ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2314
ตอบกลับ: 5
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เวลาขี้เกียจเข้ามาช่วยงานเรามีวิธีเลี่ยงอย่างไรกันบ้างครับ???

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2015-3-24 21:19

เวลาขี้เกียจเข้ามาช่วยงานหลวงปู่ชื่น และอาจารย์


เรามีวิธีเลี่ยงอย่างไรกันบ้างครับ???




2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-24 21:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
      ขอนำเสนอปัญหาสังคมของคนทำงานที่นับเป็นปัญหาท็อปฮิตมาก ที่สุดปัญหาหนึ่ง คือการมีเพื่อนร่วมงานที่มีพฤติกรรมเป็น





  “เพื่อนเลี่ยงงาน”



ที่สร้างความขมขื่น น่ารำคาญ  ให้กับเพื่อนร่วมงานที่ขยันขันแข็งเป็นอย่างยิ่ง  เพราะคนตั้งใจทำงานจะรู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบ

จากนั้นก็มีคำถามตามมาว่า เรา (คนที่ถูกเอาเปรียบโดยเพื่อนเลี่ยงงาน)  จะจัดการกับปัญหาเรื่องนี้อย่างไรดี


ปัญหาเรื่องเพื่อนเลี่ยงงานนี้  เป็นปัญหาระดับอินเตอร์จริงๆ








วิธีแก้ปัญหาเพื่อนเลี่ยงงานอย่างมืออาชีพ


      1.วิเคราะห์ผลกระทบของปัญหา ผู้เชี่ยวชาญโดยมากไม่แนะนำให้ “จัดการ” กับเพื่อนเลี่ยงงานโดยผลีผลาม ทั้งนี้ คุณต้องวิเคราะห์ก่อนว่าคุณพอจะทนได้ไหม  และเพื่อนเลี่ยงงานคนนี้ได้สร้างปัญหาที่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ผลงาน รวมทั้งผลตอบแทนของคุณหรือไม่  หากเขาเพียงทำให้คุณเบื่อหน่ายเป็นบางเวลา ก็ขอให้เลิกสนใจพฤติกรรมของเขา  ถือเสียว่าธุระไม่ใช่ แต่หากมันมีผลกระทบต่อคุณดังกล่าว  ก็ขอให้อ่านวิธีการแก้ปัญหาในข้อต่อไป

      2.พยายามแก้ปัญหาด้วยตนเองก่อน ผู้เชี่ยวชาญไม่เห็นด้วย  หากคุณจะปรี่เข้าพบหัวหน้างานเพื่อขอความช่วยเหลือ  โดยไม่พยายามแก้ปัญหาด้วยตนเองก่อน  ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า  บรรดาผู้จัดการหรือผู้ที่เป็นหัวหน้างานนั้น  ส่วนใหญ่แล้วต่างคาดหวังว่าพนักงานควรมีความสามารถที่จะแก้ปัญหาต่างๆ  ในที่ทำงานได้ในระดับหนึ่ง ไม่ใช่เอะอะอะไรก็วิ่งหานายเรื่อย นอกจากนี้  ปัญหาเรื่องเพื่อนเลี่ยงงานเป็นปัญหาที่ค่อนข้างจะซับซ้อน  โดยที่ผู้จัดการส่วนหนึ่งมองว่าเป็นปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ร่วมงาน ควรพูดจาตกลงกันเองได้  ดีไม่ดีจะหาว่าคุณมีปัญหาเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้เสียอีกแน่ะ ดังนั้น  ลองแก้ไขปัญหาด้วยตนเองก่อน  โดยอาจเริ่มจากการพยายามพูดคุยปรับความเข้าใจเรื่องความรับผิดชอบงานกับ บุคคลนั้นก่อน และถ้าเขาคนนั้นไม่ได้จงใจเลี่ยงงานแบบเต็มๆ  แต่เป็นเรื่องของความสับสนในหน้าที่ คุณก็อาจเคลียร์กันได้  แต่ถ้าเขาเลี่ยงงานอย่างจงใจก็ต้องใช้วิธีอื่นดังนี้

      
เวลาเจ้านายสั่งงานมาให้ทำ ก็ขอเคลียร์กับเจ้านายก่อนเริ่มงานเลยว่าจะให้คุณและคนอื่นๆ  รับผิดชอบในเรื่องอะไรบ้าง จากนั้นก็ให้ทำบันทึกคำสั่งการปฏิบัติการ  และระบุรายชื่อผู้รับผิดชอบงานส่วนต่างๆ ไว้เป็นหลักฐาน  เวลาทำงานจะได้ไม่ต้องมานั่งถกกัน และเกี่ยงกันว่าใครต้องทำอะไร

