ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 27411
ตอบกลับ: 25
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ~

[คัดลอกลิงก์]
ประวัติ หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง


หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม ( อ่านว่า ปะถะมะนามะ หรือ ปถมนาม ) เกิดในรัชกาลที่ ๒ เมื่อปีฉลู พ.ศ. 2359 เป็นบุตรนายนาค นางจันทร์ โดยมีพี่น้องท้องเดียวกัน รวมด้วยกัน 4 คน คือ

1. หลวงปู่เอี่ยม
2. นายฟัก
3. นายขำ
4. นางอิ่ม

        บ้านเกิดของหลวงปู่เอี่ยมอยู่ที่ตำบลบานแหลมใหญ่ ฝั่งใต้ ข้างวัดท้องคุ้ง
อำเภอ ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๑ อายุท่านได้ ๒๒ ปี ได้อุปสมบท
ที่วัดบ่อ ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด (วัดบ่อนี้อยู่คิดกับตลาดในท่าน้ำปากเกร็ด) ท่านอุปสมบท ได้ประมาณหนึ่งเดือน ท่านก็ได้ย้ายไปประจำพรรษาอยู่ที่วัดกัลยาณมิตร
ธนบุรีที่นี่ท่านได้เรียนวิทยาคมกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆัง และ
หลวงปูเอี่ยมท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรม และแปลพระธรรมบทอยู่ที่วัดนี้อยู่ได้ถึง
๗ พรรษาท่านจึงได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดประยูรวงศาวาส เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๘๘ อยู่วัด
ประยูรวงศาวาสได้ ๓ พรรษา ถึงปี พ.ศ. ๒๓๘๙๑ นายแขก สมุห์บัญชีได้นิมนต์หลวงปู่
เอี่ยม
ไปจำพรรษาเจริญพระกัมมัฏฐานเป็นเริ่มแรก และได้ศึกษาอยู่ ๕ พรรษา
ถึงปี ๒๓๙๖ ญาติโยมพร้อมด้วยชาวบ้านภูมิลำเนาเดิมในคลองแหลมใหญ่ (ซึ่งปัจจุบันนี้ คือคลองพระอุดม) อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางมา
อาราธนานิมนต์หลวงปู่เอี่ยม กลับไปปกครองวัดสว่างอารมณ์ หรือวัดสะพานสูงในปัจจุบันนี้
       ซึ่งชาวบ้านมักจะเรียกวัดสว่างอารมณ์นี้ว่า วัดสะพานสูง จึงทำให้วัดนี้มีชื่อเรียกกัน ๒ ชื่อ ฉะนั้น สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงเห็นว่า สะพานสูงนี้ก็เป็นนิมิตดีประจำวัดประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งชาวบ้านก็นิยมเรียกกันติดปากว่าวัดสะพานสูง จึงได้ประทานเปลี่ยนชื่อวัดสว่างอารมณ์ มาเป็น "วัดสะพานสูง" จนตราบเท่าทุกวันนี้

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-7 16:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่เอี่ยม มาวัดสะพานสูงใหม่ๆ ที่วัดนี้มีพระประจำวันพรรษาอยู่เพียง ๒ รูปเท่านั้น

ขณะที่ท่านหลวงปู่เอี่ยม ได้ย้ายมาอยู่วัดสะพานสูงได้ ๘ เดือน ก่อนวันเข้าพรรษาหลวงพิบูลย์สมบัติ บ้านท่านอยู่ปากคลองบางลำภู พระนคร ได้เดินทางมานมัสการหลวงปู่เอี่ยม หลวงปู่เอี่ยมได้ปรารภถึงความลำบาก ด้วยเรื่องการทำอุโบสถและสังฆกรรม

เนื่องจากสถานที่เดิมได้ชำรุดทรุดโทรมมาก จึงอยากจะสร้างให้เป็นถาวรสถานแก่วัดให้เจริญรุ่งเรือง หลวงพิบูลยสมบัติ ท่านจึงได้บอกบุญเรี่ยไรหาเงินมา เพื่อก่อสร้างโบสถ์ และถาวรสถานขึ้น จึงเป็นที่เข้าใจกันว่าหลวงปู่เอี่ยม ได้เริ่มสร้างพระปิดตาและตะกรุดเป็นครั้งแรก

