บรมครูเจิง ผู้มีชื่อเสียง
การเรียนเจิงในอดีตนั้น ผู้ที่จะเรียนต้องผ่านขั้นตอนการทดสอบจากครูผู้สอนเสียก่อนจึงจะเรียนเชิง กับครูนั้นๆได้ เช่น ให้นำไก่มาคนละตัว แล้วเอามีดเชือดคอไก่ หากไก่ของใครตายในวงกลมที่ขีดไว้ก็จะได้เรียน แต่หากไก่ของใครไปตายนอกเส้นที่ขีดไว้ ครูก็จะไม่สอนให้เพราะถือว่าผีครูไม่อนุญาต หรือครูบางคนอาจจะมอบดาบให้คนละเล่มแล้วพาเดินฝ่าดงหญ้า ครูก็จะคอยสังเกตดูอุปนิสัยของแต่ละคน แล้วนำมาพิจารณาว่าควรจะสอนวิชาให้หรือไม่
(เจ้านางเคยได้ยินมาทำนองเดียวกันกับการเรียน "ตู้" หรือการเรียนไสยศาสตร์ทำของ
ผู้สมัครเรียนจะต้องลากทางมะพร้าวขึ้น-ลงดอย เพื่อพิสูจน์ความอดทน)
ก่อนจะเรียนเชิง จะต้องทำพิธีตั้งขันครูโดยมีเครื่องประกอบในขันครูแตกต่างกันไปในแต่ละครู เมื่อตั้งขันครูแล้วจึงเริ่มเรียนได้ การเริ่มต้นเรียนเชิงนั้นมักจะเริ่มโดยการฝึกย่ำขุมซึ่งมีตั้งแต่ขุม ๓ ไปจนถึงขุม ๓๒ การ ฝึกย่ำขุมก็คือการฝึกแผนผังการเดินเท้าให้คล่องแคล่ว สามารถใช้งานในการต่อสู้ป้องกันตัวทั้งรุกและรับได้อย่างฉับไว จากนั้นจึงจะสอนลีลาของมือให้้
แม่ท่าการฟ้อนหรือที่เรียกว่าแม่ลายฟ้อนนั้น สามารถแบ่งออกได้ ๒ ประเภท คือ
๑. ชื่อแม่ลายฟ้อนแต่ละท่า ไม่เกี่ยวเนื่องกัน สามารถนำแม่ลายใดมาฟ้อนก่อนหลังก็ได้ แม่ลายฟ้อนกลุ่มนี้เช่น บิดบัวบาน เกี้ยวเกล้า ล้วงใต้เท้ายกแหลก มัดแกบก้องลงวาง เสือลากหางเหล้นรอก เป็นต้น
๒. แม่ลายฟ้อนที่บันทึกไว้เป็นท่าต่อเนื่องกันไป เช่น สางฟ้อน หยุด ลางซ้าย ยกตีนซ้ายเข้าจิ ....เป็นต้น
เมื่อ เรียนการฟ้อนเชิงมือเปล่าได้คล่องแคล่วแล้ว พ่อครูที่สอนก็อาจจะสอนเชิงอื่นๆ ต่อไป เช่น เชิงดาบ เชิงไม้ค้อน เชิงหอก เมื่อเห็นว่าศิษย์เรียนรู้วิชาจนใช้งานได้แล้ว ก็จะสอนแม่ป็อดให้โดยครูจะพิจารณาดูว่าศิษย์คนใดมีอุปนิสัยเช่นไรก็จะสอนแม่ป็อดให้ต่างกันไป โดยถือคติว่าจะไม่ถ่ายทอดให้ศิษย์จนหมด
เมื่อศิษย์ร่ำเรียนจนจบแล้ว ก็จะทำพิธีปลดขันครู โดยครูจะแบ่งขันครูให้ลูกศิษย์แต่ละคนไปดูแลเมื่อถึงปีใหม่หรือช่วงสงกรานต์ของทุกปี ก็จะจัดขันครูใหม่ทั้งหมดเพื่อทำพิธีไหว้ครูและเลี้ยงผีครู
พ่อครูปวน คำมาแดง
เป็นสล่าเจิง(เชิง) ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งในล้านนา พ่อครูปวน คำมาแดง เป็นปู่ครูที่ถ่ายทอดเจิงที่มีลีลางดงาม
และดุดันให้กับลูกศิษย์หลายต่อหลายคน ซึ่งล้วนแต่เป็นครูเจิงที่สร้างลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วน
ตลอดชีวิตของพ่อครูปวนไม่เคยต่อสู้แพ้ใครเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๐ เมื่ออายุได้ ๘๐ ปี ท่านได้ขึ้นชกมวยในงานวัด คู่ต่อสู้เป็นหนุ่มฉกรรจ์อายุประมาณยี่สิบปีเศษ การชกในครั้งนั้นพ่อครูปวนเป็นฝ่ายแพ้ จึงทำให้ท่านตรอมใจตาย ซึ่งเป็นการแพ้ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตของพ่อครูเจิงท่านนี้