ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1738
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

น้ำมันกันภัย พระครูวิมลสีลาภรณ์ (ครูบาสุรินทร์ สุรินโท)

[คัดลอกลิงก์]
ผู้เข้มขลังน้ำมันกันภัย พระครูวิมลสีลาภรณ์  (ครูบาสุรินทร์  สุรินโท)
วัดหลวงศรีเตี้ย  ต.ศรีเตี้ย  อ.บ้านโฮ่ง  จ.ลำพูน


โดย รณธรรม ธาราพันธุ์







       
ครูบาสุรินทร์มีชื่อเดิมว่า  สุจา  เกิดในสกุล  เสมอใจ  เมื่อวันศุกร์ที่  15  มกราคม  พ.ศ. 2441  ที่บ้านศรีเตี้ย  อ.บ้านโฮ่ง  จ.ลำพูน  ท่านอุปสมบทเมื่ออายุได้  21  ปี  ที่วัดหลวงศรีเตี้ย  โดยมีพระอธิการญาวิไชย  สิริวิชโย  เป็นพระอุปัชฌาย์  พระอาจารย์คำ  คัมภีโร  เป็นพระกรรมวาจาจารย์  พระอาจารย์คันธา  คันธวังโส  เป็นพระอนุสาวนาจารย์
       
เมื่อบวชแล้วท่านได้ศึกษาทั้งปริยัติธรรมและการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน  โดยได้ออกธุดงค์ร่วมกับ  ครูบาพรหมา  พรหมจักโก  วัดพระพุทธบาทตากผ้า  อ.ป่าซาง  จ.ลำพูน  ครูบาคำ  คันธิโย  วัดบ้านดง  และ ครูบาเฮือน  สิริวิชโย  วัดสันเจดีย์ริมปิง  
       
กระทั่งท่านบรรลุในศาสตร์ต่าง ๆ เจนจบ ก็ได้รับอาราธนามาเป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงศรีเตี้ยเมื่อปี พ.ศ. 2474  จนถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่  11  มีนาคม พ.ศ. 2532  สิริอายุได้  91 ปี
       
ครูบาสุรินทร์นับได้ว่าเป็นผู้แตกฉานในพระเวทย์วิทยาคุณอย่างเอกอุ  เครื่องมงคลที่ท่านสร้างขึ้นนั้นล้วนแต่มีอภินิหารแก่ผู้นำไปบูชาอย่างน่าทึ่ง  ไม่ว่าจะเป็น  เหรียญ  ตะกรุด  ผ้ายันต์  แต่ที่ถือเป็นสุดยอดของท่านคือ

น้ำมันงาดำ




       

น้ำมันงาดำของหลวงปู่ครูบาสุรินทร์นั้นท่านได้เล่าเรียนมาจากองค์อาจารย์คือ ท่านครูบาถาวรเถระ  ผู้เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงศรีเตี้ย  อันน้ำมันงาดำนี้หากสร้างได้ถูกต้องตามตำรา  จะมีอิทธิฤทธิ์นานัปการอย่างที่เรียกว่าฝอยท่วมหลังช้างทีเดียว  ใช้ได้ทั้งอยู่ยงคงกระพัน  เมตตามหานิยม  แคล้วคลาด  ค้าขายดี  ทากันและแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย  ฟกช้ำดำเขียว  กระดูกแตกหักก็ทาเพื่อต่อได้   มีบาดแผลแล้วทาก็จะสมานติดกันในเวลาอันรวดเร็ว  ผีเข้าเจ้าสิงก็ป้ายเข้าไปผีจะรีบหลีกลี้ในทันใด  เป็นโรคกระเพาะให้กลืนกินเข้าไปจะรักษาแผลในกระเพาะและลำไส้ได้อย่างวิเศษ  ฯลฯ  และเหนืออื่นใดคือ
       
เดือดได้ ?!