เพื่อเป็นของชำร่วยแก่ผู้บริจาคทรัพย์และสิ่งของที่ใช้ในการก่อสร้างพระอุโบสถและถาวรสถาน ต่อมาถึง พ.ศ. ๒๔๓๑ ได้สร้างศาลาการเปรียญ หลังจากนั้นอีกหลวงปู่เอี่ยมได้สร้างพระเจดีย์ฐาน ๓ ชั้นขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ขณะที่ท่านหลวงปู่เอี่ยม ท่านได้มาอยู่วัดสะพานสูง ท่านได้ไปธุดงค์ไปทางแถบประเทศเขมร

โดยมีลูกวัดติดตามไปด้วยเสมอ แต่ท่านจะให้ลูกวัดออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ๖-๗ ชั่วโมง แล้วจะนัดกันไปพบที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แล้วท่านหลวงปู่เอี่ยม ได้ไปพบชีปะขาวชาวเขมรท่านหนึ่งชื่อว่าจันทร์หลวงปู่เอี่ยม จึงได้เรียนวิชาอิทธิเวทย์ จากท่านอาจารย์ผู้นี้อยู่หลายปี จนกระทั่งชาวบ้านแหลมใหญ่นึกว่าท่านออกธุดงค์ไปได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้ว เนื่องจากหลวงปู่เอี่ยม ท่านไม่ได้กลับมาที่วัดหลายปี

จึงได้ทำสังฆทานแผ่ส่วนกุศลไปให้ท่าน ทำให้ท่านหลวงปู่เอี่ยม ทราบในญาณของท่านเอง และท่านหลวงปู่เอี่ยม จึงได้เดินทางกลับมายังวัดสะพานสูง การไปธุดงค์ครั้งนี้ หลวงปู่เอี่ยม ได้ไปเป็นเวลานาน และอยู่ในป่าจึงปรากฏว่าท่านหลวงปู่เอี่ยม ท่านไม่ได้ปลงผม ผมจึงยาวถึงบั้นเอว จีวรก็ขาดรุ่งริ่ง หมวดท่านยาวเฟิ้มพร้อมมีสัตว์ป่าติดตามท่านหลวงปู่เอี่ยม มาด้วย อาทิเช่น หมี, เสือ, และงูจงอาง ฯลฯ

จากการเจริญกรรมฐานนี้ จึงทำให้หลวงปู่เอี่ยมสำเร็จ "โสรฬ"  มีเรื่องเล่ากันว่ามีต้นตะเคียนต้นหนึ่งมีน้ำมันตกและดุมากเป็นที่เกรงกลัวแก่ชาวบ้านแถบนั้น หลวงปู่จึงช่วยยืนเพ่งอยู่ 3 วันเท่านั้น ต้นตะเคียนก็เฉาและยืนต้นตาย หลวงปู่เป็นผู้มีอาคมฉมัง วาจาสิทธิ์ มักน้อยและสันโดษ ท่านเป็นต้นแบบในการพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบันนี้ ท่านได้สร้างถาวรวัตถุที่ได้เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้คือพระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ พระเจดีย์ จึงเป็นที่มาของการสร้างพระปิดตา และตะกรุดโทนมหาโสฬสมงคลอันลือลั่นนั่นเอง
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-7 16:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่านหลวงปู่เอี่ยม เป็นพระผู้มีอาคมขลัง มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ มักน้อย ถือสันโดษ ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลวงปู่เอี่ยม ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งชาวบ้านและเจ้านายผู้ใหญ่ในพระนครนับถือท่านมากจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต  ก่อนที่หลวงปู่เอี่ยมจะมรณภาพด้วยโรคชรา นายหรุ่น แจ้งมา ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดคอยอยู่ปรนนิบัติท่านหลวงปู่เอี่ยมได้ขอร้องท่านว่า  “ท่านอาจารย์มีอาการเต็มที่แล้ว  ถ้าท่านมีอะไรก็กรุณาได้สั่ง และให้ศิษย์เป็นครั้งสุดท้าย”  ซึ่งท่านหลวงปู่เอี่ยมก็ตอบว่า  “ถ้ามีเหตุทุกข์เกิดขึ้นให้ระลึกถึงท่านและเอ่ยชื่อท่านก็แล้วกัน”หลวงปู่เอี่ยมท่านได้มรณภาพ  เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๙ รวมอายุได้ ๘๐ ปี บวชได้ ๕๙ พรรษา

