ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2729
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล วัดคลองเกตุ ~

[คัดลอกลิงก์]
ชีวประวัติและวัตถุมงคลหลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล วัดคลองเกตุ จ.ลพบุรี



พระครูสิริธัชสมาจารย์ (หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล)  วัดคลองเกตุ อ.โคกสำโรง  จ.ลพบุรี
มีนามเดิมว่า บุญตา  นามสกุล  พาซื่อ  โยมบิดาชื่อ  นายอุด  โยมมารดาชื่อ  นางทุม  พาซื่อ
เกิดที่บ้านโนนสะคาม  จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15  มกราคม  พ.ศ. 2449
ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน  4  ท่าน  คือ
1.  นายอ้วน  พาซื่อ
2.  นายรุณ  พาซื่อ
3.  นางลา  พาซื่อ
4.  หลวงปู่บุญตา  วิสุทธสีโล
เมื่ออายุได้  3  ขวบ  บิดาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านพระเสาร์  อ.มหาชนะชัย  จ.ยโสธร

ชีวิตในวัยเยาว์อายุ  12  ปี  ได้ศึกษาภาษาไทย  ณ วัดพระเสาร์  จนถึงชั้น ป. 3  จึงออกมาช่วยบิดามารดาทำนา
จนกระทั่งอายุ  16  ปี  บิดามารดาพาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านจาน  อ.กระสัง  จ.บุรีรัมย์
และได้ย้ายไปอยู่บ้านหนองมะนาว  ต.ขอนแก่น  อ.สำโรงทาบ  จ.สุรินทร์
จนอายุได้  23  ปี  มารดาก็เสียชีวิต  ท่านจึงได้บวชหน้าไฟเพื่อทดแทนคุณมารดา

ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่  25  มกราคม  พ.ศ. 2472  ที่วัดหนองม้า  ต.หนองฮะ  อ.ศรีขรภูมิ  จ.สุรินทร์
โดยมีพระอธิการกลัด  เจ้าอาวาสวัดสะเม็ด  เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอาจารย์กา  วัดสะเม็ด  เป็นพระกรรมวาจา
พระอธิการเผือ  วัดบ้านเครือ  เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ท่านได้รับฉายาว่า "วิสุทธสีโล" แปลว่า "ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์"


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-8 11:02 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์กลัด  พระอุปัชฌาย์ในวัดสะเม็ด  
ได้เริ่มเรียนการปฏิบัติกัมมัฏฐานอย่างจริงจังกับผู้เป็นอุปัชฌาย์  
พร้อมกับเรียนพระปริยัติธรรมควบคู่ไปด้วยและก็สอบได้นักธรรมชั้นตรีในพรรษาแรก

เมื่อจิตใจพึงพอใจอยู่กับความสงบประกอบกับหลวงปู่ท่านได้สมาธิแล้ว
ก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมแห่งผู้คน
จึงขออนุญาตพระอาจารย์กลัดแสวงหาครูบาอาจารย์สอนวิชา
โดยไปจำพรรษาที่วัดกลาง  จังหวัดบุรีรัมย์
เพราะทราบว่ามีครูบาอาจารย์ดีในวัดหลายองค์  
ท่านจึงได้ศึกษาวิชาต่างๆ หลายแขนงทั้งทางด้านปฏิบัติธรรม  ด้านคาถาอาคม
ไสยศาสตร์  แต่เนื่องจากวิชาอาคมต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นภาษาขอมท่านจึงคิดที่หาที่เรียนภาษาขอม
จึงเดินทางไปยังวัดเขื่องใน  จังหวัดอุบลราชธานี  
เรียนภาษาบาลีและอักขระขอม  ใช้เวลาเรียนอยู่ 4 ปีเต็มจนแตกฉานในภาษาบาลีและอักขระขอม

จบแล้วจึงไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์เป็นเวลา  3  พรรษา
และท่านก็ปรารถนาจะกราบนมัสการพระธาตุพนม  ซึ่งไม่เคยไปมาก่อน
ท่านจึงออกเดินทางธุดงค์ไปยังวัดพระธาตุพนม  ค่ำไหนก็ปักกลดที่นั่น
ทำการสำรวจจิตใจด้วยตนเอง  ทบทวนด้วยเรื่องของสังขารอยู่ในป่าทึบ
จนกระทั่งถึงวัดพระธาตุพนม  และอยู่ที่วัดพระธาตุพนม 7  วัน

