ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1525
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ลี ชิง ยุง มนุษย์อายุยืนที่สุดในโลก 256 ปี อยู่ได้อย่างไร ?

[คัดลอกลิงก์]

                                                                  นายลี ชิง ยุน
              
       ลี ชิง ยุน (李清云) ได้ถูกอ้างว่าเป็นมนุษย์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกถึง 256 ปี ทำให้หลายคนอาจเกิดความสนใจและเกิดคำถามว่าจะมีมนุษย์ที่มีอายุยืนยาวได้เช่นนั้นจริงหรือ? และหากมีเขาดำรงชีวิตอย่างไรจึงได้มีชีวิตยืนยาวเช่นนั้นได้ และผมก็อดคิดตามไปต่อไม่ได้ก็คือ หากมนุษย์มีอายุยืนยาวอย่างนั้นแล้วจะมีความสุขจริงหรือเปล่าท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายในช่วงเวลา 256 ปี ?
      
        จึงใช้โอกาสในพื้นที่บทความนี้ไปค้นหาข้อมูลมาเขียนแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านที่สนใจเรื่องนี้ได้พิจารณากัน เพื่อหวังว่าจะได้ประโยชน์และแง่คิดในการดำเนินชีวิตต่อไปไม่มากก็น้อย
        
        ลี ชิง ยุน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ทานอาหารมังสวิรัติ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการป้องกันตัว และเป็นกุนซือด้านยุทธวิธี ตัวนายลี ชิง ยุน เองได้อ้างว่าเขาได้เกิดในปี พ.ศ. 2279 แต่ในขณะเกิดข้อพิพาทและข้อสงสัยเพราะมีบันทึกหลักฐานซึ่งระบุว่าเขาเกิดในปี พ.ศ. 2220 ซึ่งต่อมานายลี ชิง ยุนได้เสียชีวิตในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2476 ดังนั้นไม่ว่าอายุขัยที่แท้จริงของนายลี ชิง ยุน จะอยู่ที่ 197 ปี หรือ 256 ปี ก็ถือว่าเป็นมนุษย์ที่มีอายุยืนมากที่สุดในโลก มากกว่านาง ฌานน์ กาลม็อง สตรีชาวฝรั่งเศส ซึ่งมีหลักฐานในการบันทึกวันเกิดว่าเกิดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2418 และเสียชีวิตวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2540 ซึ่งมีอายุยืนถึง 122 ปี
      
        ซึ่งมีข้อสงสัยว่านายลี ชิง ยุน อาจจะจำปีเกิดของตัวเองผิด หรือไม่ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นความจริง หรือไม่หลักฐานที่บันทึกที่พบตามมานั้นอาจผิดก็ได้ ?
      
        เพราะก่อนที่นายลี ชิง ยุนจะเสียชีวิต 3 ปี ปรากฏว่าในปี พ.ศ. 2473 ศาสตราจารย์ วู ชุง-เฉียน ซึ่งเป็นคณะบดีของคณะศึกษาศาตร์แห่งมหาวิทยาลัยหมินกั๋วประเทศจีน ได้ค้นพบหลักฐานแสดงบันทึกว่า นายลี ชิง ยุน ได้เกิดในปี พ.ศ. 2220 เพราะมีหลักฐานว่ารัฐบาลแห่งจักรพรรดิ์จีนได้ฉลองยินดีกับนาลี ชิง ยุนเมื่ออายุครบปีที่ 150 และ ต่อมาก็ฉลองอีกครั้งเมื่ออายุครบปีที่ 200 เมื่อย้อนเวลากลับไปจากการเฉลิมฉลอง 2 ครั้ง จึงเชื่อได้ว่านายลี ชิง ยุน น่าจะเกิดในปี พ.ศ.2220 จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่กว่าที่จะสืบค้นได้ว่านายลี ชิง ยุนที่แท้จริงได้ว่าน่าจะมีอายุขัยยืนยาวถึง 256 ปี เพราะคนที่ร่วมฉลองวันเกิด 150 ปี หรือ 200 ปีต่างก็เสียชีวิตกันไปหมดแล้ว
      
        ในปี พ.ศ.2471 หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์ ได้เคยเขียนบันทึกผู้สูงวัยซึ่งอยู่เป็นเพื่อบ้านกับนายลี ชิง ยุน ต่างก็ได้ยืนยันตรงกันว่าปู่ของพวกเขารู้จักและเคยเห็นนายลี ชิง ยุน ตั้งแต่ปู่ของพวกเขายังเป็นเด็ก และหลังการเสียชีวิตของนายลี ชิง ยุน ในปี พ.ศ. 2479 นิตยสารไทมส์ และนิวยอร์ค ไทมส์ ได้รายงานว่านายลี ชิง ยุน มีภรรยา 23 คน และมีทายาทกว่า 200 คนเรื่อยมาตลอดระยะเวลา 256 ปี
      
