<iframe name="google_ads_iframe_/11260700/Mobile_320x50_0" width="320" height="50" id="google_ads_iframe_/11260700/Mobile_320x50_0" src="javascript:""" frameborder="0" marginwidth="0" marginheight="0" scrolling="no" style="border: 0px currentColor; vertical-align: bottom;">
'คด'กะลามหาอุตม์กะลาวิเศษที่ต้องแลกด้วยเงิน'แสน!' : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู กะลาสามตา กะลาตาเดียว แกะเป็น พญาราหู และคดกะลาทำเป็นขวดใส่ยาดม ยาหอม มีคติความเชื่อว่าเป็นของคงทนสิทธิ์ เป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อยู่บนต้นมะพร้าว อาจจะนับได้ว่าเป็นเครื่องรางที่หายากสุดๆ มะพร้าว ๑,๐๐๐ ลูก หรือ ๑๐,๐๐๐ ลูก จะมีก็เพียงลูกเดียวหรือสองลูกเท่านั้นที่พบ
ในตำราทักษามหาพยากรณ์นั้น กล่าวว่า เมื่อบุคคลใดก็ตามถูกพระราหูเสวยอายุแล้ว ในช่วงเวลานั้นจะเกิดความรุ่มร้อน มีเคราะห์ต่างๆ นานา เพราะพระราหูนั้นเป็นความมืด เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว แม้ยามที่พระราหูจะจรพ้นจากการเสวยอายุไปก็ยังแผลงฤทธิ์อีกด้วย คณาจารย์โบราณจึงกำหนดเอาไว้ว่า เมื่อพระราหูเสวยอายุจักต้องทำพิธีต้อนรับพระราหู หาไม่จะเดือดร้อนจนไม่อาจประคองตัวได้ และสิ่งหนึ่งที่โบราณใช้เป็นเครื่องรางบรรเทาฤทธิ์เดชของพระราหูคือ กะลาตาเดียว
พระราหูพระราหู ไม่ใช่ยักษ์มาร ผีโขมด ไม่ใช่ความหลงมัวเมาในตัณหา ไม่ใช่ความโง่เขลาเบาปัญญา แท้จริงแล้ว พระราหูคืออะไร ในสมัยโบราณ เมื่อคนเรามีความรู้ในทางดาราศาสตร์ยังไม่กว้างขวาง คราใดเกิดปรากฏการณ์ จันทรคราส หรือ สุริยคราส ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องพระราหูใส่จับพระจันทร์และพระอาทิตย์ เมื่อจับได้ก็จะอมไว้ บังเกิดความมืดปกคลุมไปทั่ว หรือเกิดความกลัวว่า พระจันทร์ พระอาทิตย์ จะดับไปชั่วนิรันดร์ จึงต้องช่วยกันแก้ไขด้วยการตีเกราะ เคาะกะลา จุดประทัด ยิงปืน นัยว่าเพื่อทำให้พระราหูตกใจกลัว จะได้คายพระจันทร์ พระอาทิตย์ รีบหลบหนีไป
โบราณนั้นท่านถือกันว่า พระราหูจะปรากฏในคราวเกิดจันทรุปราคา พระราหูจะกลืนพระจันทร์เอาไว้ทั้งดวงบ้าง บางส่วนบ้าง ต้องตีเกราะเคาะไม้หรือยิงปืนไล่กันเอกเกริก ส่วนวิธีป้องกันพระราหูนั้นก็คือ การใช้กะลาจากมะพร้าวตาเดียวหรือไม่มีตามาทำเป็นเครื่องรางเอาไว้ก็จะบรรเทาโทษภัยจากพระราหูไปได้ กะลาตาเดียวนั้นหายากในมะพร้าว ๑,๐๐๐ ลูก ๑๐,๐๐๐ ลูก จะมีก็เพียงลูกเดียวหรือสองลูกเท่านั้น เมื่อได้มาก็ถือว่าเป็นโชคของผู้นั้น เพราะโดยปกติลูกมะพร้าวที่พบเห็นโดยทั่วไปนั้นจะมีรูงอกหนึ่งรู และมีตาสองตา รวมแล้วมีสามรูด้วยกัน
