ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5803
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ที่แสดงมหาสติปัฏฐานสูตร กุรุรัฐ ณ นครเดลี ปัจจุบัน

[คัดลอกลิงก์]


      พุทธสถานกัมมาสธัมมะนิคมแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตไกรลาศตะวันออก กรุงนิวเดลี (Greater Kailas) เป็นสถานที่ซึ่งปรากฏหลักฐานว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จฯ มา เพื่อทรงแสดงธรรมมหาสติปัฏฐานสูตร ในนครอินทรปัตถ์ให้แก่ชาวกุรุ ณ เมืองที่เรียกว่า “กัมมาสธัมมะนิคม” ตรงจุดที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมเทศนา ปัจจุบันเป็นกองหินสีแดงขนาดย่อม และมีแผ่นหินก้อนหนึ่งบริเวณยอกกองหินซึ่งมีข้อความจารึกด้วยอักษรพรหมมี(พรม-มี) เชื่อกันว่าพระเจ้าอโศกเป็นผู้จารึกไว้เพื่อแสดงเป็นหลักฐานให้ทราบว่าเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดง พระสูตรดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นพระสูตรที่สูงสุดในพระพุทธศาสนา ว่าด้วยการเจริญกายานุปัสสนา เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา และธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานอันเป็นการเจริญภาวนาที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้อย่างถูกทาง
ทั้งนี้ กัมมาสธัมมะนิคมเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในเดลีที่พุทธศาสนิกชนแวะไปสักการะ โดยเฉพาะนักปฏิบัติวิปัสสนา อันมีมหาสติปัฏฐานเป็นข้อปฏิบัติ   กัมมาสธัมมะนิคม ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกองโบราณคดี กระทรวงวัฒนธรรมอินเดีย ซึ่งได้ประกาศไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นอนุสรณ์สถานที่มีความสำคัญในระดับชาติ ปัจจุบัน กองโบราณคดีได้สร้างรั้วเหล็กล้อมรอบกองหินไว้เพื่อเป็นการอนุรักษ์เป็นอย่างดี

วันที่ 29 เมษายน 2551 ได้เวลาที่จะไปสำรวจสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาแห่งหนึ่งในกรุงเดลี ที่กล่าวได้ว่าสำคัญแต่ถูกลืม...ความสำคัญไปอย่างน่าเสียดาย (ความเห็นส่วนตัว)
สถานที่ว่านี้ แม้จะมีทัวร์ผู้แสวงบุญชาวไทยมาแวะชมแต่ก็เหมือนไม่ได้รับความสำคัญมากนัก
นั่นคือสถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงเทศนาเรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 ให้แก่ชาวกุรุ ณ เมืองที่เรียกว่า "กัมมาสทัมมะนิคม"
ปัจจุบันคือเขตไกรลาศในนครเดลี หรือชื่อเดิมอินทปัตถ์ เมืองหลวงของแคว้นกุรุในสมัยพุทธกาลนั่นเอง
ตรงที่ระบุว่าเป็นที่แสดงมหาสติปัฏฐาน 4 นั้นเป็นเนินกองหินขนาดย่อม มีรั้วล้อมรอบเป็นสัดส่วนเหมือนสวนสาธารณะซึ่งทางการเดลีจัดให้เป็นโบราณสถานแห่งหนึ่ง
ตรงที่สำคัญที่สุดคือยอดเนินเขาที่เต็มไปด้วยหินสีแดง ตรงกลางยอดเนินมีหินก้อนหนึ่งขนาดประมาณ 1 เมตรครึ่งได้ พื้นผิวเรียบ มีรอยจารึกอักษรพราหมีซึ่งกล่าวกันว่าพระเจ้าอโศกให้จารึกไว้เพื่อบอกว่าสถานที่นี้พระพุทธเจ้าเสด็จมาแสดงมหาสติปัฏฐาน 4
ไม่มีหลักฐานอื่น นอกจากรอยจารึกนี้ ซึ่งดูเลือนรางพอสมควร ดูด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็นถ้าไม่มีน้ำมารดเพื่อให้เกิดแสงเงา
ในความสำคัญที่สำคัญยิ่งนี้ ในความเห็นของผมเห็นจึงกลายเป็นว่าไม่ได้รับความสำคัญนักเพราะไม่มีการจัดการ มีเพียงการสร้างศาลากรงเหล็กครอบก้อนหินนี้ถึง 2 ชั้น
โบราณสถานนี้ดูเหมือนกำลังปรับปรุง ก้อนหินส่วนหนึ่งถูกกระเทาะมากองไว้ ไม่มีข้อมูลเสริมไว้บริการไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล นอกจากคนเฝ้าและเด็กชาวบ้านแถวนั้นวิ่งเล่นไปมานับสิบคน
จากยอดเนินกองหิน สามารถมองเห็นวัดฮินดู วัดพุทธ และวัดดอกบัวของศาสนาบาไฮอยู่ลิบๆ
การตามรอยพระบาท ณ สถานที่แห่งนี้จึงต้องใช้ความรู้สึกและจินตนาการส่วนตัวค่อนข้างมาก.......
ความเป็นมาของสถานที่นี้ ผมคงจะไม่ลงในรายละเอียดเพราะสามารถหาได้ในอินเตอร์เน็ตพอสมควร
สรุปก็คือ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่พระพุทธองค์เสด็จมาโปรด ด้วยทรงเห็นว่าชาวเมืองกุรุมีสติปัญญาพอที่จะเข้าถึงธรรมระดับสูงคือมหาสติปัฏฐาน จึงได้ทรงแสดงธรรมนี้แก่ชาวเมืองและหลังจากนั้นในสมัยพระเจ้าอโศกก็ได้ทรงจารึกไว้เป็นหลักฐานถึงเหตุการณ์นี้
ผมยังไม่สรุปอะไรมากกว่านี้ เอาเป็นว่าไปดูมาแล้ว เห็นแล้ว ตามหลักฐานชิ้นเดียวที่มีอยู่คือก้อนหินที่มีอยู่
คงจะต้องค้นคว้าและศึกษาต่อไปเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้ดังที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆ แม้แต่คำสอนของพระองค์เองก็อย่าเพิ่งเชื่อโดยไม่พิจารณา
อย่างไรก็ดี คณะสำรวจของเราที่ไปวันนั้นอันมีพระมหาอ้าย ธีรปุญโญ พระมหาประภากร นนทกโรและ จนท.อีก  3 ท่าน ก็ได้ตั้งจิตสักการะ และอธิษฐาน ขอบารมี รวมทั้งหากมีโอกาสก็จะสนับสุนนให้มีการเห็นความสำคัญของสถานที่นี้ต่อไป
สำหรับผมแล้ว (และอีกหลายๆคน) ปรารถนาที่จะเห็นวัดไทยเกิดขึ้นในเดลี ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มี ทั้งที่เดลีในอดีตนั้นเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางพุทธศาสนาแห่งหนึ่ง
ก็ขอให้สิ่งที่ดีงามจงบังเกิด เพื่อที่พระพุทธศาสนาจะกลับมาสถิตย์อย่างมั่นคงในอินเดียอีกครั้งหนึ่ง
..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/179864
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้