ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2278
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เรียนวิชากับหลวงพ่อกราดและฆราวาสสาย

[คัดลอกลิงก์]
หลวงพ่อทิมเล่าเรียนและศึกษาวิชาอาคมอยู่กับหลวงพ่อกราดถึง ๒ ปี
จนเชี่ยวชาญในวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อกราดเป็นพิเศษ บางครั้งท่านจะเห็นหลวงพ่อกราดแสดงฤทธิ์ให้เห็น
อย่างจะจะหลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งชาวบ้านแถบนั้นได้นำเอาตะกั่วถ้ำชามามอบให้หลวงพ่อกราดเพื่อลงตะกรุดโทน
จะได้นำไปติดตัวตอนเป็นทหาร หลวงพ่อกราดก็บอกว่า อีก ๗ วันมาเอา เมื่อครบ ๗ วันชายผู้นั้นก็ไปหา
หลวงพ่อกราดเพื่อรับตะกรุดโทน ขณะนั้นหลวงพ่อกราดนั่งอยู่บนกุฏิพอเห็นชายผู้นั้นท่านจึงเอ่ยว่า ไอ้ทิดตะกรุด
ของเอ็งตกอยู่ข้างล่าง ลงไปหยิบให้ทีสิ พอชายผู้นั้นหยิบขึ้นมาแล้ว หลวงพ่อกราดก็ใช้ฉมวกสำหรับแทงปลา
อันแหลมคม พุ่งอย่างแรงไปที่กลางหลังของชายที่กำลังถือตะกรุดอยู่ เสียงดังสนั่น ชายผู้นั้นถึงกับล้มทั้งยืนหน้าซีด
ไม่มีสีเลือด นั่งอยู่กับพื้นพูดอะไรไม่ออก หลวงพ่อกราดจึงตะโกนไปว่า อะไรว่า อยากได้ของดียังใจเสาะอีก
เดี๋ยวเอาของคืนเสียเลย
หลวงพ่อกราดท่านเป็นพระยุคเดียวกับหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ซึ่งหลวงพ่อวงศ์ท่าน
เป็นพระมีอาคมสูงเคยไปปลุกเสกในงานหนึ่ง ซึ่งในงานนี้มีหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม นั่งปลุกเสกอยู่ข้างๆ
จนหลวงพ่อคงเมื่อพิธีเลิกแล้วถึงกับพูดกับอาจารย์เภาว่า "ไม่รู้ว่าพระที่นั่งข้างฉันอยู่วัดไหน กระแสจิต
แรงกล้าเหลือเกิน ฉันจับสายสิญจน์ทีไรสะดุ้งทุกที” นี่ย่อมแสดงถึงความมีอำนาจจิตอันแรงกล้าของหลวงพ่อวงศ์
อดีตก่อนนั้นการสื่อสารยังไม่มีเหมือนกับในยุคนี้ ยามที่วัดหลวงพ่อวงศ์มีงาน หลวงพ่อวงศ์จะเสกหุ่นพยนต์
มาตามหลวงพ่อกราดไปช่วยที่วัด หรือบางครั้งหลวงพ่อกราดก็เสกอีกาไปบอกข่าวให้แก่หลวงพ่อวงศ์ จนเป็นที่เลื่องลือ
ของชาวบ้านในยุคนั้นเป็นอย่างมาก หลวงพ่อวงศ์นี้คนจีนแถวปากน้ำระยองนับถือท่านมากทีเดียว ท่านเป็นพระสงฆ์
ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ รูปร่างท่านอ้วนท้วน สมบูรณ์ ใจดี ชอบช่วยเหลืออนุเคราะห์ผู้อื่นมาก ท่านเป็นพระหมอที่มีความ
เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรเป็นพิเศษ เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อสังข์เฒ่า
มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังนั่งโขกหมากรุกอยู่กับพระในวัด ได้มีคนจีนที่ปากน้ำระยองมาหาท่านเพื่อ
ขอให้ท่านทำน้ำมนต์ คนจีนผู้นั้นได้เดินไปหาหลวงพ่อวงศ์พร้อมกับน้ำใส่ขวดถือไปด้วย หลวงพ่อวงศ์พูดว่า
น้ำในขวดใช้ได้แล้วเอากลับไปบ้านเถิด ทั้งๆ ที่ตามองไปที่กระดานหมากรุก คนจีนผู้นั้นเห็นเช่นนั้น
จึงเกิดความเสื่อมศรัทธาและลาหลวงพ่อวงศ์กลับทันที เมื่อเดินทางมาระยะหนึ่งจึงหยิบขวดน้ำมนต์มาดูและ
ตัดสินใจเททิ้งทันที แต่ปรากฏว่าเทเท่าไรๆ น้ำมนต์ก็ไม่ไหลออกจากขวด พอตั้งขวดให้อยู่ในสภาพตั้งตรง
น้ำในขวดก็ยังอยู่เหมือนเดิม ทำความตกอกตกใจให้คนจีนผู้นั้นเป็นอย่างมากถึงกับยกมือไหว้ไปทางวัดบ้านค่าย
พร้อมทั้งขอขมาท่าน เมื่อกลับมาถึงปากน้ำระยองแล้วจึงได้นำเรื่องราวของหลวงพ่อวงศ์ที่ตนเองประสบมาเล่า