ก่อนที่ท่านจะมรณภาพได้มีศิษย์ผู้ใกล้ชิดเป็นตัวแทนของชาวบ้าน และผู้เคารพนับถือศรัทธา ที่มีและไม่มีของมงคลท่านไว้บูชา กราบเรียนถามหากว่าเมื่อหลวงปู่เอี่ยม ได้มรณภาพแล้วจักทำประการใด ท่านจึงได้มีปัจฉิมวาจาว่า " มีเหตุสุข ทุกข์ เกิดนั้น ให้ระลึกถึงชื่อของเรา"

จึงเป็นที่ทราบและรู้กันว่า หากผู้ใดต้องการมอบตัวเป็นศิษย์หรือต้องการให้ท่านช่วยแล้วด้วยความศรัทธายิ่ง ก็ให้เอ่ยระลึกถึงชื่อของท่าน ท่านจะมาโปรดและคุ้มครองและหากเป็นเรื่องหนักหนาก็บนตัวบวชให้ท่าน รูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงปู่เอี่ยม ท่านประดิษฐานอยู่หน้าพระอุโบสถ สร้าง(หล่อ) ขึ้นเมื่อพ.ศ. 2480 ในสมัยหลวงปู่กลิ่น ผู้ปกครองวัดต่อจากท่าน เพื่อการสักการะบูชา ต่อมาจนทุกๆวันจะมีผู้ศรัทธาจากทุกสารทิศมากราบไหว้และบนบานฯ ตลอดเวลาตราบแสงอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า ท่านชอบกระทงใส่ดอกไม้เจ็ดสี จะมีผู้นำมาถวายและแก้บนแทบทุกวันโดยเฉพาะในวันพระแม้แต่ผงขี้ธูปและน้ำในคลองหน้าวัดก็ยังมีความ"ขลัง" อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง

และหลังจากที่ท่านมรณภาพล่วงไปเนิ่นนานแล้วก็ตามที ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ผลปรากฏว่าฐานที่ท่าน เคยถ่ายทุกข์เอาไว้และปิดตาย คราวที่เกิดไฟไหม้ป่าช้า ฐานของหลวงปู่เอี่ยม เพียงหลังเดียวเท่านั้นที่ไม่ไหม้ไฟ

เมื่อความอัศจรรย์ปรากฏขึ้นเช่นนั้น ผู้คนจึงค่อยมาตัดเอาแผ่นสังกะสีไปม้วนเป็นตะกรุดจนหมดสิ้น นอกจากนั้นแล้ว ยังมารื้อเอาตัวไม้ไปบูชาจนไม่เหลือหรอ ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ไม่ได้อะไรเลยก็มาขุดเอาอุจจาระของท่านไปบูชา
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-7 16:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คาถาโองการมหาทมื่นของหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง

โอม นะ โม พุท ธา ยะ

กูจะกล่าวกำเนิดเกิดพระมหาทมื่น กูจะโยนตัวกูขึ้นไปเป็นกงไม้ไร่ ก็หักแหลกลงเป็นผุยผงทั่วทั้งเมืองสกลชมพู
กูจะลำลึกถุงครูกูใครจะสู้กูก็บ่มิได้ ครูกูจึงให้กูเล่า พระคาถาพุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมังสรณังคัจฉามิ
สังฆังสะระณังคัจฉามิ ภะคะวาไชยมังคะลัง อะระหัง สุคะโต นะโมพุทธายะวันทานัง ปาสุอุชา อิสะปะมิ
พุทธสังมิ อิสวาสุ นะมะอะอุ อิกะวิติ วิสุทธิเสฐโฐ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ อะระหังสุคะโตภะคะวา
สังวิธาปุกะยะปะ อาปามะจุปะ ทีมะสังอังขุ ทุสะมะนิ สะธะวิปิปะสะอุ ทุสะนะโส จิเจรุนิ ตันนิพพุทติง
นะมะนะอะ นอกอนะกะ กออนออะ นะอะกะอัง ตัถถะนะถะ อุมะอะยัง จิปิเสคิ คิเสปิจิ กันหะเนหะ นิระมหาสะตัง
จะภะกะสะ นะมะพะทะ กะระมะถะ จะอะภะคะ นะมะกะยะ สุสิโมพุทโธภะคะวา สุสิโมธัมโมภะคะวา สุสิโมสังโฆภะคะวา
โลกะนาโถมหิทธิโก นาสังสิโม ยะถาพะลังจังงังเหยหาย เดชะครูปัทธิยายจึงให้เป็นกำแพงเพชรทั้ง 7
ชั้นกันตนกู คือ พระวิภังค์พระสังฆณีพระปรมัตถะอัตถาจาริย์เจ้าจึงให้คงแก่หอกดาบแหลนหลาว
ธนูง้าวทั้งหน้าไม้ปืนไฟอย่าได้ต้องตนกู