อย่างไรก็ตามหากเป็นกะลาตาเดียวแล้วจะมีเพียงหนึ่งตา หรือถ้าไม่มีตาก็จะมีรูงอกเพียงรูเดียว เขาเรียกว่า กะลาตาบอด แต่ถ้าไม่มีทั้งรูงอกและตาเลยนั้น โบราณเรียกกันว่า กะลามหาอุตม์ ถือเป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังตามธรรมชาติที่หายากสุดๆ ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก เพราะลำพังกะลาตาเดียวก็หายากสุดๆ อยู่แล้ว เรียกว่าจะเป็นหนึ่งในแสนในล้านลูกถึงจะเจอสักลูกหนึ่ง ด้วยเหตุนี้พระเกจิอาจารย์จึงนิยมนำรูปลักษณ์ของพระราหูนำมาแกะเป็นลงบนกะลามหาอุตม์ และคดกะลามหาอุตม์ด้วย
คุณวิเศษแห่งกะลาตา
"ป้องกันภัยอันตรายต่างๆ มีโชคลาภ โภคทรัพย์ คนโบราณเก่าก่อนนิยมเอากะลาตาเดียวมาผ่าออกเป็นสองซีก ใช้ตักตวงข้าวสารกรอกหม้อ ว่ากันว่า จะทำให้มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ แล้วยังมีคุณวิเศษในด้านอื่นๆ อีก คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาคมนิยมใช้กะลาตาเดียวมาสร้างวัตถุมงคล" นี่เป็นคติความเชื่อถึงคุณวิเศษของกะลาตาเดียว
จากคติความเชื่อดังกล่าว กะลามหาอุตม์จึงถูกนำมาสร้างวัตถุมงคลส่วนมากจะถูกนำมาแกะลวดลายตัวละครสำคัญเรื่องรามเกียรติ์ เช่นเดียวกับกะลาตาเดียวที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อกุน วัดพระนอน จ.เพชรบุรี ที่ลือชื่อในเรื่องของตะกรุด ซึ่งถือว่าเป็นตะกรุดที่มีราคาหาเช่าแพงที่สุดในเมืองไทย อยู่หลักแสนต้นๆ ตะกรุดของท่านจะไม่ลงอักขระเหมือนของพระเกจิอาจารย์อื่นๆ แต่ท่านจะลงเป็นรูปตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ เช่น ลงเป็นรูปหนุมานผูกผมนางมณโฑกับทศกัณฐ์เข้าด้วยกัน
กะลามหาอุตม์จึงเป็นเครื่องรางด้วยฝีมือช่างเก่าโบราณของเรานี้ มีคุณวิเศษนานานับประการ บุคคลใดมีไว้ครอบครองก็จะปราศจากภัยอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ เทวดา อสูร ภูตผีปีศาจ ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ กะลามหาอุตม์บางลูกแกะเป็นลายวิจิตรงดงามพิสดารแล้ว ยังถือว่าเป็นหนึ่งเดียวที่หายากสุดๆ อีกด้วย เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง บางลูกก็ต้องว่ากันเป็นหลักแสน
นอกจากนี้ยังมีคติความเชื่อด้วยว่า กะลาที่มี ๙ ตา ๗ ตา ๕ ตา ๓ ตา และตาเดียว เป็นของคงทนสิทธิ์ พระคณาจารย์หรือผู้ที่มิวิชาอาคม ในเรื่องของไสยศาสตร์ เวชศาสตร์ มีความเชื่อกันว่า ไม่มีอำนาจใดๆ มาทำลายล้างได้ นอกจากอำนาจแห่งกรรมที่ผู้ถือครอบครองประกอบคุณงามความดีสะสมแต่กรรมดี ก็จะตอบสนองในทางที่ดีคุ้มครองดลบันดาลปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เพิ่มพูนในเรื่องของทรัพย์สินเงินทอง ความสุข ความสบาย กะลาบางลูกหาที่มาที่ไปไม่ได้ว่าเป็นของอาจารย์ใด แต่ผู้ที่ดูความเก่าเป็น ดูอักขระที่จารลงในกะลาเป็น และเป็นกะลาแท้ๆ
|