเสียงในสมัยโบราณ

แต่ฝ่าไห่ก็ได้แสดงพลังอย่างแรงกล้า ไป๋เหนียงจื่อครรภ์แก่จวนจะคลอด จึงสู้ฝ่าไห่ไม่ไหว เสี่ยวชิงพยายามช่วยไป๋เหนียงจื่อให้หนีไป พอหนีไปถึงสะพานขาด ก็พบกับสวี่เซียนที่หนีออกจากวัดจินซาน มาได้ สามีภรรยาคู่นี้หลังประสบภัยพิบัติได้กลับมาพบกันอีกที่สะพานขาด ซึ่งเป็นสถานที่ที่พบกันครั้งแรก รู้สึกสะเทือนใจมาก กอดคอกันร้องไห้อย่างน่าเวทนา ไป๋เหนียงจื่อเพิ่งจะคลอดลูกชาย ฝ่าไห่ก็ตามมาถึงอีกครั้ง และจับนางไปคุมขังไว้ใต้เจดีย์เหลยเฟิงในบริเวณทะเลสาบซีหูอย่างไร้ความปรานี และยังสาปไว้ว่า นอกจากน้ำทะเลสาบซีหูจะแห้งหมดและเจดีย์ล้มลงแล้วเท่านั้น นางจึงจะกลับสู่โลกมนุษย์ได้

• หลายปีต่อมา เสี่ยวชิงได้บำเพ็ญตบะจนแก่กล้า กลับมาทะเลสาบซีหูอีกครั้งและต่อสู้กับฝ่าไห่จนชนะ ได้สูบน้ำทะเลสาบซีหูจนเหือดแห้งและล้มเจดีย์เหลยเฟิงลง จึงได้ช่วยไป๋เหนีงจื่อออกจากเจดีย์ที่คุมขังได้

• เรื่องเศร้าระดนยินดีที่พบกันและแยกกันระหว่างไป๋เหนียงจื่อกับสวี่เซียนบนสะพานขาดในบริเวณทะ
เลสาบซีหู สร้างความสะเทือนใจแก่นักท่องเที่ยวจนยากที่จะลืมทะเลสาบซีหูได้

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-1-24 13:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-1-24 13:52

เจดีย์เหลยเฟิงสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 977 เพื่อเป็นสถานที่เก็บรักษาพระเกศาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อฉลองที่สนมของจักรพรรดิให้กำเนิดบุตรชาย        พอสิ้นอำนาจราชวงศ์ที่สร้าง    เจดีย์เหลยเฟิงก็ไม่ได้รับการใส่ใจดูแล พอถึงยุคราชวงศ์หมิงก็ยังถูกโจรสลัดญี่ปุ่นเผาทำลาย ทรัพย์สินมีค่าถูกโจรกรรม ชาวบ้านเองก็เชื่อว่าอิฐจากเจดีย์แห่งนี้เมื่อนำไปบดเป็นผงสามารถรักษาโรคได้ ก็คงจะรื้อค้นขุดคุ้ยกันมาหลายยุคสมัยจนเมื่อถึง ค.ศ.1924 เจดีย์เหลยเฟิงก็พังทลายลงมา    ส่วนองค์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1933 ตามแบบโครงสร้างเดิมหลังจากเกิดเหตุการณ์องค์เจดีย์พังลงมาในปี 1924  เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ในปี 2003 บูรณะจนเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี  2008  

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-1-24 13:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-1-24 14:07

ปัจจุบัน  เจดีย์เหลยเฟิง

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-1-24 14:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ภายในเจดีย์ใหม่   สร้างครอบฐานเจดีย์เก่าไว้

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-1-24 14:28 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-1-24 14:31

นักท่องเที่ยวโยนเหรียญเพิ่มความเป็น  สิริมงคลกันเพียบ  บางจุดมากมายมหาศาลเลย

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-1-24 15:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-1-24 15:26

        อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงการบูรณะ-สร้าง เจดีย์เหลยเฟิงแห่งศตวรรษที่ 21 เริ่มดำเนินการจริง ในเดือนมีนาคมปี ค.ศ.2001 ก็พบว่าใต้ซากเจดีย์เก่ามีวัตถุโบราณที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และศาสนา ถูกฝังอยู่เป็นจำนวนมาก โดย วัตถุโบราณที่มีความสำคัญต่อการศึกษาถึง การเผยแพร่ศาสนาพุทธในประเทศจีนอย่างสูงก็คือ สถูปเงินขนาดเล็กที่แกะสลักเป็นภาพพุทธประวัติ
      