เพชชะคงแก่ หอกเหล็ก หอกหล่อ หอกข้อเงิน หอกข้อทอง หอกสำริดกริชทองแดงคงแก่แสงฟ้าผ่า คงทั้งข้างซ้าย
คงทั้งข้างขวา คงทั้งข้างหน้า คงทั้งข้างหลัง คงทั้งนั้ งคงทั้งยืน คงทั้งหลับ คงทั้งตื่น คงทั้งกลางคืน คงทั้งกลางวันตรีเพชชะคงๆสวาหะ
โอมเอิกเกริกไตรภพตลบบาดาลเหาะทยานบนอากาศหมู่อสูรขยาดมืดมัวกลัวกูอยู่ระย่อฤาษีเล้นซุกซ้อนนอนหลับอยู่กลางป่า ทั้งขโมดมารยาเหาะทยานมา ช่วยกูหนุมานหลานพระไวยบุตรสัปปะยุทธ ด้วยอินทรชิตประสิทธิสรรพางค์ล้างมารมัดตนได้   
เอาไปถวายแก่ราพย์เจ้ากรุงลงกาหมู่อสูรยักษาจะฆ่ากูก็บ่มิตาย ด้วยเดชะพระนารายณ์ จุติลงมาบังเกิด
นะโมพุทธายะ ตรีเพชชะคงๆ อิติปิโสภะคะวา เกศาผม อยู่ทั้วในกายตนกูคงตรีเพชชะคงๆ อิติปิโสภะคะวา
โลมาขนอยู่ทั้วในกายตนกูคงตรีเพชชะคงๆ อิติปิโสภะคะวา นะขาเล็บ อยู่ทั้วในกายตนกูคงตรีเพชชะคงๆ
อิติปิโสภะคะวา ทันตาฟัน อยู่ทั้วในกายตนกูคงตรีเพชชะคงๆ อิติปิโสภะคะวา ตะโจหนัง
อยู่ทั้วในกายตนกูคงตรีเพชชะคงๆ อิติปิโสภะคะวา มังสังเนื้อ อยู่ทั้วในกายตนกูคงตรีเพชชะคงๆ
อิติปิโสภะคะวานหารูเอ็น อยู่ทั้วในกายตนกูคงตรีเพชชะคงๆ อิติปิโสภะคะวา อัตถิกระดูก
อยู่ทั้วในกายตนกูคงตรีเพชชะคงๆ คงด้วยนะโมพุทธายะ พุทธังรักษา ธัมมังรักษา สังฆังรักษา บิดารักษา
มารดารักษา พระอินทรักษา พระพรหมรักษา ครูบาอาจารย์รักษา อิมังกายะพันธะนังอะธิฏฐามิ

คาถาโองการมหาทมื่น : คาถาโองการมหาทมื่น เป็นพระคาถาโบราณ ภาวนาด้วยจิตที่เป็นสมาธิ จะเป็นคงกระพันชาตรียิ่งนัก จะใช้ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง เสกข้าวกิน เสกได้สารพัดแล พระคาถานี้ หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูงได้ใช้เสกผงดินสอเป้นเวลาสามปีก่อนทำพระปิดตาผงโสฬสอันลือเลื่อง

ที่มา http://www.buddhakun.com/index.php?t...icseen#msg6298
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-7 16:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระคาถาโสฬสมงคลของแท้ตามตำรับหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง

พระคาถามงคลโสฬสตามตำราหลวงปู่เอี่ยมปฐมนามนั้น ท่านให้สวดตามรอบของพระยันต์คือ

รอบนอกจะเริ่มที่โสฬสมังคลัญเจวะ 16 นะวะโลกุตตะระธัมมะตา 9 จัตตาโร จะมะหาทีปา 4 ปัญจะพุทธามหามุนี 5 ตรีปิฎก ธัมมักขันธา 3 ฉะกามาวะจะราตะถา 6 ปัญจะทะสะภะเวสัจจัง 15 ทะสะมังสิละเมวะจะ 10 เตรัสสะธุตังคาจะ 13 ปะฏิหารัญจะทะวาทัสสะ 12 เอกะเมรุจะ 1 สุราอัฏฐะ 8 ทะเวจันทังสุริยัง สักคา 2 สัตตะโพชฌังคาเจวะ 7 จุททัสสะจักกะวัตติจะ 14 เอกาทะสะวิษณุราชา 11 สัพเพเทวา สะมาคะตา มังรักขันตุ สัพพะทา

ชั้นกลาง ตรีนิสิงเห 3 สัตตะนาเค 7 ปัญจะเพรชฉลูกันเจวะ 5 จัตตุเทวา 4 ฉะวัชชะราชา 6 ปัญจะ อินทรานะเมวะจะ 5 เอกะยักขา 1 นะวะ เทวา 9 ปัญจะพรหมาสะหะบดี 5 ทะเวราชา 2 อัฏฐะอรหันตา ๘ ปัญจะพุทธานะมามิหัง ๕

ชั้นในสุด จัตตุโร 4 นะวะโม 9 ทะเวโช 2 ตรีนิ 3 ปัญจะ 5 สัตตะ 7 อัฏฐะ 8 เอกะ 1 ฉะวัชชะราชา 6 สัพเพเทวา สัพพะโสตถี ภะวันตุเม

กล่าวให้ปรากฏ อุปเท่ห์โสฬส บันดาลชายหญิง ภาวนาทีหนึ่ง สองทีดีจริง สิบแปดทีดียิ่งมีผลานิงค์ ชักลูกประคำ ร้อยแปดเลิศล้ำ ให้ได้คาบทรงคงเกิดส่วนบุญ มีผลานิสงค์ พบแล้วอย่างง ไม่พบเร่งหา ผู้ใดไม่พบบุญน้อยถอดถด เสียชิตเกิดมา เป็นคนขัดสน มืดมนต์หนักหนา พบแล้วท่านว่าภาวนาประจำ เหมือนชีวิตเกิดมา เป็นคนขัดสน มืดมนต์หนักหนา พบแล้วท่านว่าภาวนาประจำ เหมือนได้ดวงแก้วแถม ทองผ่องแผ้ว กุศลชักนำ สิ่งใดปรารถนาภาวนาหัวค่ำ กุศลเลิศล้ำ ประมูลพูนมา อุบาทว์จัญไร กันทั้งโรคภัย ปรากฏคาถากลับจิตคิดเห็น ๆ อนัตตา มิอาจมาทำลายตัวเรา ภาวนาภัยหัวค่ำทีหนึ่งประจำ เที่ยงคืนและย่ำรุ่งเป็นสามทีเกิดสวัสดี มีลาภทุกประการอาหารการกินปรีเปรมเกษมสันต์ ภาวนา ๓-๗ เป็นสำเร็จการ ทุกค่ำสำราญกว่าคนทั้งหลาย อายุวัณโณ บรมสุขโขภัญโญทั้งปลาย ถ้าไฟไหม้มาให้เสกข้าวสาร สาดหว่านหลังคา ลมพาพัดหวลอย่าได้สงกา ฝนตกลงมาภาวนาป้องกัน ถ้าจะขายของเสกน้ำประพรม สินค้าสารพันระบือลือสั่น พากันเข้ามาค้าเรือ เหนือใต้ เขียนคาถาไว้ แผ่นกระดาษปรารถนาเสกด้วยตัวเองปิดหัวนาวา นำของสินค้าขายมีกำไร ถ้าเป็นความเสกน้ำล้างหน้าทาแป้งเสกเครื่องแต่งตน เสกหมากอย่านาน กินแล้วยาตรา กระทืบเท้าสามทีแปลกายบ่ายสู่คู่ความตามที่เป่าพ่นอย่าหนี พลุ่งพล่านต้องเวทย์มนต์ถาคาพลัน ให้ภาวนาเสกน้ำล้างหน้า กันทั้งคุณไสยอุบาทว์ จัญไร อัคคีโจรภัยตามความปรารถนา