เดือดได้จริง ๆ เมื่อผู้ครอบครองนำไปเก็บรักษาไว้ยังที่สูงในตำแหน่งอันสมควร เช่น  บนหัวนอน  แล้วมีการสวดมนต์ไหว้พระเป็นนิจสิน  หากมีภัยถึงตัวหรือจะเกิดอันตรายจาก มนุษย์  อมนุษย์  ภัยธรรมชาติ  ภัยจากสัตว์ร้าย  แม้แต่อันตรายจากโรคภัยไข้เจ็บในตัว  น้ำมันงามหาวิเศษนี้ก็จะเกิดอาการเดือดเป็นฟองขึ้นในขวดได้เองอย่างมหัศจรรย์ที่สุด  เดือดปุด ๆ ให้เห็นก็มี  เป็นฟองขึ้นเองอย่างฟองสบู่ก็มี  มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่คน  หากไม่ว่าจะเป็นอย่างใดนั้นก็คือให้เตรียมรับมือจงหนัก

คุณทวี  เย็นฉ่ำ  หรือ  เจดีย์ทอง นักเขียนชื่อดังได้เคยเล่าให้ผมฟังอย่างออกรสถึงวาระหนึ่งที่เดินทางไปกราบศพครูบาพรหมา พรหมจักโก   ณ  วัดพระพุทธบาทตากผ้า  อ.ป่าซาง จ.ลำพูน  ตอนขากลับได้แวะไปนมัสการครูบาสุรินทร์  สุรินโท  ถึงวัดหลวงศรีเตี้ย  ซึ่งขณะนั้นครูบาสุรินทร์กำลังจะประกอบพิธีหุงน้ำมันงาดำอยู่พอดี


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-4-22 11:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ในวันงานนั้นมีพระเถรานุเถระมาร่วมพุทธาภิเษกมิใช่น้อย  ที่แน่ ๆ ก็มี  ครูบาหล้า  จันโทภาโส   วัดป่าตึง  อ.สันกำแพง  จ.เชียงใหม่    ครูบาธรรมชัย  ธัมมชโย  วัดทุ่งหลวง  อ.แม่แตง  จ.เชียงใหม่    ครูบาชัยวงศาพัฒนา  วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม  อ.ลี้  จ.ลำพูน  เป็นต้น

โดยพระเถระนั่งปรกอยู่ในวิหารหลวง  มีการตั้งราชวัติ  ฉัตร  ธง  โยงสายสิญจน์ลงมาอย่างยิ่งใหญ่อลังการ  ภายนอกวิหารตั้งกระทะใบบัวขนาดใหญ่ถึง  9  ใบ  ทุกใบกำลังเคี่ยวน้ำมันงาดำควันโขมง  และรอบบริเวณก็ตั้งราชวัติ  ฉัตร  ธง  เช่นเดียวกัน  กั้นสายสิญจน์เป็นปริมณฑลห้ามสตรีเพศเข้าโดยเด็ดขาด

เป็นที่น่าสังเกตว่ามีธรรมาสน์หนึ่งปูเบาะและผ้ารองนั่งไว้เป็นอย่างดี  มีพานวางสายสิญจน์โยงออกมาอย่างเรียบร้อย  และตั้งอยู่ในตำแหน่งประธาน  คะเนว่าน่าจะจัดเตรียมไว้ให้พระเถระผู้ใหญ่  หากเริ่มพิธีไปโขแล้วก็ยังไม่เห็นมีใครมา

ไม่นานใครหลายคนก็เริ่มสังเกตโดยเฉพาะพวกมีกล้อง  ว่ายกกล้องประทับเล็งไปธรรมาสน์นั้นคราวใด  มักได้เห็นเงาคนนั่งอยู่บนนั้นบ่อยครั้ง  ต่อมาเมื่อเพ่งหนักเข้าคราวนี้ก็เห็นกันด้วยตาเปล่าหลายคนทีเดียว

เงาดำดังกล่าวมีลักษณะที่ชัดเจนว่าศีรษะโล้น  ห่มและพาดผ้าอย่างสังฆาฏิ  รูปร่างเป็นคนท่าทางอ้วนใหญ่ไม่น้อย  จากลักษณะที่พบเดาได้ว่าน่าจะเป็นพระมากกว่าโยม  ทุกคนที่เห็นเก็บความอัศจรรย์ใจไว้ไม่อยู่เล่าขานกันปากต่อปากอย่างรวดเร็ว

