ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1820
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

"พระขรรค์โสฬส" ของหลวงปู่ศุข

[คัดลอกลิงก์]


            นอกจากตะกรุดสามกษัตริย์ ที่หลวงปู่ศุข ระเบิดน้ำลงไปทำให้ แล้วยังมีวัตถุมงคลอีกอย่างหนึ่ง ที่ท่านทำถวายเสด็จเตี่ย แม้แต่อ.ขุนพันธ์ จอมขมังเวทย์ ยังอยากได้ ตามอยู่นานแต่ก็ไม่ได้ครอบครอง วัตถุมงคลนั้น คือพระขรรค์โสฬส
           พระขันธ์โสฬส คือศาสตราวุธ ที่หลวงปู่ศุข ท่านได้อัญเชิญทวยเทพ ทั้ง16ชั้นฟ้า มาอำนวยพร ในการทำพิธีกรรมในการจัดสร้างที่มีพิธีเข้มขลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
           พระขันธ์โสฬส จึงจัดเป็นเทพศาสตราวุธ อย่างแท้จริงโดยจำลองรูปแบบมาจากพระขรรค์โบราณของพระมหากษัตริย์ ซึ่งเสด็จในกรมได้นำมาจากในวัง เพื่อเป็นต้นแบบ ซึ่งมีลักษณะที่สวยงามมากๆ
          อีกทั้งมีพิธีกรรมในการจัดสร้างที่เร้นลับ ซับซ้อน ยิ่งกว่ามีดหมอ และเครื่องรางของขลังใดๆ ที่เคยมีการจัดสร้างมา ซึ่งเชื่อกันว่า มีเพียงแค่ 7เล่มเท่านั้น
            เมื่อสร้างเสร็จแล้ว เสด็จในกรม ท่านได้ถวายคืนให้ หลวงปู่ศุขหนึ่งเล่ม ซึ่งพระขรรค์เล่มนี้เองได้สร้างความมหัศจรรย์ให้ปรากฎแก่สายตา ของผู้ที่ได้พบเห็นมามากแล้ว และหนึ่งในนั้นก็คือ ท่านขุนพันธ์ นั่นเอง



ก่อนอื่นขอเล่าถึงประวัติ และการจัดสร้างพระขรรค์โสฬส ที่ยิ่งใหญ่ และลึกลับมหัศจรรย์ นี้ก่อน



พระขรรค์โสฬสนี้ มีความยาว 7นิ้ว ถ้ารวมด้ามด้วยก็จะยาว 11นิ้ว ตัวพระขรรค์ ทำจากยอดเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงปู่ศุข ท่านได้รวบรวมไว้นานแล้ว ผสมกับโลหะมงคล และวัสดุอาถรรพ์ อีกหลายชนิด

โดยในการหล่อโลหะ ก่อนนำมาตีเป็นพระขรรค์นั้น เสด็จในกรมท่านได้ ทรงนำเครื่องทองนากส่วนพระองค์ เทผสมลงไปเป็นมงคลอีกต่างหาก ผสมกับแผ่นทองคำ เงิน และะนาก ที่จารึกอักขระโดยหลวงปู่ศุข ทำพิธีปลุกเสก ข้ามพรรษา

ที่ตัวพระขรรค์ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง จารึกอักระ และเลขยันต์ ประจำตัว ของหลวงปู่ศุขมีผู้ถอดความเป็นภาษษขอม ออกมามีความหมาย บอกเล่า ความเป็นมา ของพระขรรค์ ลึกซึ้งมาก

ด้ามพระขรรค์ ทำจากฝักคูน ตายพราย ภายในแก่นพระขรรค์ บรรจุกระดูกผีและเส้นผม ผีตายโหง7ป่าช้า กับของอาถรรพ์อีกหลายอย่าง เมื่อสร้างพระขรรค์เสร็จเป็นเล่มสมบูรณ์แล้ว หลวงปู่ศุขท่านได้ทำพิธีปลุกเสกเดี่ยว นานตลอดพรรษาก่อนที่จะนำมาถวายให้แด่เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
ทั้งนี้เป็นที่เข้าใจกันว่า พระขรรค์โสรฬสนี้ อยู่ที่เสด็จในกรมฯหนึ่งเล่ม หลวงปู่ศุขหนึ่งเล่ม ส่วนเล่มที่เหลือ อีก5 เล่ม อยู่กับพระบรมวงศานุวงษ์ ซึ่งไม่มีใครได้พบเห็นพระขรรค์ทั้ง5เล่มนั้นอีกเลย

ในขณะที่พระขรรค์ประจำพระองค์ เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ นั้นมีผู้พบเห็นทรงใช้ เป็นศาสตราวุธ ประจำพระองค์ ในบางครั้งโดยเฉพาะเวลาทรงเดินทางออกทะเล

