|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-7-2 05:49
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เดลินิวส์
หนึ่งในฟอร์เวิร์ดเมล์ที่ยังคงส่งต่อถึงกันตั้งแต่หลายปีก่อน มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่หมดไป และสร้างความฉงนให้กับผู้รับเป็นอย่างมาก นั่นคือ เรื่อง เบอร์มรณะ รับโทรศัพท์แล้วตาย ที่มักจะมีคนเขียนข้อความทำนองว่า "อย่ารับเบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้เป็นอันขาด เพราะคุณอาจเสียชีวิตได้" จนมีผู้เรียกขานเบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ เหล่านั้นว่า เบอร์มรณะ แม้กระทั่งภาพยนตร์เรื่อง 999-9999 ต่อ - ติด - ตาย ก็ยังมีพล็อตกล่าวถึง เบอร์มรณะ เช่นกัน ทำให้หลายคนสงสัยว่า จริง ๆ แล้ว เบอร์มรณะ มีจริงหรือแกล้งกันเล่นแน่
ล่าสุด กระแสข่าว เบอร์มรณะ กำลังถูกกระพืออีกครั้งผ่านปากต่อปากในหลายจังหวัดของภาคเหนือ โดยมีเสียงโจษจันต่อ ๆ กันมาว่า "ระวัง! ห้ามรับโทรศัพท์เบอร์ 083336xxxx , 083336xxxx , 083333xxxx เด็ดขาด เพราะคุณจะจบชีวิตลงแน่นอน" พร้อมกับระบุว่า มีหลายคนที่เสียชีวิตอย่างปริศนาจาก เบอร์มรณะ รับโทรศัพท์แล้วตาย นี่มาแล้ว
นอกจากนี้ ข่าวลือยังระบุอีกว่า เบอร์มรณะ ที่โทรศัพท์เข้ามาจะโชว์เป็นเบอร์สีแดง โดยทุกคนที่ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์สีแดง จะเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมีการอ้างว่า หลายจังหวัดในภาคเหนือมีผู้เสียชีวิตจาก เบอร์มรณะ มาหลายคนแล้ว โดยมีอาการแก้วหูแตก เลือดคั่งในสมอง
ทั้งนี้มีรายงานว่า นายปุ๊ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช.ชั้นปีที่ 3 ของสถาบันศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ตกเป็นเหยื่อเบอร์โทรศัพท์มรณะจนล้มป่วยนอนซมอยู่ที่ รพ.ห้างฉัตร เมื่อผู้สื่อข่าวรุดไปตรวจสอบ ก็พบว่านายปุ๊อยู่ในชุดคนไข้นอนซมอยู่บนเตียง ภายในตึกผู้ป่วยในห้องผู้ป่วยสามัญชาย สภาพมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง และมีนางแก้ว (นามสมมติ) มารดา นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ด้วยความห่วงใย ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปาก แต่นายปุ๊ปฏิเสธที่จะเล่าให้ฟังพร้อมมีสีหน้าหวาดผวาเล็กน้อย โดยให้เหตุผลว่ายังผวากับเรื่องที่เกิดขึ้น พอนึกถึงหรือพูดถึงที่ไร จะมีอาการแข้งขาชา แน่นหน้าอกหายใจติดขัด อย่างไรก็ดี นายปุ๊ได้ให้มารดาเล่าให้ฟังแทน
นางแก้วเปิดเผยว่า ลูกชายเล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่ ผ่านมา ขณะนั่งเล่นอยู่ในห้องบนบ้าน เพื่อนคนหนึ่งก็โทรฯ เข้าโทรศัพท์มือถือลูกชาย หลังคุยกันได้ 2-3 นาที ก็วางสายไป คราวนี้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก ลูกชายก็คิดว่าเป็นเพื่อนคนเดิมโทรฯ มา แต่พอรับสายยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ ก็มีเสียงคล้ายคนสวดมนต์เป็นภาษาบาลี หรือภาษาอะไรไม่แน่ใจ สำเนียงเนิบ ๆ ช้า ๆ น่าขนลุก พอฟังไป ได้แป๊บเดียวลูกชายก็มีอาการขนลุกวาบตัวชา รุ่มร้อนเหมือนร่างกำลังถูกไฟเผาทั้งเป็น จึงรีบโยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง และวิ่งหน้าตาซีดเซียวลงมาหาบิดา พยายามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แต่กลับพูดจาไม่ได้ศัพท์ บิดาจับตัวดูเห็นตัวเย็นเฉียบ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง และดวงตาลุกวาวเหมือนหวาดกลัวอะไรอย่างหนัก จึงขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่ อปพร.ของ อบต.หนองหล่ม นำตัวส่ง รพ. แพทย์พาตัวเข้าห้องฉุกเฉินฉีดยาและให้น้ำเกลือ พร้อมให้นอนรักษาตัวเพื่อรอดูอาการ ตนจึงมาเฝ้าดูแลลูกชายด้วยความเป็นห่วง