ขณะที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่นั้นก็เกิดเหตุประหลาดที่นอกวิหารกระทะน้ำมันงาดำทั้ง  9  ใบ  ค่อย ๆ ทยอยระเบิดทีละใบ...  ทีละใบ...  สร้างความแตกตื่นและฉงนใจให้พระภิกษุและประชาชนที่มาร่วมพิธีเป็นอย่างยิ่ง กระทะระเบิดไปเรื่อยจนเหลือใบสุดท้ายทุกคนที่ลุ้นตัวโก่งก็โล่งใจเพราะเหตุประหลาดยุติลงแต่เพียงแค่นั้น  กระทะใบสุดท้ายยังอยู่ดีและดำเนินการเคี่ยวพร้อมปลุกเสกไปได้ตลอดรอดฝั่งจนจบพิธีโดยสมบูรณ์

เหตุการณ์ทั้งหมดสร้างความอัศจรรย์และเสียงวิจารณ์อยู่ไม่น้อย  ใครหลายคนอดสงสัยไม่ได้จึงกรูเกรียวกันเข้าไปกราบเรียนถามหลวงปู่ครูบาสุรินทร์ว่าเงาดำที่เห็นคืออะไรและทำไมกระทะจึงระเบิดได้

หลวงปู่ท่านตอบขรึม ๆ ว่า เงาดำที่เห็นนั้นคือครูบาถาวรเถระปฐมเจ้าอาวาสวัดหลวงศรีเตี้ยผู้เป็นเจ้าของวิชาหุงน้ำมันงาดำนี้  และธรรมาสน์อาสนะนั้นท่านก็ได้จัดถวายไว้ให้ครูบาถาวรผู้เป็นบูรพาจารย์  เพราะได้อาราธนาท่านลงมาร่วมพิธีด้วย
       

ซึ่งท่านก็มาจริง ๆ



****และที่น้ำมันระเบิดจนเสียหายใช้การไม่ได้นั้น  ครูบาถาวรท่านบอกว่า...

  ท่านเป็นผู้ระเบิดทิ้งเอง  เพราะหากทำมากก็จะเป็นการช่วยคนมากเกินไป

  เพราะคนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีศีลมีธรรม  ช่วยเขาแล้วเมื่อเขารอดตัวพ้นภัย

  เขาก็จะไปทำไม่ดีขึ้นอีก  ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม  

ท่านประสงค์ให้น้ำมันวิเศษนี้สงเคราะห์แก่คนดีมีศีลธรรมเท่านั้น




เป็นสุดยอดเหตุผลโดยแท้*******
       




เมื่อได้รู้เหตุผลแล้ววัตถุมงคลในพิธีก็ถูกบูชาไปอย่างรวดเร็ว  โดยเฉพาะน้ำมันงาดำที่ทำยากเย็นแสนเข็ญที่สุด  และถือเป็นเอกลักษณ์ของวัดหลวงศรีเตี้ยกับครูบาสุรินทร์โดยปริยาย
       
อานุภาพของน้ำมันงาดำนี้คุณทวี  เย็นฉ่ำ  ได้เคยประสบกับตนเองเมื่อมีพระภิกษุรูปหนึ่งอาพาธอยู่โรงพยาบาล  และคุณทวีได้มอบน้ำมันงาดำนี้ให้ไว้บูชาที่หัวเตียง  ปรากฏว่าบูชาไประยะหนึ่งน้ำมันก็เดือดเป็นฟองขึ้น  ท่านเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะท่านก็อาพาธอยู่แล้ว  อยู่มาไม่นานท่านก็ถึงแก่มรณภาพ
       
ทหารหาญของไทยรายหนึ่งชื่อ สิบเอกเจริญ  ทิพย์กาญจนกุล  เป็นทหารชุดปฏิบัติการที่สมรภูมิร่มเกล้า  พิษณุโลก เมื่อปี พ.ศ. 2532  ก่อนไปรบได้มากราบนมัสการครูบาสุรินทร์เพื่อขอพรและบูชาวัตถุมงคลไปหลายอย่างที่ขาดไม่ได้คือน้ำมันงาดำ   
       
