|
กสม.แถลงผลงาน6ปี รับกปปส.บางส่วนไม่ควรได้รับการคุ้มครองตามรธน. ชี้ปจบ.มีปัญหาเสรีภาพ
(16 พ.ย.58) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) คณะกรรมการได้แถลงผลงานครบรอบ 6 ปี ก่อนส่งมอบให้กับชุดใหม่ โดยนางอมรา พงศาพิชญ์ กล่าวว่า กสม.ชุดนี้เข้ามารับหน้าที่เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2552 โดยรับคำร้องเดิมจากกรรมการชุดเก่า 1,563 คำร้อง ทำเสร็จสิ้น 1,555 คำร้อง และระหว่างเข้ารับหน้าที่เมื่อ 25มิถุนายน 2552 - 30 กันยายน 2558 มีคำร้องยื่นเข้ามาจำนวน 4,143 ทำเสร็จ 3,185 คำร้อง และจะส่งต่อให้กสม.ชุดใหม่ จำนวน 958 คำร้อง ทั้งนี้ การทำหน้าที่ที่ผ่านมา สื่อมวลชนไม่ค่อยเข้าใจในอำนาจหน้าที่ มีทั้งชื่นชมติติงก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ บางครั้งเข้าใจอำนาจหน้าที่เราผิด ได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนแต่ก็วิพากษ์วิจารณ์เรา แต่ไม่ขอเปรียบเทียบผลงานระหว่างชุดที่ 1 กับชุดที่ 2 ว่าชุดใดดีกว่ากัน
ขณะที่นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กสม.ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กล่าวว่า กสม.ได้เข้าไปตรวจสอบการชุมนุมทางการเมืองและการใช้ความรุนแรงทางการเมือง 2 ครั้ง คือปี 2553 และปี 2556-2557 มีข้อสรุปว่าการชุมนุมทั้ง 2 ครั้ง มีปัญหาเรื่องสิทธิการรับรู้ความจริงและการยอมรับความจริงร่วมกัน แม้ว่าจะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศเข้ามา แต่ยังไม่มีการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์อย่างแท้จริง ต้องมีการจัดการการชุมนุมหรือความขัดแย้งอย่างเหมาะสมและไม่ควรใช้กฎหมายที่รุนแรง การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง หากแก้ปัญหาด้วยการทหาร ยิ่งทำให้ปัญหาขยายตัวเหมือน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงมีการเสนอเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อการชุมนุมอย่างเหมาะสมตามหลักกฎหมาย รวมทั้งต้องสรุปบทเรียนว่าการที่จะทำให้ประเทศไทยไม่ตกหลุมความขัดแย้ง จำเป็นต้องคิดถึงปัญหาต้นตอ เพราะประเทศไทยติดกับดักบ้านเมืองต้องการปฏิรูป ซึ่งมองไม่เห็นเค้าลางการปฏิรูปประเทศไทยจะเกิดขึ้นจริง
นพ.นิรันดร์ กล่าวอีกว่า ระยะ 1 ปีเศษที่ผ่านมา มีปัญหาการละเมิดสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ภายใต้สถานการณ์รัฐประหาร ต้องยอมรับว่าภายใต้กฎอัยการศึกแม้จะยกเลิกไปแล้ว สังคมไทยยังมีปัญหาด้านเสรีภาพในการแสดงความเห็นเช่น เสรีภาพของสื่อ และนักวิชาการ เป็นต้น แม้กระทั่งการที่ประชาชนอยากมีส่วนร่วมปัญหาต่างๆในพื้นที่ เช่น ปัญหาปฏิรูปพลังงาน การจัดการทรัพยากร ก็ถูกสกัดกั้นถูกมองว่าทำลายความสงบสุข ในความเป็นจริงเป็นสิทธิของพลเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรายงานผลงานของกสม.มีการสรุปรายงานการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เมื่อปี 2556-2557 ที่ผ่านมา โดยเห็นว่าแม้การชุมนุมของ กปปส.และกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอื่นๆในภาพรวมจะเป็นการใช้เสรีภาพที่เป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ แต่ยังปรากฏว่ามีการดำเนินกิจกรรมบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อการใช้สิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น อาทิ กิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง การปิดล้อมสถานที่รับสมัคร ส.ส. รวมถึงการปฏิบัติการปิดกรุงเทพ ซึ่งถือเป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมในที่สาธารณะที่เกินความจำเป็น และพบว่ามีการทำลายทรัพย์สิน การใช้สิ่งเทียมอาวุธ โดยแกนนำไม่สามารถควบคุมได้ และไม่มีการห้ามปราม ก็ถือได้ว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบและไม่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นความผิดเฉพาะราย ไม่กระทบกับการใช้สิทธิชุมนุมของคนส่วนใหญ่
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนี้ กสม.มีข้อเสนอเชิงนโยบายไปยังรัฐบาล คือ รัฐต้องดูแลการชุมนุมให้เป็นไปอย่างสงบ ป้องกันไม่ให้กระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกฝ่าย และรัฐควรหลีกเลี่ยงการประกาศใช้กฎหมายพิเศษเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย เพราะไม่สามารถดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐจึงต้องมีมาตรการ กฎหมายที่เหมาะสม และรัฐโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและ ติดตามผู้กระทำผิด ไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้ชุมนุม หรือบุคคลอื่น มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม และการสลายการชุมนุมของตำรวจที่ผ่านมายังไม่สอดคล้องกับหลักสากลในการสลาย ชุมนุม ขณะที่ผู้จัดการชุมนุมและผู้ร่วมชุมนุมจะต้องสร้างเจตจำนงร่วมในการชุมนุม ภายใต้หลักการรัฐธรรมนูญ ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ และผู้ร่วมชุมนุมต้องใช้เสรีภาพเท่าที่ไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1447677621
|
|