ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
๛ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ๛
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 3210
ตอบกลับ: 1
๛ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ๛
[คัดลอกลิงก์]
morntanti
morntanti
ออฟไลน์
เครดิต
10113
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-12-8 07:15
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
รื่องเล่าชาวสยาม
4 ธันวาคม
๛ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ๛
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ตาไขวัดเจดีย์ เป็นรูปไม้แกะสลักเป็นรูปเด็กอายุประมาณ 9 – 10 ขวบ สวมชุดลายพรางทหารสวมแว่นตาดำ ซึ่งมาจากสิ่งของที่ชาวบ้านที่นับถือศรัทธานำมาถวายแก้บน สังเกตบริเวณปากทางเข้าวัดจะมีรูปปั้นไก่ชนจำนนวนมากวางอยู่บริเวณใกล้กับปากทางเข้าวัดและใกล้ๆกันมีร่องรอยการจุดประทัด เศษชิ้นส่วนของประทัดกองอยู่เป็นเนินสูงและมีผู้คนเข้าออกมาไหว้พระและต่อด้วยไหว้แก้บนกับรูปแกะสลักไอ้ไข่ จุดประทัดกันอยู่เนื่องๆ นั้นคงแสดงถึงเหตุผล หรือความเชื่ออะไรบ้างอย่าง ?
นาย เรียม ผิวล้วน ชาวบ้านอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับวัดเล่าให้ฟังว่า วัดเจดีย์เมื่อก่อนเป็นวัดที่รกร้างมาประมาณ 1,000 ปี แล้ว ได้บูรณะใหม่เมื่อปี่ พ.ศ. 2500 ซึ่งที่ ที่กำลังก่อสร้างอุโบสถอยู่นั้นเมื่อก่อนเป็นเจดีย์รกร้างชาวบ้านไม่กล้าเข้าไป
ส่วนประวัติของ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ หรือ ตาไข่วัดเจดีย์ ทำไมถึงเรียกเชื่อแตกต่างกัน? ได้รับคำตอบว่าเมื่อพิจารณาอายุของไอ้ไข่แล้วอายุหลายปีแล้ว ชาวบ้านเชื่อว่าคงไม่เหมาะสมที่ลูกหลาน เด็กรุ่นใหม่จะเรียก “ไอ้ไข่” สมควรเรียก “ตาไข่” ซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่า
มีการเล่าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนว่า สถานที่ตั้งวัดเจดีย์ปัจจุบันนั้นเมื่อก่อนได้มี หลวงปู่ทวดซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ดังสายปักษ์ใต้ได้มาปักกรด เดินธุดงค์ อยู่บริเวณนั้น ส่วนไอ้ไข่ นั้นเชื่อว่าเป็นวิญญาณเด็กอายุประมาณ 9 – 10 ขวบเป็นลูกศิษย์ซึ่งติดตามหลวงปู่ทวด เมื่อหลวงปู่ทวดมาถึงสถานที่ดังกล่าวกลับพบว่ามีทรัพย์สมบัติ และ ศาสนสถานที่สำคัญเป็นจำนวนมากซึ่งได้ให้ ไอ้ไข่ สิงสถิตเฝ้าทรัพย์สมบัติดังกล่าว ณ ที่นั้น และหมู่บ้านนั้นภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “หมู่บ้านโพธิ์เสด็จ” จวบเท่าปัจจุบัน