ก่อนออกปฏิบัติการ ส.อ.เจริญจะอาราธนาน้ำมันงาดำขอให้ปกป้องคุ้มครองทุกครั้ง  จากนั้นก็จะกินเท่าเมล็ดพุทราและทายังจุดต่าง ๆ  ในร่างกายตามที่หลวงปู่สั่ง
       
วันหนึ่งกองกำลังของ ส.อ.เจริญได้ปะทะกับพวกทหารลาวแดงอย่างจัง  พวกมันโจมตีด้วยการปาระเบิดสังหารเข้าใส่   ส.อ.เจริญอยู่ใกล้จุดที่ลูกระเบิดตกที่สุดจึงหลบไม่ทัน  โดนผลงานลาวแดงเข้าเต็ม ๆ         เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายก็รีบทำการสำรวจตัวเองก่อน  ปรากฏว่าไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด  ทำให้ผู้หมู่มีขวัญและกำลังใจเพิ่มขึ้นเป็นกอง  นึกเชื่อมั่นในน้ำมันงาดำและครูบาสุรินทร์อีกเป็นเท่าทวีคูณ   ครั้นหันไปดูเพื่อนร่วมชะตากรรมก็พบว่าทหารบางนายเสียชีวิตคาที่ด้วยอานุภาพระเบิด  หลายคนบาดเจ็บมากบ้างน้อยบ้างทั่วกัน  มีแต่ ส.อ.เจริญเพียงคนเดียวที่ไม่มีอาการบาดเจ็บเลย
       
ครั้นเหตุการณ์ศึกร่มเกล้าผ่านไป  ส.อ.เจริญก็ตรงแน่วมากราบหลวงปู่ครูบาสุรินทร์ถึงวัดหลวงศรีเตี้ยด้วยความเคารพอย่างที่สุด  อะไรที่ว่าดีของหลวงปู่เป็นอันว่าผู้หมู่เก็บหมดด้วยนับถือสุดหัวใจ
       
อภินิหารของตะกรุดก็มีมาก  ที่สร้างชื่อให้ท่านที่สุดเห็นจะเป็นตะกรุดโทนและตะกรุดจำปาสี่ต้น  ปกติตะกรุดจำปาสี่ต้นวัดไหน ๆ ทางภาคเหนือเขาก็สร้างกันและจะมีสี่ดอกตามอักขระยันต์ที่บังคับไว้  แต่จำปาสี่ต้นของครูบาสุรินทร์จะมี  5  ดอก     4  ดอกแรกจะอยู่รวมเป็นกลุ่มตามแบบดั้งเดิมแต่ดอกที่  5  นี้จะอยู่เดี่ยวข้างบนสุด
       
ท่านบอกว่าดอกเดี่ยว ๆ นั้นคือ  ‘ตะกรุดพระสิวลี’ เพราะท่านต้องการให้ลูกหลานมิได้มีแต่ความแคล้วคลาดปลอดภัย  เมตตามหานิยมเพียงอย่างเดียว  แต่ท่านต้องการให้มีโชคมีลาภ  จะทำงานทำการค้าขายสิ่งใดก็ให้เป็นเงินเป็นทองร่ำรวยทั่วหน้ากัน  จึงถือได้ว่าเป็นตะกรุดจำปาสี่ต้นสำนักเดียวที่แตกกิ่งออกมาเป็น   ‘จำปาสี่บวกหนึ่ง’
       
เหรียญรูปเหมือนของท่านดูเหมือนจะมีเพียง  4  รุ่นที่สืบค้นได้เป็นหลักเป็นฐาน  แต่รุ่นที่น่าสนใจที่สุดคงต้องยกให้เหรียญรุ่น  2 เพราะรุ่นนี้มีจำนวนสร้างราว ๆ  3,000  เหรียญเห็นจะได้
       