        นายลี ชิง ยุน เกิดที่มณฑลเสฉวน อายุ 10 กว่าปี ก็เริ่มเก็บสะสมสมุนไพรบนภูเขา ทานอาหารมังสวัรัติและเรียนรู้วิธีในการทำให้อายุยืนยาว ใช้ชีวิตอยู่กับการรับประทานสมุนไพร เขาใช้ชีวิตอย่างนี้ในช่วงชีวิต 40 ปีแรก ต่อมาเมื่ออายุ 71 ปี จึงย้ายไปอยู่ที่ตำบลไค เมืองฉงชิ่งเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพจีนในการสอนวิชาศิลปะป้องกันตัวและในฐานะเป็นกุนซือด้านกลยุทธ์ (ลองคิดดูว่าคนอายุ 71 ปีแล้วมาสอนวิชาศิลปะป้องกันตัวให้กองทัพชายฉกรรจ์ของจีนได้จะต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงเพียงใด)
      
        อาจารย์ดา หลิว เป็นอาจารย์สอนมวยไทเก็ก ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของนาลี ชิง ยุน ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่ออาจารย์ลี ชิง ยุนอายุได้ 130 ปี ได้พบกับฤาษีที่มีอายุมากว่า 500 ปีบนภูเขาและสอนอาจารย์ลี ชิง ยุน ด้วยวิชามวย 9 มังกรปา-กว้าจ่าง (ชื่อมวยชนิดหนึ่งของสำนักบู๊ตึ้ง) และแนะนำสอนการหายใจควบคู่กับชี่กง ฝึกสอนการเคลื่อนไหวที่ประสานไปกับเสียงแบบต่างๆและรวมถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับอาหาร อาจารย์ดา หลิว ได้ระบุว่าอาจารย์ของเขาพูดว่าความอายุยืนของเขานั้นอยู่บนความจริงคือ
      
        "การออกกำลังกายทุกวัน อย่างสม่ำเสมอ อย่างถูกวิธี และ ด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ สำหรับอายุยืนยาว 120 ปี"
      
        ในปี พ.ศ. 2470 นายลี ชิง ยุน ได้ถูกเชิญโดยนายพลหยาง เซิน เพื่อให้มาพบเขาที่ตำบลวันในมณฑลเสฉวน และได้ถ่ายรูปที่นั่น โดยนายพลหยาง เซินได้สนใจและทึ่งกับความกระฉับกระเฉง ความแข็งแกร่ง และความองอาจของนายลี ชิง ยุน ที่มีอายุมากในขณะนั้นถึง 250 ปีแล้ว เพราะนายลี ชิง ยุน ในเวลานั้นยังเดินได้เป็นปกติ สายตาดีและมีผิวพรรณที่ดี สุขภาพแข็งแรง หลังตรง หนังตึง เส้นผมกับฟันยังเป็นของแท้ตามธรรมชาติ การตอบสนองและการพูดคุยเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม

      
        หลังจากนั้นต่อมาหลังการเสียชีวิตของนายลี ชิง ยุน นายพลหยาง เซิน ได้ให้มีการตรวจสอบความจริงเกี่ยวกับเบื้องหลังความเป็นมาและอายุของเขาและเขียนออกมาเป็นรายงานและได้เผยแพร่ในเวลาต่อมาจนถึงทุกวันนี้
      
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-30 17:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
        นายลี ชิง ยุน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ได้สนับสนุนและผลักดันให้ใช้ เห็ดหลินจือป่า, ผลโกจิ เบอร์รี่ (เก๋ากี้), โสมป่า, He Shou Wu (สมุนไพรจีนบำรุงเลือด ชื่อภาษาอังกฤษว่า Polygonum), และใบบัวบก ผสมผสานร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ
      
        ด้วยความที่นายลี ชิง ยุน อยู่ในประเทศจีนและอยู่บนภูเขามีอากาศหนาว ลักษณะของสมุนไพรจึงเน้นหนักในเรื่องสมุนไพรฤทธิ์ร้อน เช่น เห็ดหลินจือ โสมป่า ฯลฯ (ซึ่งบางอย่างอาจไม่เหมาะกับอากาศในเมืองไทย)แต่อย่างไรก็ตามในทางวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบความสำคัญของสมุนไพรเหล่านั้นตามมาในภายหลัง
      
        เช่น เห็ดหลินจือป่า พบว่ามีสารโพลีแซคคาไลด์ ซึ่งกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ขจัดสารพิษ เสริมสร้างการทำงานของตับอ่อน ต้านมะเร็ง มีสารเยอร์มาเนียมช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือด ต้านมะเร็ง บำรุงสมอง บำรุงประสาท มีสารไตรเทอร์ปีนอยด์ ช่วยบำรุงตับ ควบคุมภูมิแพ้ ต้านมะเร็ง รักษาระดับความดันโลหิตสูง เพิ่มประสิทธิภาพระบบการย่อย มีสารนิวคลีโอไทด์ป้องกันการก่อตัวของลิ่มเลือดการอุดตันของลิ่มเลือด มีอาดีโนซีนที่เสริมสร้างฮอร์โมนและเยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น มีอัลคาลอยด์ซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในหัวใจ ฯลฯ
      