จากนั้นออกธุดงค์ต่อไปทางจังหวัดเชียงใหม่ไปพักอยู่วัดอุโมงค์
เป็นวัดที่พระชาวศรีลังกามาสอนธรรมะ  
ท่านอยู่ที่นั่น 15  วัน ก็ธุดงค์ต่อไปทั่วภาคเหนือและภาคอิสาน


3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-8 11:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ปี พ.ศ. 2474  หลวงปู่เดินธุดงค์อยู่เชียงใหม่  
ท่านทราบว่าเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) แสดงธรรมอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง
ท่านดีใจมากที่จะได้พบพระสุปฏิปันโน
และท่านก็ได้รับความเมตตาชี้แนะแนวทางธรรม
หลังจากนั้นท่านจึงธุดงค์ไปวัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา
ไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเสาร์  กันตสีโล  
ซึ่งหลวงพ่อเสาร์  ท่านเชี่ยวชาญเรื่องปัฏฐวีกสิณ  เตโชกสิณ อาโปกสิณ และวาโยกสิณ
หลวงพ่อเสาร์ท่านได้เมตตาสอนปัฏฐวีกสิณให้
โดยนำดินมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่าหม้อใหญ่และขนาดขันน้ำ โดยมองให้เห็นอยู่อย่างนั้น
แล้วลืมตามาเพ่งใหม่คือ การเพ่งดินเป็นอารมณ์  และในการฝึกนั้นจะมีพระมหาปิ่น ปญฺญาธโร
และพระอาจารย์สิงห์  ขันตคยาโม  เป็นผู้เข้มงวดในการฝึก  
จนกระทั่งหลวงปู่บุญตา เข้าถึงปฐวีกสิณอย่างรวดเร็วกว่าศิษย์ท่านอื่นๆ

จากนั้นท่านจึงกราบลาหลวงพ่อเสาร์  และพระมหาปิ่น  ธุดงค์มาทางจังหวัดลพบุรี
และมาพักอยู่วัดพรหมมาสตร์  มาอยู่กับหลวงพ่อพุทธวรญาณ  ได้ศึกษาธรรมะอยู่ 1 พรรษา
จากนั้นจึงเดินทางเข้าไปกรุงเทพฯ ไปอยู่วัดมหาธาตุ  
พร้อมกับปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานกับพระเทพสิทธิมุนี ภาวนายุบหนอ  พองหนอ
เพ่งสติให้เป็นมหาสติปัฏฐาน  ปฏิบัติได้ 2 เดือนเศษก็มีความชำนาญและช่ำชองอย่างรวดเร็ว

ออกจากวัดมหาธาตุ  ย้อนกลับไปยังจังหวัดนครสวรรค์  
ได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม พุทธสโร แห่งวัดหนองโพ  ได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อเดิมหลายอย่าง
เช่น  การสร้างมีดหมอเทพศาสตราตามตำรับเดิมแท้ ฯลฯ
และท่านได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อทองวัดเขากบ  ซึ่งท่านมีชื่อเสียงในการเล่นแร่แปรธาตุ

จากนั้นได้เข้าศึกษาพระธรรมที่วัดศรีษะเมือง  หรือวัดนครสวรรค์  ซึ่งมีชื่อเสียงทางปริยัติธรรม
หลวงปู่บุญตาจึงได้ศึกษาจนสำเร็จนักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอก  
ท่านอยู่ที่ในนครสวรรค์  4 พรรษา  จากนั้นก็กลับมาลพบุรี  มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองบัว ต.คลองเกตุ
อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี  และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส  ในปี 2483
ท่านอยู่ที่วัดหนองบัว 3 พรรษา  จากนั้นจึงกลับไปเยี่ยมภูมิลำเนาเกิด  โดยไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์
เป็นเวลา  3  พรรษา  จากนั้นก็กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวอีกครั้งหนึ่ง



