เสือโพธิ์" ถูกฆ่าตาย...เกิดใหม่ยังไม่หายแค้น
สิบเอกเที่ยง แสนกล้า จำอดีตชาติได้
สิบเอกเที่ยง แสนกล้า เป็นบุตรของ นายเจริญ และ นางพวน แสนกล้า เกิดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2467(1924) ที่หมู่บ้านระไซร์ ต.ตรำดม อ.ลำดวน จ.สุรินทร์(ห่างจากตัวอำเภอเมืองไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กม.) สิบเอกเที่ยงจำอดีตชาติได้ว่าเป็น “นายโพธิ์ แสนกล้า” หรือ “เสือโพธิ์” ซึ่งเป็นพี่ชายของนายเจริญ
เมื่อปี พ.ศ.2465 ในเขตจังหวัดสุรินทร์มีโจรก๊กหนึ่ง มีชื่อเสียงในทางลักขโมยปล้นจี้วัวควาย เป็นที่เรื่องลือ หัวหน้าก๊กนี้ชื่อ “โพธิ์” หรือ “เสือโพธิ์” เสือโพธิ์คุมลูกน้องบริวารออกปล้นสะดมชาวบ้าน สุจริตชนเป็นที่หวาดเกรงไปทั่ว เจ้าหน้าที่บ้านเมืองพยายามออกปราบปรามจับกุมหลายครั้งหลายหน แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากฝ่ายโจรชำนาญภูมิประเทศมากกว่า จึงสามารถหลบหนีหลุดรอดเงื้อมมือได้ทุกครั้ง แต่ด้วยพื้นสันดานของเสือโพธิ์ไม่ใช่อาชญากรโดยกำเนิด เมื่อถลำเข้าไปในทางชั่ว จึงเตลิดเปิดเปิงไปพักหนึ่ง นานวันเข้าก็มองเห็นหายนะแห่งชีวิตชัดเจนมากขึ้นทุกที จึงคิดกลับตัวกลับใจเลิกละจากชีวิตโจร เพื่อหาทางกลับไปสู่วิถีของสุจริตชนอีกครั้ง โดยคิดว่า ถ้ายอมมอบตัวให้กับทางการและรับสารภาพผิดแต่โดยดี คงจะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษจากหนักเป็นเบา แม้จะติดคุกติดตะรางอย่างไรก็ไม่มีวันพ้นโทษ เสือโพธิ์ได้นำความคิดนี้ไปเกลี้ยกล่อมลูกน้อง ให้ยอมมอบตัวพร้อมกับตน และยืนยันว่าตนได้ตัดสินใจเป็นเด็ดขาดแล้ว ที่จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีอีกครั้ง
คราวนี้ลูกน้องก็เกิดความคิดแบ่งแยกเป็นสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยกับความคิดของหัวหน้า แต่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วยเพราะยังเห็นว่า การเป็นโจรดีกว่าอยากได้สิ่งใดก็ใช้อำนาจเถื่อนแย่งชิงเอามาง่ายๆ แต่ละวันไม่ต้องทำงานทำการอะไรให้เหนื่อย ก็สามารถอยู่กินได้สบายๆ ไปที่ใดมีแต่คนกลัวเกรงครั่นคร้าม พวกที่คิดว่าควรเป็นโจรต่อไปมีมากกว่าพวกที่อยากกลับตัว แม้ลูกน้องจะมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ในความคิดจะเข้ามอบตัวต่อทางการ เสือโพธิ์ก็ยังยืนยันมั่นคงว่าสำหรับตนแล้วขอวางมือจากการเป็นโจรอย่างแน่นอน กลุ่มลูกน้องที่เห็นดีเห็นงามกับการเป็นโจรอยู่ ก็เกิดความหวาดหวั่นว่า ถ้าเสือโพธิ์เข้ามอบตัวกับทางการเมื่อใด ก็ต้องเปิดเผยต่อเจ้าหน้าที่หมดสิ้น ว่ามีใครเป็นลูกน้องบริวารบ้าง อีกทั้งคงเปิดเผยสถานที่หลบซ่อนหลีกเร้น อันเป็นความลับไม่มีแน่ หากเป็นเช่นนั้นพวกตนซึ่งยังประพฤติตัวเป็นโจรอยู่ ย่อมได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ลูกน้องกลุ่มนี้จึงแอบขบคิดวางแผน ที่จะสังหารเสือโพธิ์เสียเลย เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ยอมให้เสือโพธิ์นำความลับไปเปิดเผย ให้ทางการรู้อย่างเด็ดขาด