หลังนางแก้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังเสร็จ นายปุ๊ก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยว่า ตอนที่ได้ยินเสียงสวดมนต์ ก็นึกถึงข่าวลือเรื่องเบอร์โทรฯ มรณะขึ้นมาทันที ตอนแรกก็คิดว่าเพื่อนคนเดิมโทรฯ มาแกล้ง แต่พอโทรฯ สวนกลับไป ปรากฏว่าไม่ใช่และไม่มีคนรับสายด้วย พร้อมกันนี้นายปุ๊ได้บอกเบอร์โทรศัพท์ฯ ดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นพ.ศิริชัย ภัทรนุภากร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ลำปาง โดยได้ให้ความเห็นว่า นักศึกษาคนดังกล่าวอาจเกิดอาการคล้ายอุปาทานหมู่ที่เคยเกิดขึ้น กับเด็กนักเรียนก่อนหน้านี้ โดยเพื่อนอาจจะโทรฯ มาล้อเล่น จนเกิดหวาดกลัวอย่างหนัก แต่คงต้องดูด้วยว่ามีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ รวมทั้งหากผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ อาจทำให้เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ จึงขอเตือนผู้ที่นำเรื่องนี้มากลั่นแกล้งกัน ว่า อาจเป็นการทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ สำหรับเรื่อง เบอร์มรณะ นั้น เมื่อวันที่ 21 ม.ค. นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สกทช.) กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวได้สร้างผลกระทบอย่างมาก ขนาดที่บางหมู่บ้านตื่นตระหนก จนมีการปิดโทรศัพท์มือถือหมด ทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้
"จากการตรวจสอบเลขหมายที่ปรากฏเป็นข่าวพบว่า เป็นเลขหมายระบบเติมเงินในเครือข่ายเอไอเอส 3 เลขหมายและรายเดือน 1 เลขหมาย แต่ทั้ง 4 หมายเลขมีผู้ใช้บริการอยู่ และต้องเดือดร้อนคอยรับโทรศัพท์จากผู้คนจำนวนมากที่ต้องการสอบถามข้อเท็จจริง เป็นการรบกวนชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง จนบางรายต้องปิดเครื่องตลอดเวลา ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวลือนี้แต่อย่างใด จึงขอความร่วมมือจากประชาชนงดการโทรไปที่หมายเลขที่เป็นข่าว"
ผอ.สบท.กล่าวต่อไปว่า ข่าวลือดังกล่าวกำลังลามไปเรื่อย ๆ ซึ่งทุกประเด็นล้วนไม่มีมูลความจริง โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการปล่อยไวรัสผ่านโทรศัพท์มือถือทำให้เครื่องระเบิด หรือปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงทำให้แก้วหูทะลุ เพราะหากเป็นไวรัสจะมีผลทำให้โทรศัพท์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติหรือหยุดทำงานเท่านั้น ไม่สามารถทำให้ระเบิดได้ และปัญหาไวรัสจะเกิดได้กับโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ เท่านั้น อีกทั้งการระเบิดของโทรศัพท์มือถือจะเกิดจากส่วนแบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันมีการเพิ่มชิปเพื่อป้องกันการลัดวงจรของแบตเตอรี่แล้ว
|
|