พระคาถาบทนี้ เป็นของหลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งท่านได้ใช้บทนี้ ปลุกเสกสร้างพระปิดตา และ ตะกรุดทำให้มีพุทธคุณมาก จนเป็นที่ต้องการของผู้คนทั้งหลายตราบเท่าทุกวันนี้

บทนี้เป็นตำรับเก่าแก่และตรงตามตำราหลวงปู่เอี่ยมที่สุดครับ ปัจจุบันไปขอได้ที่หลวงปู่เปรื่อง วัดบางจากครับ
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-7 16:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ของขลังหลวงปู่เอี่ยม

หลวงปู่เอี่ยมผู้สร้างพระปิดตาอันลือลั่น และตะกรุดมหาโสฬสมงคล ซึ่งหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสุมทร และสนนราคาค่างวดเพชรสู้ไม่ได้ หลวงปู่เอี่ยมสร้างของขลังไว้ ๒ ชนิดคือ
๑. พระปิดตา
๒. ตะกรุดมหาโสฬสมงคล

พระปิดตาสร้าง ๓ พิมพ์ คือพิมพพนมมือและพิมพ์ตะพาบ ทั้ง ๓ พิมพ์นี้เนื้อเดียวกันคือคลุมนัก จุ่มรัก พระปิดตาเริ่มสร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๙๖ เพื่อแจกเป็นของชำร่วยแก่ผู้บริจาคสร้างถาวรสถานของวัด

ตะกรุดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๙ มีอยู่ด้วยกัน คือเนื้อตะกั่วถ้ำชา กับเนื้อทองแดง การสร้างตะกรุดก็เพื่อแจกแก่ผู้มาทำบุญสร้างศาลาการเปรียญและเจดีย์


ตะกรุดมหาโสฬสมงคล

ตะกรุดมหาโสฬสมงคล ของหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นับว่าเป็นตะกรุดอันดับหนึ่ง ของจำพวกเครื่องรางของขลังและหายากที่สุด สนนราคาก็สูงที่สุด เมื่อพูดถึงตะกรุดแล้ว ไม่มีนักเลงพระคนใดจะไม่รู้จัก อย่างน้อยก็ต้องได้ยินนักเลงพระด้วยกันกล่าวขวัญถึงผู้ใดมีต่างก็หวงแหนเป็นอย่างยิ่ง
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-7 16:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คาถาผูกตะกรุดโสฬสมงคล หลวงปู่เอี่ยม

ตั้งนะโม 3 จบ

ขอเดชะบารมีพระพุทธเจ้า
ขอเดชะบารมีพระธรรมเจ้า
ขอเดชะบารมีพระสงฆ์เจ้า

-คุณบิดามารดา คุณอุปัชฌาย์ อาจารย์ กับเทพพะยุดาเจ้า ที่มีชื่ออยู่ในตะกรุด ที่มีฤทธิ์อยู่ในตะกรุดนี้ จงมาคุ้มคลองรักษาตัวข้าพเจ้า

-นะมะพะทะ เอหิพุทธัง เอหิธัมมัง เอหิสังฆัง ปริสุทโธ ชะนาปริสุทโธ อะธิฐามิ (ว่าแล้วจึงหยิบ)

-นะมะอุอะ อิมังกายะพันธนานัง ตรีเพชรคง ๆ อะธิฐามิ (ว่าเมื่อคาด)

-ปะทะมัง อะทิทันตานัง อักขะระวิตรึงคะเรติ (ข้างขึ้นว่าติ ข้างแรมว่าตุ), (ว่าเมื่อผูก)

-มาโขมังกุ อะโหสิ (ว่าเมื่อถอดแขวน)


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ได้อะไรมาฝาก
กราบหลวงปู่ครับ....
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้