หลังจากปี พ.ศ. 2500 ผู้ใดที่เข้ามานอนพักข้างแรมภายในบริเวณวัดเจดีย์ถ้าไม่เอ่ยชื่อ หรือบอกล่าว หรือขอขมาต่อไอ้ไข่แล้ว จะนอนไม่ได้ มีการก่อกวนทั้งคืนเช่น เมื่อทำท่าจะหลับจะมีเด็กเอามือมาตีศรีษะบ้าง ดึงขา ดึงแขนบ้าง ก่อกวน ตามประสาแบบเด็กๆทั้งคืน
เมื่อปี พ.ศ. 2526 พ่อท่านเทิ่ม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์ในขณะนั้นได้จัดสร้างเหรียญบูชาไอ้ไข่ เป็นรุ่นแรก พร้อมกับพัฒนาวัดเรื่อยมาแต่ในพื้นที่ขณะนั้นยังเป็น “พื้นที่สีชมพู” คือยังมีความเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ทางราชการจึงส่งทหารพรานประมาณหนึ่งกองร้อยมาตั้งฐานปฏิบัติการชั่วคราวที่วัดเจดีย์ ซึ่งก็ปรากฏการณ์เช่นเดียวกันคือ เมื่อทหารกำลังหลับรู้สึกว่ามีเด็กมาดึงขาบ้าง ดึงแขนบ้าง เอาปืนตีศรีษะบ้าง ผลักปืนให้ล้มบ้าง จนไม่ได้นอนทั้งคืน เมื่อรุ่งเช้าทหารพรานชุดดังกล่าวจึงได้ไปสอบถามชาวบ้านบริเวณใกล้ๆกับวัดเจดีย์พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ดังกล่าวให้ฟังชาวบ้านฟัง ชาวบ้านละแวกนั้นรู้เรื่องราว และเกียติศักดิ์ของไอ้ไข่เป็นอย่างดีจึงได้บอกวิธีการแก้ไข คือ ก่อนกินข้าวหุงเตรียมอาหารต้องเอ่ยถึง ไอ้ไข่ซึ่งสถิตอยู่ ณ ที่นั้นด้วย หลังจากเมื่อทหารพรานชุดดังกล่าวได้ทำตามที่ชาวบ้านแนะนำแล้วคืนต่อมาก็ นอนหลับพักผ่อนกันอย่างสบายเนื้อ และสบายใจ ปราศจากการรบกวนของเด็ก
ซึ่งลุงเรียม ยังกล่าวเน้นคำว่า สัตย์จะ เป็นเรื่องสำคัญมากเท่าที่ประสบและเจอมาเมื่อบ่นบานศาลกล่าวอะไร ก็ต้องนำสิ่งของนั้นมาแก้บนด้วย แล้วลุงก็ตอบอย่างมั่นใจว่า “ขอให้ไหว้รับอย่างแน่นอน”
ภายในจิตคิดว่า นักการเมืองคงไม่กล้ามาบ่นบานศาลกล่าว เกี่ยวกับนโยบาย และ ทิศทางการพัฒนาประเทศ ณ วัดเจดีย์แห่งนี้อย่างแน่นอน เพราะ “สัตย์จะ” ในหมู่ท่านทั้งหลายเป็นที่ทราบกันโดยทั่วกัน ฮา….
///ประสบการณ์
เรื่องที่1
อาจารย์สอนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ท่านมีผ้ายันต์ตาไข่ สีแดงของที่เข้าพิธีปีนี้ใส่ในกระเป๋า ตอนสอน นศ. และได้มี นศ. คนใต้คนนึ่งได้โขมยไปในตอนที่ อาจารย์เผลอได้ข่าวว่า นศ. คนนี่เล่นของเหมือนกัน และลูกค้าได้มาปรึกษาผม ผมบอกว่าเดี๋ยวลองไปอ่านเรื่องราวตาไข่ไม้ตะเคียนที่ผมลงให้จบ เดี๋ยวคุณก็ทราบว่าตาไข่ท่านสุดยอดที่สุดในกุมารเทพแล้ว และแล้วเมื่อเช้าและผมบอกว่าผ้ายันต์แท้ เดี๋ยวก็ได้กลับมา มันเอาไปได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวมันเจอดีแล้วจริงๆครับ มันก็เอามาคืนโดยไม่ทราบสาเหตุ