      ใช้วิธีบอยคอตเพื่อนเลี่ยงงาน แน่นอนที่บางครั้งคงไม่สามารถกำหนดความรับผิดชอบงานให้เคลียร์กันตั้งแต่ต้นได้ เปิดโอกาสให้คนบางคนทำตัวเป็น “นินจา” คือชะแว้บ! หายตัวไม่มาทำงานได้  หากเป็นอย่างนั้นบ่อยๆ ก็รวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นๆ  ทำการบอยคอตไม่พูดด้วยซะเลย กดดันคนเลี่ยงงานให้สำนึกตัวเสียบ้าง!

      ให้ทำบันทึกทุกครั้งที่เพื่อนเลี่ยงงานหายตัวไม่มาทำงาน เช่น เก็บสถิติการเข้างาน การพักเที่ยง การขาดประชุมของบุคคลคนนั้น  ถ้าสามารถบันทึกภาพเวลาเขาหายตัวจากที่ทำงานไปนั่งร้านกาแฟจีบสาวได้ยิ่งดี  เก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้เตรียมให้เจ้านายดู จะได้จนมุมด้วยหลักฐาน

      
3.การเข้าพบเจ้านายเพื่อรายงานพฤติกรรมของเพื่อนเลี่ยงงาน หากได้ทดลองแก้ปัญหาด้วยตนเองหลายวิธีแล้วยังไม่ได้ผล  ก็คงต้องพึ่งผู้บังคับบัญชา  แต่ก็ต้องวิเคราะห์ดูนิสัยของเจ้านายก่อนว่าเป็นคนมีใจยุติธรรม ไม่ลำเอียง  และกล้าฟันธงหรือไม่ หากเจ้านายคอยให้ท้ายเพื่อนเลี่ยงงานก็แย่หน่อย  หรือถ้าเป็นคนใจดีไม่กล้าดุลูกน้องก็แย่อีกเช่นกัน ดังนั้น  จะเหลือทางเลือกอีกไม่มาก คือ เก็บหลักฐานการเลี่ยงงานทั้งหลายส่งเข้าแผนก  HR ซึ่งก็เสี่ยงกับการถูกเจ้านายกลั่นแกล้ง เพราะไม่พอใจที่คุณข้ามขั้นตอน  แต่ถ้าตรองดูแล้วว่าคุ้มก็ให้เดินหน้าไปเลย  แต่ต้องแน่ใจว่ามีหลักฐานพร้อมจริงๆ หลักฐานนี่แหละจะช่วยให้คุณไปรอด

      
จะเห็นว่ายุทธการปราบเพื่อนเลี่ยงงานนี้ไม่ใช่ของง่าย


แต่เราก็ขอเอาใจช่วยให้คุณเอาชนะคนเอาเปรียบให้ได้นะ

ที่มา : http://www.jobjob.co.th

ไม่เคยเลี่ยงงาน เลยไม่มีวิธีครับ

ไม่ได้พูดเอาใจใคร แต่ไม่คิดเลี่ยง หากไปไม่ได้ก็ด้วยภาระหน้าที่ทางครอบครัว ที่พยายามทำให้สมดุลกันทุกๆ ด้าน
เข้าไปได้ไม่บ่อย แต่ใช้เวลาคุ้มค่าเมื่อยามเข้าไปเสมอครับ
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-24 21:28 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วิธีอู้งาน






1. ชงกาแฟคลาสสิกสุดแล้วสำหรับกิจกรรมที่กินเวลาไปกว่า 10 นาที และวันหนึ่งสามารถทำ (อู้) ได้ถึง 2-3 ครั้ง โดยไม่ดูน่าเกลียด แต่ถ้าระหว่าง นั้นคุณจะหยิบโน้ตและหนีบโทรศัพท์มือถือไว้ติดต่อธุระไปด้วยก็ไม่เลวนะครับ เพราะเฉลี่ยแล้วคุณอาจเสียเวลาเพิ่ม 20 นาที แต่ได้งานเพิ่มขึ้นอีก 1 หรือ 2 ชิ้นเลยทีเดียว

2. อ่านหนังสือ
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หนุ่มๆ และสาวๆ ชอบกันนัก บ้างก็อ้างว่าหาข้อมูลกันไป ซึ่งก็ยากที่จะให้สมาธิหลุดมาจากหน้าข่าวบันเทิง เมื่อแก้ไม่ได้ก็อ่านกันต่อเถอะครับ แต่อีกมือหนึ่งของคุณก็น่าจะเปิดหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารที่เกี่ยวกับงานของคุณควบคู่ไปด้วย วิธีนี้ทำให้คุณอู้งานเพิ่มได้อีก 15-20 นาทีเลยละ






