ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2436
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

จับตา บาทก้าว “ประชาธิปไตยใหม่” จาก 14 นักศึกษา

[คัดลอกลิงก์]



ปรากฏการณ์ “ดาวดิน” ปรากฏการณ์ “ขบวนการประชาธิปไตยใหม่” ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งไปยังขบวนแถวของการเมืองภาคประชาชน

หากไม่มีรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 คงไม่มีปรากฏการณ์นี้








ยิ่งกว่านั้น หากไม่มีรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ปรากฏการณ์นี้คงไม่เติบใหญ่และขยายตัว กระทั่งนำไปสู่การประกาศจัดตั้ง
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่


ถามว่าคำประกาศจัดตั้ง “ขบวนการประชาธิปไตยใหม่” เกิดขึ้นเมื่อใดและภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองอย่างไร


คำตอบ 1 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2558

  คำตอบ 1 เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามประสานความคิดระหว่างองค์ประกอบหนึ่งซึ่งเป็นนักศึกษาเข้ากับองค์ประกอบหนึ่งซึ่งเป็นชาวบ้าน

เป้าหมายอยู่ที่เรียกร้อง ประชาธิปไตย สิทธิชุมชน


ถึงแม้ว่าเป้าหมายใหญ่ ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 คือ ต้องการโค่นล้ม และทำลายอำนาจทางการเมืองของ “ระบอบทักษิณ”
แต่ภายในการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องก็เกิดการแปรเปลี่ยน


ต้องยอมรับว่ารากฐานทางการเมือง 1 ที่เข้าร่วมในการสนับสนุนการรัฐประหาร คือ การเมืองในภาคประชาชน

ผลสะเทือน 1 ก็คือ พวกเขาได้เข้าไปมีตำแหน่งทางการเมือง


บางส่วนได้กลายเป็น “ขุนนาง นักการเมือง” อยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ บางส่วนก็มีตำแหน่งอยู่ในสภาปฏิรูปแห่งชาติ มีบทบาทและมีส่วนร่วมในการสร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหาร ให้กับคสช.และให้กับรัฐบาล


ขณะเดียวกัน ปรากฏการณ์นี้ก็สร้างความขัดแย้ง แตกแยกให้เกิดขึ้นตามมา

ทาง 1 บรรดาขุนนาง นักการเมืองซึ่งเคยมีบทบาทในการเมืองภาคประชาชน ได้รับการปูนตำแหน่ง บำเหน็จรางวัลด้วยเงินจำนวนมหาศาล


ขณะเดียวกัน ทาง 1 ชาวบ้านในหลายแห่งถูกทอดทิ้ง ถูกละเมิด


ขณะที่บรรดา “ขุนนาง นักการเมือง” ซึ่งเคยอยู่ในการเมืองภาคประชาชนลอยคออยู่กับคสช.และรัฐบาล ชาวบ้านก็ถูกคุกคาม ปรับทัศนคติ ชีวิตความเป็นอยู่มิได้มีอะไรดีขึ้น

สายตาที่ทอดมองไปยังบรรดา “ขุนนาง เอ็นจีโอ” จึงเริ่มแปลกแปร่ง


ในความเป็นไปเช่นนี้ยังมีนักศึกษาจำนวนหนึ่งซึ่งยึดมั่นในอุดมการณ์ความคิดได้ประสานเข้ากับผลประโยชน์ของชาวบ้านอย่างไม่แปรเปลี่ยน


กระทั่งก่อรูปขึ้นเป็น “ขบวนการประชาธิปไตยใหม่”

ขบวนการประชาธิปไตยใหม่อาจเสมอเป็นเพียง “ปรากฏการณ์” ยังไม่ปรากฏรูป “การจัดตั้ง” อย่างเด่นชัด


กระนั้น ปรากฏการณ์ของพวกเขาได้ก่อให้เกิดการแยกขั้ว จัดตั้งกลุ่มในทางความคิดใหม่ขึ้นในสังคม โดยมีคนกลางๆ จำนวนไม่น้อยเห็นด้วยกับแนวทางและการเคลื่อนไหว


ปรากฏการณ์นี้กำลังสำแดงบทบาทมากขึ้นเป็นลำดับ

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1436454411
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-7-10 08:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
“ดาวดิน”ในใจชน นักศึกษาผู้ร่วมต่อสู้เคียงข้างชาวบ้าน






รู้จักกับกลุ่มนักศึกษา “ดาวดิน”จากรั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ มหาวิทยาลัยสารคาม ผู้ร่วมต่อสู้เคียงข้างชาวบ้าน
ภาพ ถูกถ่ายทอดโดย Roengrit Kongmuang