ให้บรรดาพรรคพวกฟัง ปรากฏว่าวัดหลวงพ่อวงศ์ได้มีผู้ไปหาท่านเพื่อขอของดีจากหลวงพ่อวงศ์เป็นอย่างมาก
ทีเดียวในยุคนั้น หลวงพ่อวงศ์นี้เมื่อเวลามรณภาพปรากฏว่าได้มี นกบินมาที่เมรุเผาศพท่านเป็นจำนวนมาก
เสมือนกับนกเหล่านี้จะมาไว้อาลัยให้แก่หลวงพ่อวงศ์ เมื่อเผาเสร็จแล้วนกเหล่านี้ก็บินหายไปไม่เหลือแม้
กระทั่งตัวเดียว
สำหรับ หลวงพ่อกราด วัดชากกอไผ่ ซึ่งเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อทิมก็มีอิทธิฤทธิ์ไม่แพ้
หลวงพ่อวงศ์เช่นกัน เนื่องจากหลวงพ่อกราดเป็นพระที่ชอบสูบกัญชา ลักษณะภายนอกเหมือนพระวิกลจริต
จึงถูกคนช่างฟ้องนำไปฟ้องหลวงพ่อขาว วัดทับมา ซึ่งเป็นเจ้าคณะแขวงในสมัยนั้น หลวงพ่อขาว
จึงลงมาสอบสวนหลวงพ่อกราดด้วยตนเอง หลวงพ่อกราดก็ให้โยมวัดรินเหล้ามาแก้วหนึ่งแล้วนำมาถวาย
หลวงพ่อขาว หลวงพ่อขาวรับไว้แล้วยกขึ้นดื่มทันที เมื่อหลวงพ่อขาวดื่มไปได้ครึ่งแก้วจึงวางแก้วเหล้าลง
แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เออ...ข้ารู้แล้ว เอ็งไม่ผิดหรอก" ปรากฏว่าเหล้าที่หลวงพ่อขาวได้รับจาก
หลวงพ่อกราดไปนั้นกลายเป็นน้ำฝนอย่างน่าอัศจรรย์” หลวงพ่อกราดจึงพูดว่า คนเขาลือว่ากระผม
สูบกัญชามันก็เป็นเช่นเดียวกับเหล้าที่ท่านได้ดื่มไปเมื่อสักครู่นี้แหละครับ
เมื่อเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อกราดจนเชี่ยวชาญแล้ว หลวงพ่อทิมก็ลาหลวงพ่อกราดสู่วัดละหารไร่
ก่อนกลับหลวงพ่อกราดได้แนะนำว่า ถ้ายังคิดอยากจะเรียนวิชาอย่างอื่นอีก ก็ให้ไปหาฆราวาสผู้หนึ่ง ชื่อ
สาย อยู่บ้านส้อง จังหวัดปราจีนบุรี ฆราวาสคนนี้เก่งมากอยู่ในป่าเป็นนิจ ขอให้ลองไปหาดูและถ้าเจอ
ก็ให้บอกว่าข้าเป็นผู้แนะนำมา หลวงพ่อทิมก็รับคำหลวงพ่อกราดผู้เป็นอาจารย์แล้วก็เดินทางกลับวัดละหารไร่ทันที
หลังจากออกพรรษาแล้วท่านก็เดินทางไปบ้านส้องเพื่อหาฆราวาสที่ชื่อสาย แต่ก็หาไม่พบ ท่านจึงเดินทางไป
อำเภอพนัสนิคม เพื่อไปหา หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดนามะตูม
อยู่ถึง 3 พรรษา หลังจากนั้นท่านก็ลาหลวงพ่อโด่เพื่อเดินทางไปบ้านส้องอีก โดยบุกป่าฝ่าดงไปในกลางป่า
อย่างลำบากลำบนแต่ท่านก็ไม่ย่อท้อต่อความลำบากเลย จนมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ในป่าลึก ท่านได้เห็น
ผู้เฒ่าคนหนึ่งอายุประมาณ ๗๐ ปีแต่ยังแข็งแรงมาก คนเดียวมีเมียเกือบ ๒๐ คน รวมทั้งลูกๆ ของผู้เฒ่านี้อีก
๔๐-๕๐ คน หลวงพ่อทิมก็เดินเข้าไปไถ่ถาม ถามไปถามมาจึงทราบว่า ผู้เฒ่าผู้นี้ชื่อสาย ท่านจึง
บอกว่าหลวงพ่อกราด แห่งวัดชากกอไผ่ได้แนะนำมาเพื่อขอเล่าเรียนวิชา เมื่อฆราวาสสายได้ยินดังนั้นจึงนิมนต์
หลวงพ่อทิมขึ้นบนบ้านและก็ได้สอนวิชาต่างๆ ให้หลวงพ่อทิมจนหมดสิ้นอย่างไม่ปิดบัง ส่วนมากจะเป็นวิชาหนัก
ไปทางเมตตามหานิยมต่างๆ วิชาทำสีผึ้ง วิชาลงตะกรุดสาลิกา สำหรับวิชาทำสีผึ้งนั้นผู้เฒ่าสายสอนจน
ให้เห็นจริง โดยการเอาสีผึ้งนี้ไปป้ายลูกไก่ที่อยู่ในอ้อมอกแม่ไก่ ปรากฏว่าลูกไก่ถึงกับเดินตามผู้ที่มีสีผึ้งนี้ทันที
สำหรับตะกรุดสาลิกานี้หลวงพ่อทิมสามารถเรียนจนเสกให้ตะกรุดนี้ลอยน้ำขึ้นมาและวิ่งวนในบาตร
เรื่องเล่าชาวสยาม








ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้