เรื่องที่ 2
::ตาไข่ไม้ตะเคียน ไม้จากเสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช (ของขุนพันธ์) ::
-กุมารไอ้ไข่ สร้างจากไม้ตะเคียนนี้ผมไม่มีปัญญาเช่าหรอกนะครับ เพราะถึงมีเงินไปวัดก็ใช่ว่าจะเช่าได้ ต้องเป็นคนในเท่านั้นที่จะเช่าได้โดยไม้ตะเคียนที่นำมาแกะตาไข่นี้เป็นไม้ที่ได้มาจาก"เสาหลักเมืองนครศรีฯ"เมื่อปีพ.ศ.2530
โดยมีท่าน พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช(ขุนพันธ์) ท่านได้เสกลงคาถาอย่างเต็มเปี่ยมลงในไม้ต้นนี้และไม้ที่ทำก็ได้มีลูกศิษย์เก็บใว้เพื่อนำมาแกะเป็น ตาไข่ในปี พ.ศ.2556 เพื่อหาปัจจัยทำบุญสร้างกุฏิตาไข่และเสนาสถานทั้ววัดเจดีย์นี้โดยผู้ที่ร่วมทอดกระถินกลองละ 3 หมื่นบาทเท่านั้นถึงจะได้ตาไข่ไม้แกะนี้ไปครับ
- ไม้ตะเคียนชิ้นนี้มีความสักศิษย์ถึงกระทั่งผู้ทรงศีลที่มีของมีครูในพื้นที่ซึ่งเป็นศิษย์พ่อขุนพันธ์ถึงกับหงายหลังเมื่อได้จับไม้ตะเคียนชิ้นนี้ เพราะแรงสุดๆจนต้องนำสายศิลมาผูกที่ข้อแขนกันของเข้าตัวเองถึงยังไงก็ยังเอาไม่อยู่ครับพอท่านเรียกของของนั้นกลับมีพลังแรงเหนือคะนานับ
-หลังจากนั้นก็ได้ขออนุญาติบวงสรวงให้ได้มีการสร้างในปีนี้เช่นกัน2556
"ช่างไม้คนแรก"
หลังจากนั้นก็ได้มีคนนำไปแกะซึ่งช่างคนแรกฝีมือดี แต่เมื่อลงมือแกะ ก็มีอาการปวดหัวอย่างมากลูกเมียไม่สบายทั้งบ้าน พอลงมือทีไรก็ปวดหัวแทบแตก รุ่นเช้าช่างคนแรกเลยส่งไม้คืนและเชื่อกันว่าตาไข่ไม่ยอมให้ช่างคนนี้แกะ เพราะอาจจะสกปรก เช่น ติดตาหรือทำตัวไม่ดีมีใจสกปรก เมื่อนำไม้มาคืน ก็หายป่วยทั้งบ้านเลยครับ
"ช่างไม้คนที่2"
เมื่อช่างคนที่สองแกะเป็นเด็กหนุ่มก็แกะได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ เพราะเหมือนท่านจะอนุญาติแล้วครับ
หลังจากเสร็จเรียบร้อยทางผู้สร้างซึ่งเป็นศิษย์เชื่อสายพ่อขุนพันธ์ ท่านได้กล่าวว่า ตาไข่ท่านพาเทพมาเยอะมาอยู่ในไม้ในวัตถุมงคลต่างๆมากเพราะฉนั้นมงคลเต็มๆเหรียญเต็มไม้และเต็มองค์แน่นอนครับ
ก่อนหน้าที่ผมจะเจอรุ่นนี้โดยบังเอินผมฝันเห็นพ่อขุนพันธ์ สับไม้ถ่อน แต่เป็นไม้เสาบ้านนะครับแล้วไล้เราออกไปอย่างดุดัน แล้วเราก็ออกไปเจอวัวกระทิง มาวิ่งไล่ขวิดลูกชายผมลูกผมหลบทัน แล้วมาขวิดผม ผมก็พูดดีๆ วัวนั้นก็สงบลงทันดีและพ่อขุนพันธ์ท่านก็เรียกมาหาแล้วดูท่านเลื่อยไม้ต่อครับ และเจอผ้ายันต์แดงๆมีเลขด้วย แต่จำไม่ได่จริงๆ
แล้วพอช่วงบ่ายของวันนี้ วันที่ 3พค 56 ผมได้มารับรูปหล่อเนื้อเงินตาไข่วัดเจดีย์ ที่ผมได้ขอเช่ามาจากคนที่เขาจองมาจากวัด 1 องค์ผมก็เจอคนที่เขาเอา ตาไข่ ไม้ตะเคียนมาเลี่ยมกรอบ ผมเลยขอเขาดูและขอถ่ายรูปมาให้ท่านใด้ชมกันเป็นบุญตาครับ