ภาพนักศึกษาคุกเข่าพนมมือต่อหน้าตำรวจควบคุมฝูงชน ท่ามกลางสายฝนพรำ ไม่ใช่สิ่งที่จะเห็นกันได้ทั่วไป
พวกเขาวิงวอนให้ตำรวจเปิดทางให้ชาวบ้านซึ่งคัดค้านการทำเหมืองทอง ในพื้นที่ อ.วังสะพุง จ.เลย เข้าร่วมรับฟังการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ประกอบการขอประทานบัตร
นักศึกษากลุ่มนี้ส่วนใหญ่ศึกษาอยู่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ในนามของกลุ่ม “ดาวดิน” และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
“กระบวนการครั้งนี้ไม่เป็นธรรม ไม่เปิดให้ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยได้ร่วมแสดงความเห็น”จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา สมาชิกกลุ่มดาวดินบอกถึงสาเหตุที่อยู่ข้างชาวบ้าน

ชื่อเต็มๆ ของกลุ่มดาวดินคือ “กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม”

ก่อตั้งมาได้ 10 ปีแล้ว ตั้งแต่นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มข. รุ่น 1 ต่อมาช่วงปี 2547

ได้จัดทำ “วารสารดาวดิน” สะท้อนปัญหาของชาวบ้าน ดาวดินจึงกลายเป็นชื่อใหม่ที่ไม่เป็นทางการ
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องปกติ พวกเขาผ่านมาแล้วนับสิบครั้ง เคยแม้แต่ถูกจับกุมข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
สมาชิกกลุ่มที่กำลังศึกษาอยู่มีเพียง 20 คน แต่รุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วได้ก่อตั้ง


“ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม”สนับสนุนการต่อสู้ของชาวบ้าน


ใช่แค่ในฐานะนักศึกษา ใช่แค่เครื่องแบบและรั้วสถาบันที่คุ้มครอง

แต่ความเป็นลูกหลานชาวบ้านคือสถานะที่ยิ่งใหญ่กว่า

ซึ่งทำให้พวกเขาส่งต่อและสืบทอดอุดมคติต่อไปรุ่นแล้วรุ่นเล่าไม่หยุดยั้ง


http://www.chaoprayanews.com



3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-7-10 08:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อุบัติการณ์ดาวดิน กับประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ภายใต้ คสช.
Fri, 2015-07-03 00:43
ม์



ก่อนหน้าที่เราจะเป็นสักขีพยาน วันยึดอำนาจรัฐประหาร วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 สังคมไทยรู้จัก “นักศึกษากลุ่มดาวดิน” เพียง กลุ่มนักศึกษาเล็กๆ ที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เหมืองทองคำ ในจังหวัดเลย ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ล่วงเลยจากวันยึดอำนาจรัฐประหารมานานนับปี ก่อนการอุบัติขึ้นของแรงกระเพื่อมไหวครั้งใหญ่ของการเมืองภายหลังรัฐประหาร การปรากฎตัวของกลุ่มนักศึกษาดาวดิน และนักเคลื่อนไหวบางคน ที่มารวมกลุ่มกันนั่งจ้องนาฬิกาที่ลานหน้าหอศิลป์ฯ ในคืนวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 ครบรอบ 1 ปี การรัฐประหารและบริหารประเทศของคสช. จวบจนนำไปสู่การเข้าสลายการชุมนุม และยื่นฟ้องเหล่านักศึกษา 14 คนอย่างลับๆ ผ่านเอกสารที่ส่งไปตามบ้าน และวันที่ 24 มิถุนายน 2558 กลุ่มนักศึกษากลุ่มนี้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพื่อประกาศเจตนารมณ์ต่อต้าน คสช. ซึ่งแน่นอน พวกเขาถูกจับกุมในเวลาต่อมา ด้วยหมายจับจากศาลทหาร ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ห้ามมิให้ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน และห้ามต่อต้าน คสช. และทางกลุ่มนักศึกษาไม่ขอยื่นประกันตัว

