พระอินทร์หรือที่รู้จักกันอีกหลายๆชื่อ เช่น ท้าวสหัสมนัยน์ ท้าวโกสีย์ ท้าวสักกะ เทวราช อมรินทร์ ศักรินทร์ มัฆวาน หรือเพรชรปาณี เป็นต้น พระอินทร์มีลักษณะคล้ายพระนารายณ์ มีรูปกายที่สวยงาม และมีผิวสีเขียว แต่ในบางครั้งจะเปลี่ยนเป็นสีทองจนถึงขาวนวล ตามแต่โอกาส พระหัตถ์ของพระอินทร์จะถือวัชระเพื่อใช้ปราบ พฤตาสูร หรือ ผีร้ายแห่งความแห้งแล้ง นอกจากนี้ยังมีศาสตราวุธอื่นๆอีก เช่น ศรศักรธนู พระขรรค์ ปรัญชะ ขอ และร่างแห พาหนะของพระอินทร์ คือ รถเทียมม้าสีแดง และม้าแก้วทรงสีขาว ชื่อว่า อุจไฉศรพ ซึ่งเกิดจากเกษียรสมุทร อีกทั้งยังมีช้างทรง 3 เศียร (แต่เดิมมีถึง 33 เศียร) นามว่า คชาเอราวัณ หรือซึ่งปกติจะเป็นเทพบุตรผู้หล่อเหลา และชอบดื่มเหล้า และจะแปลงกายเป็นช้างเอราวัณเมื่อพระอินทร์จะไปไหน พระอินทร์ มีมเหสีหลายคน ไม่ว่าจะเป็น นางสุธรรมา สุชาดา สุนันทา สุจิตรา และยังมีนางฟ้าเป็นชายาอีกเก้าสิบสองนาง รวมถึงมีนางบำเรออีกยี่สิบสี่ล้านนาง โดยในสมัยพระพุทธเจ้าพระอินทร์ได้ทรงดีดพิณสามสายถวายพระสติพระโพธิสัตว์ในการทำทุกขกิริยา ตั้งแต่ในสมัยโบราณ ศาสนาพราหมณ์ หรือ ศาสนาฮินดู จะนับถือให้พระอินทร์เป็นใหญ่สูงสุด โดยศาสนาพราหมณ์ฮินดูถือว่าพระอินทร์ถือเป็นเทพเจ้าองค์แรกสุดของจวบจนถึงปัจจุบัน การบูชาพระอินทร์ก็ยังคงมีอยู่ในหมู่ผู้ศรัทธาทั่วไป เพียงแต่ในศาสนาฮินดูอาจถูกลดบทบาทลง และยกย่องพระพรหม พระวิษณุ (พระนารายณ์) และ พระศิวะ (พระอิศวร) ขึ้นมาเป็นใหญ่แทน เมื่อครั้งสมัยโบราณ พระอินทร์ถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอานุภาพสูงที่สุดในเหล่าบรรดาเทพ พระองค์สามารถดลบันดาลให้เกิดฝนตกต้องตามฤดูกาล บันดาลให้พืชพรรณงดงาม และบันดาลให้เกิดภัยทางธรรมชาติที่เป็นภัยอันร้ายแรงได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นพายุ ฝนตก น้ำท่วม ฟ้าร้อง หรือฟ้าผ่า เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพราะพระอินทร์มีวัชระหรือสายฟ้าเป็นศาสตราวุธคู่กาย ซึ่งอาวุธนี้สามารถสร้างสายฝน ฟ้าผ่า หรือฟ้าร้องตามที่ต้องการได้ วัชระเป็นศาสตราวุธที่มีอำนาจทรงพลังเป็นอย่างมาก สามารถผ่ามหาสมุทร ผ่าภูเขาได้ หรือผ่าท้องฟ้าได้ดั่งใจนึก เมื่อกล่าวถึงพระวรกายของพระอินทร์ ก็มีตำรากล่าวว่าพระอินทร์มีกายสีเหลืองทองสดใส ส่วนอีกตำรากล่าวว่าพระอินทร์มีผิวสีแดงเข้ม สวมอาภรณ์สะอาดสะอ้าน สวยสดงดงาม มีเครื่องประดับเป็นเพชรนิลจินดามากมาย เช่น สร้อยคอ กำไลข้อมือ แหวน มงกุฎอันตระการตา เป็นต้น และมีสร้อยเป็นงู เชื่อกันว่าศิลปินผู้ใดที่วาดรูปพระอินทร์ได้งดงามจะถือกันว่าเป็นมหากุศลอย่างยิ่งของบุคคลคนนั้น พระอินทร์มีความสามารถในการแปลงกายได้สารพัด