ส่วนพระขรรค์โสฬสเล่มที่อยู่กับหลวงปู่ศุขต่อมาได้ตกทอด มาอยู่ในครอบครอง ของหลวงตาแววลูกศิษย์ก้นกุฎิ ของหลวงปู่ศุข
เมื่อหลวงปูู่ศุขได้มรณะภาพแล้วหลวงตาแววได้นำพระขรรค์โสฬส ติดตัวออกจากวัดปากคลองมะขามเฒ่ามาด้วย และพระขรรค์นี้เป็นเครื่องรางของขลังที่หลวงตาแววรักกและหวงแหน มากที่สุด โดยจะนำใส่ย่าม หรือพกไว้ที่เอว ตลอดเวลา

ความอัศจรรย์ของพระขรรค์นี้มีมากมาย สามารถใช้ได้สารพัดนึก มีความคงกระพัน สามารถแก้ไข และป้องกันคุณไสย ทำน้ำมันมนต์ไล่ภูติผี ปีศาจ และที่สำคัญเป็นมหาอุด ปกป้องคุ้มครองอันตราย ได้ทั้งหมู่คณะ

หลวงพ่อหลิมเคยเล่าว่าเมื่อคราวที่เกิดพายุกลางทะเล เสด็จในกรมฯ ท่านเคยอธิษฐานใช้พระขรรค์นี้กวัดแกว่งเพื่อสลายคลื่นลม ได้ผลมาแล้ว





ภายหลังจากหลวงตาแววมรณะภาพไป พระขรรค์เล่มนี้ ตกทอดไปยังลูกศิษย์ จนเกิดการ ยื้อแย่งกันและน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงหนึ่งพระขรรค์นี้ได้ตกไปอยู่ในหมู่โจร ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ท่านขุนพันธ์เดินทางกลับจากภาคใต้แล้ว

ขุนพันธ์ท่านเคยขอดาบเล่มนี้จากหลวงตาแวว แต่ท่านผัดผ่อนไว้ก่อน จนท่านมรณะภาพ ขุนพันธ์ได้เพียรพยายามหาพระขันธ์ที่เหลืออยู่แต่ก็ไม่พบ ทั้งได้ให้เพื่อนสนิทที่พิจิตรช่วยตามหาพระขรรค์เล่มของหลวงปู่ศุขด้วย ซึ่งทราบมาภายหลังว่าลูกศิษย์ ของหลวงตาแววซึ่งเอาดีทางนักเลง เป็นผู้ขโมย ต่อๆกันไป จนในที่สุด ไปตกอยู่ที่ชุมโจรแห่งหนึ่ง

จากคำบอกเล่าของเสือออง ซึ่งปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ (ได้กลับตัวเป็นคนดีแล้ว) ได้เล่าไว้ว่าตนเองและพรรคพวกโจรได้ผลัดกันถือพระขรรค์นำหน้ากองโจร เวลาออกปล้น เคยปะทะกับเจ้าทรัพย์และตำรวจ แต่กระสุนปืน ไม่สามารถ ทำอะไรพวกเขาได้ หากโดนจ่อยิงใกล้ๆ ปืน ก็จะไม่ลั่น หรือไม่ดังหากอยู่นอกรัศมีออกไป กระสุนก็จะพลาดเป้าหมายไปหมด

เสืออองเล่าถึง การลองของความศักดิ์สิทธ์ของพระขรรค์เล่มนี้ ด้วยการใช้ปืนนานาชนิดมายิงเพื่อทดสอบ แต่กระสุนปืนไม่ลั่น แม้แต่นิดเดียว
การที่พระขรรค์ไปอยู่ในมือโจรนั้น ต้องใช้เวลานานหลายปีเลยทีเดียว กว่าจะแย่งเอากลับคืนมาได้


โดยหลวงพ่อหลิมได้ให้ศิษย์รุ่นน้องของท่านขุนพันธ์ ผู้หนึ่งซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจมือปราบ ชาวพิจิตร ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว ออกติดตามหา เกิดการปะทะต่อสู้กัน อยู่นานหลายปีจึงยึดพระขรรค์นี้มาจากมือโจรได้


และหลังจากนายตำรวจท่านนี้เกษียณอายุราชการแล้วพระขรรค์นี้ก็ตกไปเป็นของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ต่อไป
และจนในวาระสุดท้าย ท่านขุนพันธ์ท่านก็ยังไม่มีโอกาสได้ครอบครองพระขรรค์โสฬสเล่มนี่ อยู่นั่นเอง


ขอขอบคุณ ท่านเจ้าของเรื่องและภาพ
จาก
ศิษย์สายวัดสะพานสูง


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้