4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-8 11:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ในการอยู่วัดหนองบัวท่านก็ได้โน้มน้าวจิตใจของญาติโยมเข้าวัดปฏิบัติธรรม
ควบคู่ไปกลับการสอนปริยัติธรรมให้กับพระภิกษุสามเณร  
รวมทั้งเป็นที่พึ่งของญาติโยมในภาวะเจ็บไข้ท่านก็ใช้พลังอำนาจทางจิตทำการรักษา
รวมทั้งผู้ที่ถูกคุณไสยมนต์ดำ  หลวงปู่สยบมาแล้วทั้งนั้น
ชื่อเสียงด้านการสอนธรรมะและปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ ทำให้ผู้ใหญ่ระดับสูงในอำเภอโคกสำโรง
อาราธนานิมนต์ไปยังอารามแห่งใหม่
ท่านอยู่วัดหนองบัวครั้งหลัง  3  พรรษา  ปี 2492  ก็ได้รับคำสั่งให้ไปปกครองวัดสิงห์คูยาง
ซึ่งอยู่ใจกลางชุมชนตลาดอำเภอโคกสำโรง  ท่านพัฒนาวัดสิงห์คูยาง  จนก้าวหน้า
และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระครูสังฆรักษ์บุญตา  พระฐานานุกรมของพระกิตติญาณมุนี
(พระพุทธวรญาณ)  เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี  รวมระยะเวลาปกครองวัดสิงห์คูยาง 23 พรรษา

ขณะที่ท่านพำนักอยู่วัดสิงห์คูยางนั้นท่านเดินทางสู่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
เพื่อขอรับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามแนวทางของพระธรรมธีราชมุนี (โชดกญาณสิทธิ ป.ธ.9)
ในรุ่นที่ 3  และได้รับการยกย่องจากพระเดชพระคุณ พระพิมลปัญญาว่า เป็นพระวิปัสสนาจารย์ชั้นเยี่ยม
เพราะเข้าสมาธิได้เป็นที่ 1  สามารถทำให้ร่างกายไม่ไหวติงนานนับ  ถึง 1 วัน 1 คืน  
ถึงขั้นมีผู้ทดสอบยกร่างของท่านจากที่เดิมไปที่แห่งใหม่  โดยที่ท่านั่งของท่านยังคงเดิมไม่ไหวติง
เพราะหลวงปู่ท่านเข้าถึงสภาวะจิตขั้นสูงแล้ว


วัดคลองเกตุ  ต.คลองเกตุ  อ.โคกสำโรง  ถึงยุคเสื่อมโทรมร้างเจ้าอาวาส
ชาวบ้านตำบลคลองเกตุได้พร้อมใจกันไปขอร้องท่านผู้ใหญ่ในอำเภอ  
ขออาราธนานิมนต์ไปปกครองวัดคลองเกตุไปเป็นหลักของชาวบ้านคลองเกตุ
เพราะความศรัทธาที่มีต่อท่านตั้งแต่ครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว  ซึ่งอยู่ในตำบลเดียวกัน

คณะสงฆ์ผู้ใหญ่ได้สอบถามหลวงปู่  หลวงปู่ก็ตอบตกลงเพราะว่าวัดสิงห์คูยางเจริญแล้ว
และอยู่กลางอำเภอ  และเห็นว่าวัดคลองเกตุเงียบสงบ
เหมาะแก่การเจริญภาวนา  ปฏิบัติธรรม  ท่านจึงตอบตกลงทันที

วันที่ 25 มกราคม  2514  ขบวนชาวบ้านคลองเกตุ ได้จัดขบวนไปรับหลวงปู่ถึงวัดสิงห์คูยาง
เพื่อไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคลองเกตุ  ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
หลวงปู่ท่านก็ได้ไปบริหารจัดการและพัฒนาจนเจริญก้าวหน้าจนเป็นวัดคลองเกตุในปัจจุบัน


หลวงปู่บุญตาท่านมีความช่ำชองในการเพ่งกสิณไฟเป็นพิเศษ
ถึงขนาดที่กำหนดจิตเสกพระให้แก่ผู้ศรัทธาเพียงชั่วอึดใจ
พระที่ท่านเสกให้ถึงกับร้อนจัดขึ้นทันที
และที่น่าอัศจรรย์คือมีผู้ห้อยพระของท่านถูกฟ้าผ่า แต่รอดตายได้อย่างปาฏิหารย์
วัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น ประสบการณ์เพียบ....เรื่องแคล้วคลาด  ปลอดภัย  โชคลาภ
มีพูดคุยปากต่อปากของลูกศิษย์ของท่านไม่ขาดปากตลอดจนถึงปัจจุบันนี้
และวัตถุมงคลของท่านไม่มีวางให้เห็นตามแผงพระทั่วไป  เพราะลูกศิษย์เห็นจะเก็บไว้หมด
นานๆ ทีจึงจะเห็นวัตถุมงคลของท่านออกมาให้เห็นตามตลาดพระบ้าง

ที่มา http://group.wunjun.com/kabinburifc/topic/78643-2020

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้