ดังนั้นวันหนึ่งได้โอกาสเหมาะ สมุนโจรที่ไม่เห็นด้วยกับการวางมือของเสือโพธิ์ จึงรวมหัวกันฆ่าเสือโพธิ์ โดยสมุนคนหนึ่งที่ชื่อช้างใช้มีดขนาดใหญ่ฟันเสือโพธิ์จากด้านหลัง ถูกบริเวณหลังศีรษะด้านซ้าย เป็นแผลฉกรรจ์จนเสือโพธิ์ล้มฟุบลงจมกองเลือด ก่อนเสือโพธิ์จะสิ้นใจตาย ได้คิดอาฆาตพยาบาทลูกน้องทรยศ อย่างจับจิตจับใจถึงกับคิดอาฆาตในใจว่า ถ้าเกิดใหม่ชาติใดจะขอตามล้างแค้นเอาชีวิตลูกน้องทุกคนที่รุมกันทำร้ายเขาให้หมดสิ้น จากนั้นเสือโพธิ์ก็หมดสิ้นลมหายใจ ศพถูกทิ้งไว้กลางป่าตรงที่ถูกรุมฆ่านั้นเอง แต่การตายของเสือโพธิ์ไม่ได้เงียบหายไปเฉยๆ เพราะมีผู้ไปพบศพของเขาจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองทราบและทำการชันสูตรพลิกศพตามระเบียบ เสือโพธิ์เสียชีวิตที่บ้านอาวุธ ต.แตล อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เมื่อเดือน กรกฎาคม 2467(1924)ขณะอายุได้ 40 ปีข่าวการจบชีวิตของเสือโพธิ์เป็นที่กล่าวถึงอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆจางหายไป
ห่างจากจุดที่ “เสือโพธิ์” หรือ นายโพธิ์ แสนกล้า ถูกฆ่าตายไปประมาณ 25 กิโลเมตร ที่หมู่บ้านระไซร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่น้องชายของเสือโพธิ์ที่ชื่อ นายเจริญ แสนกล้า อาศัยอยู่พร้อมกับ นางพวน แสนกล้า ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ หลังจากเสือโพธิ์เสียชีวิตไปได้ 3 เดือน ในเดือนตุลาคม 2467 ภรรยาของน้องชายเสือโพธิ์ก็คลอดบุตรออกมาเป็นชาย ผู้เป็นพ่อตั้งชื่อให้ว่า “เที่ยง” แรกเกิด ด.ช.เที่ยง มีรอยตำหนิและความผิดปกติที่ตรงกันกับรอยตำหนิและความผิดปกติของ นายโพธิ์ ถึง 6 ตำแหน่ง ซึ่งมีทั้งรอยแผลเป็นแบบนูนขึ้นมาจากผิวหนังขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 1-1.5 ซม. ยาวประมาณ 5-6 ซม.ตรงกันกับรอยบาดแผลของนายโพธิ์ที่ถูกลูกน้องฟันด้วยมีดขนาดใหญ่ที่บริเวณศีรษะด้านหลังจนเสียชีวิต มีรอยปานดำที่บริเวณหลังมือและหลังเท้าทั้งสองข้าง(รวม 4 ตำแหน่ง) ตรงกันกับรอยสักของนายโพธิ์ และเขามีนิ้วโป้งเท้าข้างขวาที่มีเล็บหนา ผิวหนังย่น มีขนาดใหญ่กว่าและผิดรูปไม่เหมือนกับนิ้วโป้งเท้าข้างซ้าย ซึ่งก็คล้ายกันกับอาการบวมและเป็นแผลหนองเรื้อรังที่บริเวณนิ้วโป้งเท้าขางขวาของนายโพธิ์ขณะที่ยังมีชีวิต