อุบัติการณ์ครั้งนี้คงผิดจากความคาดหมายของหน่วยงานความมั่นคงพอสมควร เพราะ “ไฟ” ถูกจุดติดขึ้นมา ภายหลังการจับกุมดำเนินคดีกับเหล่านักศึกษา และ การออกมากล่าวหาว่า การเคลื่อนไหวของ 14 นักศึกษานั้น “มีเบื้องหลังไม่บริสุทธิ์” และ “มีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลัง” รวมถึงกระแสต้านจากสังคมออนไลน์ที่กล่าวหาว่าพวกเขา “ถูกจ้างมา” ซึ่งผิดคาด เพราะเกิดกระแสสนับสนุนเหล่านักศึกษาขึ้นมาสวนกระแสดังกล่าวจากทั้งในและนอกประเทศ และมีท่าทีว่าจะไม่หยุดลงโดยง่าย ซึ่งเป็นกระแสเรียกร้องต่อรองกับรัฐบาล คสช.ให้ปล่อยตัว 14 นักศึกษาโดยไม่มีเงื่อนไข การล่ารายชื่อ โดยจากทั้งคณาจารย์ นักวิชาการ นักคิดนักเขียนมากมาย นักศึกษากลุ่มอื่น แม้กระทั่งองค์กรระหว่างประเทศ สหภาพยุโรป และ สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็ร่วมออกแถลงการณ์กดดัน คสช. จนเกิด “แรงกระเพื่อมไหว” ครั้งใหญ่
ใหญ่จน พล.อ.ประยุทธ์ ขอใช้สิทธิ์ “เลี่ยงไม่ตอบคำถามต่อสื่อมวลชน” ในวันที่ 29 มิถุนายนก่อนเดินทางไปประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ และอาจจะนับเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ใช้สิทธิ์นี้ นับจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นต้นมา
ใหญ่จนคนมีตำแหน่งสูงๆ ในรัฐบาล พากันออกมาประสานเสียงว่า “รู้ตัวคนอยู่เบื้องหลังกลุ่มนักศึกษา” และ “เตรียมเล่นงานคนอยู่เบื้องหลังนักศึกษา” หลังจากตรรกะวาทกรรม “ไม่เห็นด้วยกับ คสช.คือต้องการความไม่สงบ” ใช้ไม่ได้ผลนัก แต่นั่นก็ไม่อาจกลบแรงกระเพื่อมไหวครั้งนี้ได้
จนกระทั่ง อนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ต้องออกมาตั้งคำถามต่อสังคมว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มนี้นั้น “สร้างประโยชน์อะไรให้แก่ประเทศบ้าง” เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าปฏิรูปเพื่อลูกหลานคนไทยทั้งประเทศ


สิ่งนี้ย้อนไปถึง คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี


ที่พูดบ่อยครั้งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ที่พูดว่า..


  คสช.จะนำ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มาสู่ประชาชน และ ตัวท่านคือทหารประชาธิปไตย




ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบสากลนั้น ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะต่อรองกับรัฐ ทั้งเรื่องกฎหมายที่เป็นไม่ธรรม การร้องเรียนสิ่งที่ประชาชนต้องการ การตีฆ้องร้องป่าวต่อความไม่เป็นธรรม รวมถึงสิทธิที่จะเอ่ยปากต่อต้านรัฐบาล


ดั่งเช่นที่ม๊อบทั้งหลายทำมานับ 10 ปีที่ผ่านมา ที่ใช้การต่อรองแบบ
รวมกลุ่มเป็นมวลชนเพื่อสร้างพื้นที่ต่อรองทางการเมืองกับรัฐบาล


ซึ่งนับเป็น “เสียง” ที่ดังที่สุดของประชาชนเท่าที่ระบอบการเมืองการปกครองจะมอบให้ได้


แต่นับตั้งแต่ กฎอัยการศึกออกมาบังคับใช้ จนถึง คำสั่ง คสช. ออกมาประกาศใช้ พื้นที่ต่อรองของประชาชนก็หายไป “เสียง” ถูกกลบหายด้วยอำนาจมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว และคำสั่งคสช. คือตัวแทนอันเป็นรูปธรรมของภาวะ “ห้ามเถียง” “ห้ามคัดค้าน” “ห้ามต่อต้าน” ที่ คสช.ใช้กับประชาชน ซึ่งไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนเขาทำกัน ไม่เคยมีการรัฐประหารครั้งใดเหมือนครั้งนี้ แม้ในมาตรา 4 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่เขียนรองรับถึงสิทธิพลเมืองที่ต้องได้รับการคุ้มครองก็ไร้ความหมาย อาจเพราะคำสั่งคสช. อยู่เหนือรัฐธรรมนูญชั่วคราว
ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ได้ระบุถึงสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน คือสิทธิเสรีภาพที่จะพูดหรือแสดงออก หากไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น การมี คำสั่งคสช. คือการลิดรอนสิทธิเสรีภาพอย่างไม่ต้องสงสัย และแน่นอนว่าประเทศประชาธิปไตยโดยทั่วไปแล้ว ประชาชนมีสิทธิที่จะต่อรองกับรัฐเพื่อยกเลิกกฎหมายที่ริดลอนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง เพราะมิเช่นนั้น “กฎหมาย” จะกลายเป็นเพียง “คำสั่ง” ของรัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว ที่เอาไว้กดขี่พลเมืองของรัฐ

วันที่ 22 พฤษภาคม 2558 ดาวดินจึงร้องตะโกนอย่างเงียบสงบ ในพื้นที่การเมืองซึ่งไม่มีที่ให้เสียงใดได้เล็ดลอดออกจากความเงียบภายใต้ “คำสั่ง คสช.” ไปได้ ในพื้นที่ที่พวกเขาให้คำมั่นสัญญาว่าจะเกิดประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ กลุ่มนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวไร้อาวุธ แค่เพียงพูดในสิ่งที่ตนเชื่อ นั่งมองนาฬิกาและชูป้ายผ้า นั้นมีความผิด

ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา “นักศึกษา” คือตัวแทนของพลังบริสุทธิ์ พลังแห่งปัญญาชน จวบจนยุคสมัยของคสช. ที่ภาพของนักศึกษา ถูกวาทกรรมป้ายสีให้พวกเขากลายเป็นทาสของทุน ถูกซื้อและชักใยอยู่โดยผู้อื่น ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดนั้น คือความเงียบ ที่ไม่ใช่ความสงบ แต่เป็นความเงียบสงัดที่รัฐได้ชิง “เสียง” ของประชาชนไป การเคลื่อนไหวของดาวดิน เป็นเพียงกรณีเดียว ที่สังคมได้รับรู้รับทราบผ่านการบอกเล่าของสื่อมวลชนเท่านั้น เพราะในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา คำสั่ง คสช. ได้ทำให้สังคมไทยเงียบสงัดลง ไม่ว่าจะเป็นการเสวนาวิชาการที่ถูกปิดลงนับครั้งไม่ถ้วน การไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ต่างๆ นับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเพราะที่ดินสปก.หรือพื้นที่ป่า การสั่งห้ามการกิจกรรมเพื่อปฏิรูปที่ดิน หรือแม้กระทั่งตามต่างจังหวัดที่คสช.เฝ้าระวัง แค่เพียงชาวบ้านนั่งรถเกิน 5 คน ก็จะมีการตั้งด่านจับเพื่อตรวจสอบ

ฉะนั้นภายใต้คำสั่ง คสช. นั้น เราไม่มีประชาธิปไตยใดๆ ทั้งสิ้น
และไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่า หลังผ่านพ้นคำสั่ง คสช.ไปแล้ว เราจะได้มันมาหรือเปล่า

http://www.prachatai.com/journal/2015/07/60137

บอกตามตรง...ออกมาเคลื่อนไหวก็โดนจับอีกในเมื่อรัฐบาลมองนักศึกษาเป็นฝ่ายตรงข้าม...
ไม่เหมือนอีกฝ่ายที่ทำอะไรไม่เคยผิดทั้งๆที่ปิดกั้นการไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน...
หากประเทศนี้ ...ยังมองหาความ ยุติธรรม ( ยุติ โดย ธรรม ) ไม่เจอการใช้อำนาจเข้าควบคุมการแสดงออกทางสิทธิและเสรีภาพนั้นสักวันคงถึงจุดที่ไร้ความอดทน...
กปปส. เฮ!ศาลยกฟ้องคดีขวางเลือกตั้ง-ปิดสนง.เขตดินแดง

คดีแรกขัดขวางเลือกตั้ง! ศาลพิพากษายกฟ้อง จำเลยกลุ่ม กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้ง กรณีปิดล้อมสำนักงานเขตดินแดง

วันที่ 9 ก.ค.58 ที่ศาลอาญา ศาลนัดอ่านคำพิพากษา ได้มีคำพิพากษาคดีที่กลุ่มผู้ชุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ยกกำลังไปปิดล้อมสำนักงานเขตดินแดง

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การชุมนุมของ กปปส. เป็นการชุมนุมที่ชอบด้วยกฎหมายตามคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ โดยเป็นการชุมนุมโดยสงบที่หน้าสำนักงานเขตดินแดง

นอกจากนี้ไม่ปรากฎว่า จำเลยทั้งหมดเป็นคนนำกุญแจไปคล้องเพื่อปิดทางเข้าออกสำนักงานเขตดินแดง ตามคำให้การของพนักงานอัยการ ศาลพิจารณาแล้วจึงยกฟ้อง

ด้าน นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ หนึ่งในทีมทนาย กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญที่ได้รับความสนใจจากหลาย ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นการตัดสินคดีแรกในข้อหาเดียวกัน คือกรณีการขัดขวางการเลือกตั้ง จากการชุมนุมของ กลุ่ม กปปส.

ที่มาtnews

ติดตามข่าวสารอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com

MThai News



มติ สนช.ชี้ ครูหยุยทำท่าปาดคอเย้ยยิ่งลักษณ์ ไม่ผิดจริยธรรม

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติต่อกรณี นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย สมาชิกสนช. แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในลักษณะเยาะเย้ย ทำท่าปาดคอเย้ย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังรู้ผลลงมติถอดถอนโครงการจำนำข้าว ชี้ไม่เข้าข่ายทำผิดประมวลจริยธรรม


ชมผ่านยูทูปได้ที่ :  http://youtu.be/8Y3NADMd3HM




ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้