3. เล่น MSNนับว่าเป็นวิธีอู้งานล่าสุดที่ เกิดขึ้นตามเทคโนโลยีกับโปรแกรมสนทนาที่ฮิต ที่สุดในโลก แต่จะใช้ประโยชน์แค่จิ๊จ๊ะกับญ.ก็เสียดายแย่ เอาอย่างนี้สิครับ ระหว่างวันคุณก็แช็ตกับเพื่อนผู้ทรงภูมิหรือบุคคลที่ให้ข้อมูลทางการงานแก่คุณได้ไว้สัก 2-3 คนไปด้วย ทำให้เป็นนิสัย และคุณจะได้งานเพิ่มขึ้นอีกโดยไม่รู้ตัว


4. ดูทีวีบางสำนักงานก็จำเป็นต้องมีโทรทัศน์ไว้กลางห้องเพื่อติดตามข่าวสาร แต่ถ้าสายตาของคุณไปอยู่แต่ภาพนักร้องในเอ็มทีวีอย่างเดียวก็คงจะแย่ ทางแก้ที่ช่วยให้ได้งาน ก็คือตาเหลือบดูได้ครับ แต่ไม่ต้องเปิดเสียง หูจะได้ไม่ถูกรบกวนสมาธิ วิธีนี้นักข่าวที่ต้องใช้โสตประสาทรับข่าวสารมากมายนั้นชอบใช้กันนัก


5. ลงไปกินของว่างเป็นข้ออ้าง อู้งานที่กินเวลาเยอะที่สุดแล้ว เพราะบางครั้งเรื่องปากท้องก็จำเป็นเช่นกัน แต่ถ้าคุณจะหยิบเอกสารงานของคุณลงไป ด้วย ก็จะช่วยให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้ลงตัวเปล่า และด้วยวิญญาณมนุษย์งาน คุณก็จะอดไม่ได้ที่จะหยิบมันออกมาอ่าน หรือขอความเห็นจากเพื่อนที่ลงมาด้วยกัน จนกลายเป็นความเคยชินไป


6. โทรศัพท์หาแฟนจะเรียกว่า อู้ก็ดูโหดร้ายไปสำหรับเรื่องหัวใจและจะให้ชวนแฟนคุยเรื่องงานก็พานจะเสียมู้ดกันไปอีก วิธีที่คนส่วนใหญ่น่าจะใช้กันก็คือคุยที่โต๊ะทำงานโดยมือก็จับโน่นคลิกนี่ไปด้วย แต่ถ้าคุณกลัวเพื่อนร่วมงานจะอิจฉา (หมั่นไส้) ในความสวีท คุณก็ลองออกมาข้างนอก พร้อมสมุดโน้ตงานด้วยสิ


7. เดินไปเมาท์กับคนอื่นวิธีนี้หนุ่มๆ สาวๆ กันบ่อย แต่เมื่อทำกันเนิ่นนานและไม่มีทีท่าจะจบ หากคิดอีกทีคุณก็พลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้ โดยที่กำหนดตัวเองไว้ว่าการลุกจากโต๊ะออกไปจ้อแต่ละครั้ง จะต้องได้ข้อมูลงาน 1 ชิ้นกลับมา ใครช่างเมาท์ขยันลุกก็ไม่เสียงานครับ


8. นั่งพักอันที่จริงวิธีนี้น่าจะเป็นการอู้งานที่ดีที่สุด แม้จะดูขี้เกียจอยู่ก็ตาม แต่ถ้าคุณจะใช้โอกาสที่ร่างกายพักผ่อนนี้ทำสมาธิไปด้วยก็จะดีกว่าที่คุณจะฟื้นขึ้นมาทำหน้างงๆ ใส่จอคอมพิวเตอร์ และเสียเวลาอีกหลายนาทีกว่าเครื่องจะร้อน หากลองหลับตาทำสมาธิแล้ว หัวคุณจะวิ่งฉิวทันทีแถมยังได้พักสายตาอีกด้วย



http://www.bloggang.com

ถ้าเป็นที่ทำงานอาจมีพักบ้างโดยการเดินตรวจน้องๆ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กๆ ไปในตัว อู้แบบคุ้มๆ
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-24 21:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-3-24 21:40
ถ้าเป็นที่ทำงานอาจมีพักบ้างโดยการเดินตรวจน้องๆ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กๆ ไปในตัว อู้แบบคุ้มๆ

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้