               สถูปเงิน ที่ค้นพบเป็นสถูปที่เชื่อว่าบรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า สูง 35.6 เซนติเมตร โดยประมาณกันว่าถูกสร้างขึ้นในช่วง 200-300 ปีก่อนคริสต์กาล โดย พระเจ้าอโศกมหาราช แห่งอินเดีย (จีนเรียกว่า 阿育王) ที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไปเป็นจำนวนมาก เมื่อพระเจ้าอโศกหันมาศรัทธาในศาสนาพุทธและได้ยินมาว่าการสร้างสถูปเพื่อธำรงค์ศาสนาพุทธ นั้นเป็นการกระทำที่ได้บุญมาก พระองค์จึงสั่งให้สร้างสถูปขึ้นถึง 84,000 องค์
      
               สถูปที่พระเจ้าอโศก สร้างส่วนใหญ่แล้วจะทำจากวัสดุที่เป็น ทองแดง หรือไม่ก็ เหล็ก ส่วนที่ทำจาก เงินบริสุทธิ์ดังเช่นที่พบใต้เจดีย์เหลยเฟิงนั้นมีน้อยมาก โดย สถูปเงิน ก็แสดงให้เห็นถึงการแพร่ขยายของศาสนาพุทธจากอินเดียเข้ามาในแผ่นดินจีน และความศรัทธาต่อศาสนาพุทธของกษัตริย์ของแคว้นอู๋เยว่ด้วย

        หลังจากการสำรวจทางโบราณคดีเสร็จสิ้น โครงการสร้างเจดีย์เหลยเฟิงใหม่ก็ดำเนินรุดหน้าไป จนเสร็จสิ้นในที่สุดในเดือนตุลาคม ค.ศ.2002 โดยเจดีย์ใหม่นี้ สร้างบนพื้นฐานของเจดีย์เดิม คือ เป็นเจดีย์ 8 เหลี่ยมขนาด 5 ชั้น แต่มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ซึ่งชาวหางโจวบางคนก็ว่าสวยกว่าของเดิม แต่บางคนกลับบอกว่า ไม่สวยโดยเฉพาะ เวลากลางคืนที่เจดีย์เหลยเฟิงจะเปิดไฟสีสันแสบตา (คล้ายแสงงานวัดบ้านเรา)
      
               ในสายตาของนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนเพียงชั่วคราว 'เจดีย์เหลยเฟิงใหม่' องค์ใหม่นี้แทบจะไม่เหลือร่องรอยของความเก่าแก่เอาไว้เลย เนื่องจากการจัดสร้างใหม่ ผู้สร้างได้ยกเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใส่ไว้ในเจดีย์แห่งนี้อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ บันไดเลื่อน ลิฟท์แก้ว (ที่อำนวยความสะดวกให้คนพิการ และ นักท่องเที่ยวที่ขี้เกียจขึ้นบันได) ระบบนิทรรศการที่มีทั้งภาพและเสียงสมบูรณ์แบบ
                หลังจากชมเจดีย์เหลยเฟิงแล้ว อย่าเพิ่งรีบออก เพราะข้างๆ เจดีย์มีอีก 2 อาคารที่เข้าชมได้ฟรี อาคารแรก เป็นอาคารบรรจุสถูปเงิน (Museum of Holy Relics of Sakayamuni) ส่วนอาคารที่สองเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณของเจดีย์เหลยเฟิงที่ถูกขุดขึ้นมา โดยมีของล้ำค่ามากมายทั้ง ถาดเงิน เหรียญ หยก เครื่องทองแดง เครื่องประดับ คำภีร์ พระไตรปิฎก พระพุทธรูป   เสาไม้จันทร์หอม  ฯลฯ
      
               สำหรับ ส่วนฐานชั้นล่างสุดได้จัดเป็นนิทรรศการแสดงความเป็นมาเจดีย์เหลยเฟิงตั้งแต่ยุคเริ่มแรกจนถึงเจดีย์องค์ปัจจุบัน โดยบริเวณส่วนกลางเป็นซากเจดีย์เก่า ถัดขึ้นไปชั้นที่สอง เป็นภาพไม้สลักนูน 8 ภาพเล่าเรื่องราวอย่างย่อๆ ของ ตำนานนางพญางูขาว ขณะที่ชั้นบนสุดนั้นเป็นภาพพุทธประวัติ พร้อมๆ กับเปิดระเบียงรอบๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมทิวทัศน์


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้