        ผลโกจิ เบอร์รี่ (เก๋ากี้) ในวันนี้ก็เริ่มนิยมแพร่หลายกันมากในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพราะเมื่อมีการตรวจพบว่าเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงในระดับต้นๆของโลก ทำให้ชะลอการเสื่อมของร่างกายลง อีกทั้งยังมีงานวิจัยของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอบกิ้นส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้วิจัยโดยการใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูลเซลล์ในเลือดพบว่าหากดื่ม โกจิ เบอร์รี เป็นน้ำผลไม้สดจะทำให้เลือดมนุษย์เปลี่ยนไปอย่างมากภายใน 10 วัน จะลดความเป็นกรดในเลือดมีออกซิเจนในเลือดมากขึ้น ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้นส่งผลต่อการต้านเชื้อโรคและเชื้อราที่ไม่พึงประสงค์ต่อร่างกาย และลดคอร์เลสเตอร์รอล ฯลฯ
      
        ใบบัวบก นอกจากการแก้ช้ำในแล้ว การบริโภคใบบัวบกจะช่วยบำรุงสมอง ทั้งช่วยซ่อมแซมสมองส่วนที่ถูกทำลายไปแล้วและช่วยป้องกันไม่ให้สมองส่วนที่ยังปกติดีอยู่นั้นถูกทำลายลง แถมยังช่วยให้ความทรงจำมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดความเครียดได้ด้วย ใบบัวบกยังช่วยกระตุ้นระบบการรับส่งกระแสประสาท ปฏิกิริยารีเฟลกซ์ หรือปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงาน และยังช่วยควบคุมระดับแรงดันโลหิตให้เป็นปกติ ลดภาวะความเป็นหมันได้อีกด้วย ใบบัวบกยังมีสารไกลโคไซด์ ซึ่งจะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ ที่จะทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายเราเสื่อมเร็ว และสารที่ว่านั้นก็ยังช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้แผลสมานตัวกันเร็วขึ้น สำหรับผู้ที่มีแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ใบบัวบกมีคุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอสูงมาก ช่วยบำรุงสายตาและมีสารแคลเซี่ยมมากเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีวิตามินบี 1 สูงกว่าผักหลาย ๆ ชนิด
      
        ในบทความที่ชื่อ "เต่า-นกพิราบ-สุนัข" ซึ่งพิมพ์เผยยแพร่ในรายงานของนิตยสาร ไทม์ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2476 ได้รายงานประวัติรวมถึงคำตอบเคล็ดลับในการมีอายุยืนของนายลี ชิง ยุน ซึ่งก็คือ "มีจิตใจสงบนิ่ง, นั่งเหมือนกับเต่าหมอบ, เดินเหินปราดเปรียวกระฉับกระเฉงเหมือนนกพิราบ, นอนหลับสนิทเหมือนสุนัข" โดยนาลี ชิง ยุน ได้เคยสอนเรื่อง "ความว่างเปล่า" ในการปฏิบัติตนในพื้นฐานของลัทธิเต๋าอีกด้วยด้วย
      
        แต่ถึงอย่างไรมนุษย์ทุกคนก็ต้องมีอายุขัยของตัวเอง แม้แต่นายลี ชิง ยุน ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากฎเกณฑ์ธรรมชาตินี้ได้ นายลี ชิง ยุน ได้ผ่านโลกมาถึง 256 ปี คงได้ใช้ชีวิตที่หลากหลาย สั่งสมความรู้และประสบการณ์ที่มากมาย ผ่านความอนิจจังและการสูญเสียคนที่ตัวเองรักและเพื่อนฝูงเป็นจำนวนมากรุ่นแล้วรุ่นเล่า ดังนั้นอายุขัยของคนๆหนึ่งจึงไม่สำคัญเท่ากับการตรวจดูตัวเองได้ใช้ชีวิตคุ้มค่ามีประโยชน์ต่อครอบครัว สังคม ประเทศชาติ และมนุษยชาติ ในยามที่มีชีวิตอยู่หรือยัง และมากน้อยเพียงใด?
      
        ก่อนจะเสียชีวิตนายลี ชิน ยุง ดูเหมือนจะรู้วาระสิ้นอายุขัยของตัวเอง และได้พูดกับเพื่อนๆ ว่า:
      
        "ฉันได้ทำทุกอย่างที่ต้องทำในโลกใบนี้แล้ว ตอนนี้ฉันจะกลับบ้านแล้ว"
....................................
เรื่องโดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
ท่านคมสรณ์ - พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย
นำบอกกล่าวเล่าต่อ
๘ ตุลาคม ๒๕๕๕
ชอบท่อนนี้จังครับ  


ดังนั้นอายุขัยของคนๆหนึ่งจึงไม่สำคัญเท่ากับ


การตรวจดูตัวเองได้ใช้ชีวิตคุ้มค่ามีประโยชน์ต่อครอบครัว


สังคม ประเทศชาติ และมนุษยชาติ


ในยามที่มีชีวิตอยู่หรือยัง และมากน้อยเพียงใด?
อายุเยอะเกิน...
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้