ผู้เขียน | ผิน ทุ่งคา | เผยแพร่ | วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ.2560 |
เมืองบามิยัน เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน และเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมอันโด่งดัง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองของศาสนาพุทธ ที่ยังหลงเหลือร่องรอยความยิ่งใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่บ้างถึงปัจจุบัน แต่เป็นที่น่าเสียดาย เมื่อสองหลักฐานสำคัญของความรุ่งเรืองในศาสนาพุทธของเมืองบามิยัน นั่นคือพระพุทธรูปขนาดยักษ์ที่เกิดจากการแกะสลักเข้าไปหน้าผาสององค์ ได้ถูกทำลายลงด้วยฝีมือของกลุ่มตาลีบันเมื่อปี 2001 จนไม่เหลือซากองค์พระพุทธรูปให้เห็นอยู่เลย ความยิ่งใหญ่ของพระพุทธรูปทั้งสององค์ จึงคงเหลือให้เห็นเพียงภาพถ่าย หรือภาพเขียนซึ่งจะเห็นได้ว่าองค์พระทั้งสองที่หลงเหลือก่อนถูกทำลายก็อยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมจนไม่เหลือพระพักตร์ให้เห็น จนคาดเดาได้ยากว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธรูปทั้งสองอยู่ในสภาพสมบูรณ์จะมีความงดงามเพียงใด เคราะห์ดีที่ “พระถังซำจั๋ง” (บ้างสะกดว่า เหี้ยนจึง หรือเสวียนจั้ง ตามสำเนียงที่ต่างไป) หลวงจีนที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกซึ่งเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาในดินแดนชมพูทวีปเมื่อราวหนึ่งพันสี่ร้อยปีก่อน ได้เดินทางผ่านแคว้นบามิยันพร้อมกับได้บันทึกสิ่งที่ท่านได้พบเห็นในดินแดนแห่งนี้เอาไว้ด้วย ตามบันทึกของท่านระบุว่า ในแคว้นบามิยัน มีอารามหลายสิบแห่งมีพระภิกษุนับพัน ส่วนใหญ่ศึกษานิกาย “หินยานฝ่ายโลกุตรวาท” พร้อมกล่าวถึงพระพุทธรูปใหญ่แห่งบามิยันเอาไว้ว่า “เนินเขาด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง [ของพามิยาน*] มีพระพุทธรูปจำหลักด้วยศิลา สูง ๑๔๐-๑๕๐ เฉียะ สีทองอร่ามประดับด้วยอัญมณีมีค่า ด้านตะวันออกขององค์พระพุทธรูปมีอารามแห่งหนึ่งซึ่งอดีตพระราชาของแคว้นทรงสร้างขึ้น”
|