หลวงปู่เย็น ทานรโต วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท เป็นอีกหนึ่งพระสุปฏิปัณโณ ที่มีความรู้ความสามารถในการสร้างวัตถุมงคล ที่เรียกว่า “ตัว พ .พาน หุ่นพยนต์” ตัวพ.พานวิเศษของหลวงปู่เย็นท่านนั้นเป็นวัตถุมงคลลี้ลับที่สร้างขึ้นมาจาก ของง่ายๆ คือ “ก้านธูปกับสายสิญจน์” วิธีการทำนั้นเพียงแค่เอาก้านธูปมาหักไปมาให้ได้รูปตัว พ.พานแล้วเอาสาย สิญจน์พันกำกับเสกคาถาไปมาก็สำเร็จเป็นตัว พ.พาน วิชานี้จัดเป็นการทำหุ่นพยนต์ประเภทหนึ่ง แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดคือวิ ชา พ.พานตัววิเศษนี้ หลวงปู่เย็นท่านร่ำเรียนมาจากหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งประวัติ ความเป็นมาเรื่องนี้ก็น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ผู้เขียนเองเคยเข้าไปกราบเรียนถามท่านด้วยตัวเอง ท่านก็ยืนยันชัดเจนว่า ท่านได้พบหลวงปู่โลกอุดร และเมื่อผู้เขียนส่งภาพหลวงปู่โลกอุดรให้ท่าน ท่านก็ยืนยันว่าองค์นี้แหละ พร้อมทั้งยังเอาภาพจบขึ้นเหนือหัวเป็นการยืนยันว่า “หลวงปู่โลกอุดร” ที่หลวงปู่เย็นท่านพบท่านมาในรูปร่างของพระหนุ่ม หรือมาในร่างของ “พระครูพรหมสิงขบุรี” นั่นเอง ประวัติความเป็นมาของ “หลวงปู่เย็น ทานรโต” มีดังนี้ “หลวงปู่เย็น ทานรโต” เป็นชาวเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี โดยท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ เดือนสี่ ปีขาล พุทธศักราช ๒๔๔๕ เป็นบุตรคนแรกในจำนวนพี่น้อง ๖ คน ของ นายถิ่น นางแซ่ม ศรีศาสตร์ บิดามารดาของท่านมีอาชีพทำนา ตัวท่านเองนั้นนอกจากจะช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพกสิกรรมแล้ว ยังมีฝีมือในเชิงช่างหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นช่างไม้ ช่างปูน แม้กระทั้งการออกแบบบ้านเรือน หรือวัดวาอารามตลอดจนสลักลวดลายท่านก็ทำได้และฝีมือดีมากเสียด้วย จนกระทั่งอายุครบบวชหลวงปู่เย็นได้ทำการอุปสมบทตามประเพณีอันดีงามของชายไทย ทั่วไป ณ วัดเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของท่าน หลังจากได้เป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาสมบูรณ์แล้ว ท่านได้ย้ายไปอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม จังหวัด ธนบุรี (ในสมัยนั้น) เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ภาษาบาลี และภาษาขอม จนสอบได้นักธรรมเอก และเปรียญ ๔ ประโยค ระหว่างนั้นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในฐานะนักเทศน์ฝีปากเอก หากประชาชนรู้ว่าได้นิมนต์ “มหาเย็น” มาเทศน์ด้วยไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกลก็หลั่งไหลมาฟังเทศน์กันอย่างล้นหลาม วันหนึ่งขณะที่นั่งพักผ่อนในกุฏิก็เห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินผ่านมา รูปร่างหน้าตาน่าศรัทธา ใบหน้างามดูเป็นหนุ่มไม่แก่ชราเลย แต่เกศานั้นขาวโพลนไปหมด รูปร่างสูงใหญ่ จีวรสีคล้ำตามแบบพระป่า หลวงปู่เย็นท่านใจเกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาอย่างประหลาด จึงไปนิมนต์ท่านมาพักในกุฏิพร้อมทั้งต้อนรับปฏิสันถารท่านเป็นอย่างดี เมื่อต้อนรับท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงชวนท่านสนทนา เพราะขณะนั้นหลวงปู่เย็นอยากทราบว่าพระธุดงค์นั้นเขามีวัตรปฏิบัติอย่างไร และขณะธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆในป่าในดงนั้นไม่กลัวอันตรายต่างๆ บ้านหรือไร
พระธุดงค์รูปดังกล่าว เมตตาอธิบายเรื่องธุดงควัตรเป็นอย่างดี “การธุดงค์นี้เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส พระผู้สมาทานธุดงค์นั้นต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์หมดจด เพราะหากศีลด่างพร้อยแล้วย่อมเป็นอันตรายต่อตัวเองขณะธุดงค์ได้ การธุดงค์นั้นมีข้อวัตร ๑๓ ประการ เช่นอยู่ในป่า อยู่ที่แจ้ง อยู่ในเรือนร้าง ใช้ผ้าสามผืน หลังไม่เอนติดพื้น ฉันรวมกันในบาตรเป็นต้น ธุดงควัตรทุกข้อเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสในใจตนทั้งสิ้น หากว่ามีธุดงควัตรเรียบร้อยงดงาม อำนาจแห่งธุดงควัตรนั่นแลจะรักษาผู้ประพฤติปฏิบัติให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ เทวดาจะพากันอนุโมทนา เมื่อหลวงปู่เย็นถามว่าท่านธุดงค์ไปที่ใดมาบ้างและไม่กลัวอันตรายหรือ พระธุดงค์ลึกลับกล่าวว่าท่านธุดงค์ไปมาทั่ว ไม่ว่าประเทศไทย พม่า ลาว เขมร ท่านไปมาหมด ในป่าลึกนั้นเต็มไปด้วยอันตรายนาๆ ประการ ทั้งไข้ป่า สัตว์ร้าย ภูตผีปีศาจนานาชนิด ท่านยังเมตตาเล่าให้หลวงปู่เย็นฟังว่า ครั้งหนึ่งท่านธุดงค์ไปยังเมืองลาว ต้องเดินผ่านเข้าไปยังหมู่บ้านหนึ่งที่มีชื่อว่า “บ้านแก้ว” ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในเรื่อง “ยาพิษยาสั่ง” คนแปลกหน้าผ่านเข้าผ่านไปในหมู่บ้านเป็นต้องถูกลองยาเสมอ น้อยคนนักจะออกมาได้อย่างปลอดภัย มีคนลองวิชาแต่ท่านไม่เป็นไร พร้อมทั้งพูดปริศนาว่า “เขาทำให้ตาย กินข้าวได้เราไม่กลัว” ซึ่งเป็นคำปริศนาหมายถึงการทำยาสั่งยาเบื่อใส่ แต่พระลึกลับรูปนี้สามารถทานข้าวปลาอาหารที่มียาเบื่อยาสั่งได้โดยปราศจากอันตราย เมื่อยิ่งพูดยิ่งคุยยิ่งสนทนากับพระลึกลับรูปนี้แล้วก็ทำให้หลวงปู่เย็นทราบขึ้นมาแน่ชัดว่า พระรูปที่กำลังนั่งสนทนากับท่านข้างหน้านี้หาใช่พระภิกษุปุถุชนธรรมดาไม่ แต่หากเป็นพระผู้วิเศษที่สำเร็จฤทธิ์อภิญญาตามวิชชาชั้นสูงของพระพุทธศาสนา หรือท่านอาจเป็นพระอริยเจ้าผู้อยู่เหนือโลกไปแล้ว
|