เรื่องที่ 3
วันที่ 16เมษายน 56 เจอกับตัวคือ ขับรถไป กับเพื่อน เพื่อนที่เคยบูชาและยังขาดความเชื่อเรื่องกุมารเลยแต่พอมาก็เช่าเหรียญไป1เหรียญเล็กๆ กลับบ้านไป ถูกล๊อตตารี้2ตัว เฉยเลยทั้งๆที่ ตอนซื้อเก็บใว้ที่บ้านแน่ใจมากว่าไม่ใช่เลย 86 แต่เมื่อกลับไปที่บ้านก็ออก 86จริง(วันที่ไปวัดเป็นวันที่ 16 พอดี แต่กลับมาดุเลขในตอนเย็น)ออก 86 ส่วนผมเลขรถ 46 รางวัลที่1ก็ 846 (16 เมษา 56) แต่ผมไม่ซื้อเลยอด
เรื่องที่ 4
คือเมื่อที่ผมได้บูชาตาไข่วัดเจดีย์ ปี 56 องค์บูชา 16 นิ้ว มาใว้ในบ้านก็ลองบนดุว่าหากมีเงินเข้าจากการขายของก่อน 10 โมง(เพราะปกติจะเข้าตอนบ่าย)และก็เข้าจริงๆครับ 10 โมงแป๊ะ ผมก็แก้บนด้วยผ้าสามสีทำเป็นกางเกงห่ออวัยวะเพศให้ทันที และในคืนนั้นนี้เอง
ผมได้ฝันเห็นท่านมาเป็นรูปหล่อแบบที่ผมเช่ามาแล้วท่านยืนอยู่หน้าชายหาด มีผ้าสามสีที่ติดอยู่ด้วย แล้วประนมมืออยู่ ท่านบอกว่าเดี๋ยวจะเรื่องลม ฝน คลื่นยักมานะ แล้วก็มาอย่างโหมกระหน่ำ เริ่มจากฝัน ลมและมาคลื่นมาหนักมาก แล้วท่านบอกว่า ลงไปเลยลูก มึงจะไม่ตายหรอกเอาเหรียญกูไปให้มัน ทันใดนั้นผมก็มองลงไปในทะเลแล้วเจอเพื่อนผมที่กำลังจะเป็นครูในสามจังหวัด กำลังพายเรื่ออยู่ ผมบอกตาไข่ว่าไม่กล้าลง แล้วผมก็ตื่น แล้วผมก็รีบนำเหรียญรุ่นรับทรัพย์ปี 56 นี้ไปให้เพื่อนบูชา จากที่เขากลัวผีมาก แต่คราวนี้เขารับเฉยเลยอย่างมั่นใจแบบว่าพร้อมจะบูชาอย่างสนิดใจแล้วเพื่อนผมบอกว่าตั่งแต่มีตาไข่ ก้รู้สึกนอนหลับสบายมากสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เรื่องที่5
ผมได้มอบเหรียญตาไข่ถวายให้พระอาจารย์ท่านนึง แล้วท่านก็บอกกับเหรียญเม็ดแตงตาไข่ว่า อยากได้มาบูชาอีก แล้วก็มีคนมาถวายอีกจริงๆครับ
//การบูชา//
ทูป3ดอก บูชา บนได้ไหว้รับ แต่เมื่อสำเร็จให้แก้บนด้วยของที่นำมาบนและจุดทูปเพียง1ดอกเท่านั้น
//ของที่ชอบ//
ขนมเปี๊ย
น้ำแดง
ชุดทหาร ตำรวจ
ไก่ปูนปั่น
หนังสติ๊ก
ปะทัด
หมายเหตุ//วัตถุมงคลตาไข่วัดเจดีย์ สร้าง10ปีเพียง1ครั้งเท่านั้นเนื่องจากมีการประทับทรงเมื่อปี 2525 ท่านบอกว่าถ้าสร้างบ่อยของจะเสื่อมและเป็นพุทธภานิชจนเกินไป มีการจัดสร้างปีแรกในปี 2526 2535 2546 และล่าสุด 2556 นี้ครับ วัตถุมงคลทุกชิ้นขลังแน่นอน
แนะนำเรื่องเล่าโดยคุณ >>>>>> R'peaw Nonburi
เรื่องเล่าชาวสยาม
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
ธี
ธี
ออฟไลน์
เครดิต
2786
2
#
โพสต์ 2014-12-12 11:04
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...