อีกทั้งยังล่องหนไปไหนมาไหนก็ได้ พระอินทร์สามารถเนรมิตให้ร่างกายเล็กเท่ามด หรือเนรมิตให้ร่างกายยิ่งใหญ่มโหฬารดั่งภูเขาก็ได้ตามที่ใจปรารถนา พระอินทร์จึงถือเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือชีวิตของสรรพสัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย พระอินทร์จึงเป็นเทพที่จิตใจประเสริฐ พระองค์มีหน้าที่คอยคุ้มครองผู้ที่กระทำความดีอยู่เสมอ ปกป้องดูแลโลกให้พ้นจากสิ่งอันตรายเลวร้ายต่างๆ และยังเป็นผู้นำเหล่าเทพเจ้าให้ไปกำจัดอสูรร้ายที่ตั้งใจเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้แก่โลกมนุษย์ นอกเหนือจากศาสนาพราหมณ์แล้ว ศาสนาพุทธก็นับถือให้พระอินทร์เป็นเทพผู้รักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่ยงถึง 5,000 ปี เช่นกัน ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากพระอินทร์เป็นถือเทวกษัตริย์ ซึ่งหมายความว่า เป็นราชาแห่งเหล่าทวยเทพ ผู้มีอำนาจในการทำลายมารที่คอยนำพาพระพุทธศาสนาไปในทางเสื่อมเสีย เมื่อพระอินทร์ได้ทรงสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่บนสรวงสวรรค์แล้ว พระองค์ก็ทรงเนรมิตให้เกิดเป็นเหล่าเทวดาที่อยู่บนสรวงสวรรค์อย่างมีความสุข และปราศจากความทุกข์เศร้าใดๆ อย่างไรก็ตาม พระอินทร์มีศัตรูคู่อาฆาตที่สำคัญที่สุดคือ งูยักษ์วริตรา ทั้งสองได้ทำสงครามกันหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็กินระยะเวลาอันแสนยาวนาน แต่ในทุกๆครั้ง พระอินทร์ก็จะเป็นฝ่ายได้รับชนะเสมอ ทำให้พระอินทร์กลายเป็นสัญลักษณ์แห่ง “ธรรมะ” ส่วนงูยักษ์เป็นสัญลักษณ์ของ “อธรรม” ซึ่งอยู่คู่กันอย่างไม่มีวันดับสูญได้เลย ตำรากล่าวถึงท้าวสักกะเทวราช ซึ่งเป็นอีกพระนามหนึ่งของพระอินทร์ ไว้ว่า พระอินทร์เป็นผู้ที่เกิดมาจากผู้มีจิตใจเมตตาที่ได้ร่วมกันสร้างเส้นทางและศาลาเพื่อถวายเป็นทานจำนวน 33 คน เมื่อผู้ใจเมตตาเหล่านั้นเสียชีวิตไปก็ไปเกิดเป็นเทวดา พระอินทร์จึงเกิดจากการที่เทวดาเหล่านี้ได้รวมร่างกัน ในขณะที่ ช้างทรง 33 เศียรของพระอินทร์ ก็ใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงผู้กระทำคุณความดีทั้ง 33 คนนั่นเอง กล่าวกันว่าพระอาสน์ หรือพระที่นั่งของพระอินทร์จะมีคุณสมบัติพิเศษบางอย่าง กล่าวคือ เมื่อใดที่พระอาสน์ร้อนขึ้นมา แสดงว่า ขณะนั้นโลกมนุษย์กำลังเกิดเหตุร้าย หรือมีอสูรออกอาละวาด เมื่อนั้น พระอินทร์ก็จะเสร็จออกจากสรวงสวรรค์ และแปลงกายเป็นสัตว์ใหญ่ที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ เพื่อลงมาปราบอสูรให้หมดสิ้นไป เชื่อว่าผู้ใดที่ได้เคยประกอบความดีบนโลกมนุษย์ เมื่อสิ้นอายุขัยแล้ว ก็จะไปเกิดเป็นเทวดา และประทับอยู่บนสรวงสวรรค์อันเป็นวิมานของพระอินทร์
|