ภาพรอยแผลเป็นที่ด้านหลังศีรษะ
ภาพความผิดปกติของนิ้วโป้งเท้าข้างขวา
(ภาพจากเอกสารทางวิชาการของ ดร.เอียน สตีเวนสัน)
เมื่อเด็กชายเที่ยงเจริญเติบโตขึ้นมา ก็เห็นได้ชัดว่าเขามีร่างกายสูงใหญ่แข็งแรงและมีจิตใจห้าวหาญเกินตัว ครั้นเด็กชายเที่ยงพูดจาได้คล่องแคล่ว ก็สร้างความตื่นเต้นตกใจให้กับพ่อแม่ของเขาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเด็กพูดว่าเขาคือ “เสือโพธิ์” มาเกิด และบอกเล่าว่าชาติก่อนเขาตายเพราะถูกลูกน้องทรยศรุมทำร้าย(เขาบอกด้วยว่ามีใครชื่ออะไรบ้าง) เมื่อเกิดมาชาตินี้เขาจะตามไปล้างแค้นฆ่าให้ตายหมดทุกคน แม้ผู้ใหญ่สั่งสอนห้ามปรามมิให้ผูกพยาบาทอาฆาตมาดร้ายเพียงใด เด็กชายเที่ยงก็ไม่ยอมเชื่อฟัง คงพร่ำจะตามฆ่าล้างแค้นให้ได้ ตอนนั้นพ่อแม่ของเขาหวนคิดถึงความฝันประหลาด ก่อนที่นายเที่ยงหรือ ด.ช.เที่ยงในขณะนั้นจะเกิดมา ทั้งนายเจริญและนางพวนฝันตรงกันเป็นที่น่าอัศจรรย์ว่า นายโพธิ์ แสนกล้า หรือ ”เสือโพธิ์” พี่ชายของนายเจริญที่เสียชีวิตไปแล้ว มาปรากฏตัวให้พวกเขาเห็น และบอกว่าเขาจะมาเกิดเป็นลูกของทั้งสองคนพวกเขาไม่คาดคิดว่าความฝันในครั้งนั้นจะกลายเป็นความจริง
ตอนนั้นเด็กชายเที่ยงได้พูดและแสดงออกถึงเรื่องราวในอดีตชาติที่เคยเกิดเป็นเสือโพธิ์หลายครั้ง แต่พ่อแม่ของเขาไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้กับใคร เพราะเด็กชายเที่ยงพูดถึงแต่การจะแก้แค้นและพูดถึงชื่อของบรรดาคนที่ร่วมกันฆ่าเสือโพธิ์ ทำให้พวกเขาเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับลูกชาย จึงปกปิดเรื่องนี้มาตลอด จนกระทั่งพ่อของเขาป่วยหนักใกล้จะเสียชีวิต ตอนนั้นเด็กชายเที่ยงอายุได้ประมาณ 4 ขวบ เขาจึงยอมบอกกับญาติๆคนสนิทว่า เด็กชายเที่ยง คือ นายโพธิ์ แสนกล้า หรือ “เสือโพธิ์” พี่ชายของตนมาเกิด
เมื่อเด็กชายเที่ยงเติบโตเป็นหนุ่มขึ้นมา ความอาฆาตพยาบาทก็ยังไม่ลบเลือนไปจากความคิด และถึงกับสะสมอาวุธจะไปทำร้ายผู้อื่นอย่างแน่วแน่ พร้อมกันนั้นก็ออกสืบหาบรรดาลูกน้องทรยศอย่างเอาเป็นเอาตาย สร้างความหนักใจให้แก่พ่อแม่อย่างยิ่ง แต่กาลเวลาซึ่งผ่านมาเนิ่นนานกว่า 20 ปี พวกลูกน้องของเสือโพธิ์จึงแยกย้ายกระจัดกระจายไปอยู่คนละทิศละทาง บางคนเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กโดยเฉพาะนายช้างคนที่ฟันเขาจนเสียชีวิต บางคนถูกตำรวจยิงตาย บางคนติดคุกติดตะรางยังไม่ออก และบางคนก็หนีหายสาบสูญไปหลบซ่อนต่างถิ่นต่างแดน กระนั้นหนุ่มเที่ยงหรือเสือโพธิ์มาเกิดใหม่ก็พยายามสืบหาลูกน้องเก่าไม่ลดละ จิตใจหมกมุ่นอยู่กับความเคียดแค้นอาฆาตไม่ยอมเลิกรา
|