ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3729
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ถวายอาหารจำพวกผักและผลไม้ ถวายพระ

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ธี เมื่อ 2015-2-2 10:02

ชาวพุทธหลายคนคุ้นเคยกับการนำอาหารไปวัดเพื่อถวายพระ แต่อาหารที่นำไปถวายกลับทำให้พระบวชใหม่ไม่ระวังหรือไม่รู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติผิดศีล 1 ใน 227 ข้อ ได้โดยไม่รู้ตัวเพราะกินแบบที่เคยกินตามพฤติกรรมที่เป็นฆราวาส

คนโบราณผู้ที่รู้เกี่ยวศีลข้อปฎิบัติของการรักษาศีล ท่านมีวิธีในการจัดอาหารไปถวายเพื่อไม่ให้พระผิดศีล ผมได้รับการบอกจากผู้ชราที่คุ้นเคยเกี่ยวกับอาหารที่นำถวายพระ โดยเราต้องจัดอาหารให้ถูกต้อง ดังนี้
1. พวกผักที่สามารถงอกได้ตามข้อ เช่น ผักบุ้ง ต้องนำไปลวกด้วยน้ำร้อนให้มันตายไม่สามารถงอกได้ก่อนนำถวายพระ เพราะถ้าท่านฉันไปจะทำให้เป็นอาบัติได้
2. จำพวกผลไม้ที่มีเมล็ดในที่มีขนาดเล็ก เช่น แตงโม จะต้องนำเมล็ดออกก่อนนำถวายพระ เพราะถ้าพระฉันกัดถูกเมล็ดแตกไม่สามารถงอกได้เป็นอาบัติ
3. ผลไม้ที่มีเนื้อติดกับเมล็ด เช่น เงาะ ต้องปอกเอาเมล็ดออกก่อน พราะถ้าพระฉันกัดถูกเมล็ดแตกไม่สามารถงอกได้เป็นอาบัติ
4. พวกน้ำปานะ บางคนนำผลมะนาวถวายเพื่อให้พระทำน้ำปานะหรือผสมยาเพื่อฉันแก้โรค เช่น ไอ เจ็บคอ โดยไม่รู้ว่าถ้าพระให้มีดตัดลูกมะนาว มีดถูกเมล็ดมะนาวขาด พระ(แม้ไม่รู้) ก็เป็นอาบัติ
ดังนั้นอาหารจำพวกผัก ผลไม้ ผู้ที่นำถวายจะต้องจัดทำให้เรียบร้อยก่อนถวาย ไม่ใช้แค่ถวายอาหารำแล้วได้บุญ แต่กลับเป็นโทษต่อพระได้โดยเฉพาะพระใหม่ครับ
เฮ่ย ขนาดนั้นเลย เพิ่งรู้นะครับเนี่ย ขอบคุณมากๆ ครับ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย wind เมื่อ 2015-2-1 22:07

พระวัดป่าที่เครงพระวินัยเวลาถวายพวกน้ำพริกผักสด ท่านให้ทำกัปปิยะก่อน. ด้วยพระวินัยห้ามพระพรากของเขียว
  การถวายทานด้วยเครื่องบริโภคที่ถูกต้องตามพระวินัย

วิธีการทำกัปปิยะ คือ นำผัก/ผลไม้ ที่ต้องทำกัปปิยะมาวาง
ตรงหน้าพระ แล้วท่านจะถามว่า “กัปปิยัง กโรหิ” แปลว่า
“ทำให้สมควรแล้วหรือ” โยม/เณร จะใช้เล็บหรือมีดเด็ด
หรือตัดพืชนั้นเพียง ๑ ต้นหรือ ๑ ผล ให้ขาดออกจากกัน
พร้อมกับพูดว่า “กัปปิยัง ภันเต” แปลว่า “ทำให้สมควรแล้ว”
การทำกัปปิยะกับพืช/ผลไม้ เพียงต้น/ลูกเดียว จะมีผลให้
พระฉันพืชหรือผลนั้นได้ทั้งจานหรือทั้งถาด
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-2-2 09:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สงสัยครับ???? การที่พระรู้ข้อวินัยข้อนี้แต่ใช้วิธีทำกัปปิยะ ถ้าขบเคี่ยวผลไม้อื่นที่ยังงอกได้ จนแตกหัก ไม่สามารถงอกได้ พระที่ฉันผลไม้จะบอกว่าไม่ผิดไม่มีเจตนา ก็เหมือนคนที่รู้กฎหมาย ปฏิเสธการกระทำผิดว่าไม่มีเจตนา คล้ายข่าวหลวงพ่อเกษมบอกว่าไม่มีเจตนาเสพเมถุน ผมว่าบ้างครั้งต้องเอาข้อเท็จจริงมาจับข้ออาบัติด้วย ปฏิเสธอะไรได้ แต่ปฏิเสธจิตใจไม่ได้(มโนทุจริต) ถ้าอ่านเรื่องศีลของพระสังฆราช ท่านบอกว่า ศีลมีศีลสมบูรณ์ ศีลเป็นช่อง(ขาดเจตนา) ศีลขาด(รู้ว่าผิดก็ทำ) .....พิจารณาครับ....
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้