ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1891
ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ธัมมจักกัปปวัตนสูตร

[คัดลอกลิงก์]
ธัมมจักกัปปวัตนสูตร หมายถึงพระสูตรที่หมุนวงล้อแห่งธรรมให้เคลื่อนไป  เป็นพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกของพระพุทธเจ้า  ซึ่งทรงแสดงแก่ปัจจวคีย์ทั้ง ๕ พร้อมทั้งเทวดาและพรหมที่ตามไปฟังธรรมด้วยเป็นอันมาก ณ ป่ามฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสีนั้น






              ด้วยพระสูตรนี้ เป็นพระสูตรบทแรกจึงมีอานิสงค์ในการสวดมาก  ตามคัมภีร์กล่าวไว้ดังนี้ “ท่านใดได้สวดจะทำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นกิจการงานแขนงใดที่ทำอยู่จะได้เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และยังเป็นบทสวดที่ปลดเปลื้องทุกข์ภัยต่างๆ นานาได้อีกด้วย สิ่งเลวร้ายจะกลายมาเป็นแก้วสารพัดนึกขึ้นมาได้และยังจะทำให้ผู้นั้นมีอายุยืน มีความ สุขกาย สุขใจ ปราศจากทุกข์โศก โรคภัย เมื่อได้สวดประจำทุกคืน ทั้งตื่นและหลับจะกลับกลายเป็นมิ่งมงคลแก่ตัวเอง เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็ได้มีความเจริญก้าวหน้าสถาพร ทรัพย์สมบัติข้าวของบริบูรณ์ เมื่อละไปจากโลกจะ ได้ไปอยู่เป็นสุขในสรวงสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งดังที่จิตใจของเราได้เคยสวดสาธยายมาแล้ว”






            นั่นเป็นอานิสงค์ตามตำรา แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียนนั้นเห็นว่า อานิสงค์อื่นใดก็ไม่เท่าความซาบซึ้งใจในเนื้อหาของบทสวดเพราะสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสนั้น (เนื้อหาในบทสวด) เป็นความจริงแท้ๆ ในชีวิตของมนุษย์ทุกคน ซึ่งได้นำพาให้ใฝ่ใจในการศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น มิใช่เป็นเพียงแต่การที่สวดอ้อนวอนขออานิสงค์อย่างที่ผู้เขียนตั้งใจไว้ในตอนแรก (เห็นทีจะเข้าใกล้เวไนยชนเต็มที) ผู้เขียนหวังว่า ผู้ที่มีบุญได้สวดและศึกษาพระสูตรบทนี้ จะมีแรงบันดาลใจให้ยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ดังที่เราได้พร่ำสวดกันทุกค่ำคืน ดังเช่นที่ผู้รวบรวมมีประสบการณ์ได้รับจากพระสูตรบทนี้






            อยากจะกล่าวถึงความเป็นมาของธัมมจักกัปปวัตนสูตรตามประวัติศาสตร์โดยย่ออย่างที่สุดว่า เกิดขึ้นเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘    ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี กล่าวคือ หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธะแล้ว ได้ทรงเสวยวิมุติสุขบริเวรต้นโพธิ์นั้นเป็นอิริยาบถต่างๆ ๗  อิริยาบถ อริยาบทละ ๗ วัน (ปัจจุบันต้นโพธิ์นี้ยังอยู่ที่ประเทศอินเดียเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของชาวพุทธ) ระหว่างนี้ได้มีพ่อค้าวานิช 2 คน   เดินทางผ่านมา เพียงเห็นพระพุทธเจ้าก็เกิดความเลื่อมใส จึงถวายเสบียงของตนแด่พระพุทธเจ้า แล้วประกาศตัวเป็นอุบาสกคู่แรกในพุทธศาสนา แต่ยังไม่ค้นเจอตำราใดที่กล่าวถึงว่า ได้มีการสนทนากันระหว่างพ่อค้าวานิชกับพระพุทธเจ้าหรือไม่ อนึ่ง ก่อนหน้านั้นท่านก็ยังทรงได้แก้ปัญหาให้พราหมณ์ผู้หนึ่งที่มาทูลถามเรื่องความเป็นพราหมณ์อีกด้วยแล้วระหว่างทางที่เดินทางไปโปรดปัจจวคีย์ที่ป่าอิสิมคฤคทายวัน ท่านได้ทรงเดินเท้าไป ซึ่งเราก็คงแอบสงสัยว่าพระพุทธเจ้า ทำไมไม่ทรงเหาะไป ทำไมต้องเดินให้เสียเวลาด้วย แต่นี่เป็นเพราะพระพุทธเจ้ารู้ได้ด้วยญาณว่า โยคีอุปกาชีวกจะเดินทางผ่านมาทางนี้ แล้วญาณทัศนะก็ทรงทราบว่า ท่านผู้นี้ในกาลข้างหน้าจะถึงความหลุดพ้นไปได้ จึงไปปรากฎกายให้ได้พบ แต่ก็มิได้ทรงแสดงธรรมอันใด มีแต่เพียงการสนทนากันซึ่งโยคีถามว่า ท่านเป็นศิษย์ใครทำไมผิวพรรณจึงผ่องใสนัก พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า “เรามิได้เป็นศิษย์ใครเราเป็นสัมมาสัมพุทธะ” เพียงแต่เท่านั้น (บางตำราบอกว่าโยคีส่ายหน้าไม่เชื่อแต่บางตำรากลับว่าโยคีส่ายหน้าแบบอินเดียรับทราบว่าทรงเป็นสัมมาสัมพุทธะ) ภายหลังจากนั้นราว ๔๐ ปี โยคีท่านนี้ก็บวชในพุทธศาสนา ได้สำเร็จขั้นอนาคามี แล้วถึงขั้นอรหันต์ในชั้นพรหมโลก

            ซึ่งรายละเอียดอันสนุกสนานนั้น จะได้กล่าวถึงในคราวต่อไป

            ดังนั้น พระสูตรบทนี้ จึงถือว่า เป็นปฐมเทศนาอย่างแท้จริง ผู้ใดได้สวดเป็นประจำ แม้ดวงตายังไม่เห็นธรรมก็นับว่าเป็นผู้ที่เคยได้ทำบุญมาในพุทธศาสนา  ขอความเจริญในธรรมจงมีแก่ท่าน
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้