และที่สุดยอดเหนืออื่นใดคือครูบาสุรินทร์ท่านใส่ใจกับเหรียญนี้มาก  ด้วยการจัดเตรียมบาตรไว้สองใบ  ใบหนึ่งใส่เหรียญที่ศิษย์นำมาถวายจนหมด  แล้วท่านก็จะหยิบมาทีละเหรียญ  เรียกสูตร  เรียกนาม  ปลุกเสกอักขระเลขยันต์บนเหรียญอันเป็นยันต์ที่ท่านเป็นผู้กำหนดเองไปเรื่อย ๆ
       
เมื่อเรียกสูตรปลุกเสกเหรียญในมือจนมั่นใจแล้วท่านก็จะวางลงในบาตรอีกใบที่เตรียมไว้  แล้วก็หยิบเหรียญใหม่ขึ้นมาเสกด้วยวิธีการเดียวกันนี้อีก  ทีละเหรียญ... ทีละเหรียญ...
       
จนในที่สุดเหรียญอันสุดท้ายก็จะย้ายจากบาตรหนึ่งไปสู่อีกบาตรหนึ่ง  จากนั้นท่านก็จะทำการปลุกเสกรวมอีกคำรบหนึ่งจึงเป็นอันว่าเสร็จพิธี

สุดยอดไหม ?

พิถีพิถันปานนี้  ไม่หา  ไม่สน  ผมก็ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรแล้ว  ครูบาสุรินทร์เป็นพระภาคเหนือเพียงองค์เดียวในสายตาผม  ที่มองว่าท่านเป็นมหาเถระผู้แตกฉานในวิทยาคุณอย่างแท้จริง  ท่านเก่งและเคร่งในวิชาอย่างน่าศรัทธายิ่ง
       
เหรียญทั้ง  4  รุ่นเป็นของที่ยังพอหาได้  แต่ตะกรุดและน้ำมันงาดำเป็นอะไรที่ดูค่อนข้างยาก  หากไม่ใช่จากคนที่เชื่อถือได้แล้วล่ะก็  อย่าได้คิดหามาบูชาเลยครับ  ผมกลัวท่านผู้อ่านจะไปเจอ   ‘ตะกรูด’ กับ‘น้ำมันกุ๊ก’ เข้าล่ะสิ

หมายเหตุ – ขอขอบคุณคุณอาทวี  เย็นฉ่ำ และ  คุณสุธันย์  สุนทรเสวี ที่กรุณาเอื้อเฟื้อข้อมูลและวัตถุมงคลของหลวงปู่ครูบาสุรินทร์ครับ

http://www.navaraht.com/forum/forum15/topic1686.html
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-5-2 08:20 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-5-10 07:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่ท่านตอบขรึม ๆ ว่า เงาดำที่เห็นนั้นคือครูบาถาวรเถระปฐมเจ้าอาวาสวัดหลวงศรีเตี้ยผู้เป็นเจ้าของวิชาหุงน้ำมันงาดำนี้  และธรรมาสน์อาสนะนั้นท่านก็ได้จัดถวายไว้ให้ครูบาถาวรผู้เป็นบูรพาจารย์  เพราะได้อาราธนาท่านลงมาร่วมพิธีด้วย
        

ซึ่งท่านก็มาจริง ๆ



****และที่น้ำมันระเบิดจนเสียหายใช้การไม่ได้นั้น  ครูบาถาวรท่านบอกว่า...

  ท่านเป็นผู้ระเบิดทิ้งเอง  เพราะหากทำมากก็จะเป็นการช่วยคนมากเกินไป

  เพราะคนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีศีลมีธรรม  ช่วยเขาแล้วเมื่อเขารอดตัวพ้นภัย

  เขาก็จะไปทำไม่ดีขึ้นอีก  ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม  

ท่านประสงค์ให้น้ำมันวิเศษนี้สงเคราะห์แก่คนดีมีศีลธรรมเท่านั้น




เป็นสุดยอดเหตุผลโดยแท้*******
        




มีกับเขาอยู่ขวดหนึ่ง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้