ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนานพระเกจิอาจารย์แห่งแดนสยาม
»
~ หลวงปู่โทน กันตสีโล(พระครูพิศาลสังฆกิจ) วัดบูรพา ~
1
2
/ 2 หน้า
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: kit007
~ หลวงปู่โทน กันตสีโล(พระครูพิศาลสังฆกิจ) วัดบูรพา ~
[คัดลอกลิงก์]
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
11
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-4-16 11:11
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก่งสะพือแดนศักดิ์สิทธิ์
หลวงปู่โทนท่านเล่าต่อไปว่า ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ก็ได้มีผู้เชื่อถือว่า เหล่าวิญญาณของพวกพ่อค้าวาณิชในเรือสำเภาที่ล่มนั้น
ได้เกิดเป็นเทวดาและมีชื่อว่า สตุลปกายิก ทั้งหมด
และได้พร้อมกันมาปกปักรักษาสถานที่แห่งนั้นอยู่
ด้วยเหตุนี้ตามความเชื่อกันมาว่าที่อยู่ของเหล่าเทพยดาสตุลปกายิก
ทั้งอาจารย์และศิษย์คือ แก่งสะพือ นั่นเอง
ส่วนผู้เป็นหัวหน้าก็คือ พระพือ
องค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ในบริเวณแก่งสะพือในทุกวันนี้
แก่งสะพือจึงเป็นทั้งสถานที่น่าท่องเที่ยวเพราะมีทิวทัศน์อันสวยงามรอบๆ แก่ง
ทั้งยังมีศิลาแลงที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ด้วย
ในทุกๆ ปี จะมีงานประจำปีขึ้นที่แก่งสะพือ
ผู้ที่จะเดินทางด้วยเรือ และพวกหาปลาในแม่น้ำมูล
จะพากันมาขอขมาและกราบสักการะมิได้ขาด
เพราะมีความเคารพท่านพะพือมากที่สุด
ต่อมาไม่ว่าชาวบ้านสะพือ หรือในที่ไกลๆ ก็พากันมากราบไหว้พะพือ
ซึ่งประดิษฐานอยู่ตรงกึ่งกลางแก่งมิได้ขาด
ทั้งนี้เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพะพือ ที่ใครๆ ก็มีความเคารพกราบไหว้
แต่ก็เน้นการปฏิบัติบูชา คือ ท่านให้รักษาศีลอย่างเคร่งครัดเท่านั้น
กลับเห็นว่าบ้า
หลวงปู่โทนท่านได้เล่าถึงอดีตในสมัยที่ท่านเป็นพระหนุ่มๆ ว่า
“อาตมาชอบฉันผักเป็นประจำ จนใครๆ ก็นึกว่าเป็นบ้า
เพราะพระองค์อื่นๆ มีแต่ฉันสองเวลา แต่อาตมาฉันมื้อเดียวและฉันผักด้วย
ความจริงแล้วการฉันผักเป็นสิ่งดี เพราะไม่เป็นการเบียดเบียนหมู่สัตว์เล็กสัตว์น้อย
จริงอยู่สัตว์บางชนิดเป็นอาหารของมนุษย์
แต่ควรยกเว้นสัตว์ใหญ่ เช่น วัว ควาย บ้าง
เพราะสัตว์ดังกล่าวมีพระคุณต่อมนุษย์
มันไม่เคยเรียกร้องเอาสิ่งของจากมนุษย์เลย
มีแต่มนุษย์เรียกร้องเอาจากมันทุกอย่าง
เราจึงควรงดรับประทานเนื้อสัตว์จำพวกนี้เสีย
หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง ถ้าท่านรู้ว่าหมู่บ้านใดจัดงานบุญแล้วฆ่าควาย
ท่านจะไม่ไปเลย ไม่ว่างานนั้นจะยิ่งใหญ่และสำคัญแค่ไหน”
หลวงปู่โทนท่านถึงแม้อายุจะมากแล้วก็ตาม
แต่ความจำของท่านดีเลิศแท้ ซึ่งจะเห็นได้จาก
ไม่ว่าใครจะเคยไปกราบท่านมาแล้ว เมื่อไปในครั้งที่สอง
ท่านจะทักทายได้แม่นยำทันที
“อาตมาพอจำได้เพราะญาติโยมมาหาไม่มากนัก
เพราะวัดของอาตมาอยู่ไกล อยู่บ้านนอก
ไม่เหมือนอยู่ในที่เจริญมีผู้คนพลุกพล่าน
ก็คงจะจำไม่ได้หมดเป็นแน่” หลวงปู่กล่าว
ธรรมะบนต้นไม้
เมื่อก้าวเข้าไปยังบริเวณวัดบูรพา
อันเป็นสถานที่จำพรรษาของหลวงปู่โทน
ก็จะพบกับคติธรรมต่างๆ ที่หลวงปู่โทนท่านได้ให้พระลูกศิษย์เขียนติดเอาไว้
เพื่อเป็นการเตือนสติของผู้ไปกราบท่านทุกคน
อย่างเช่นต้นตาลปากทางเข้าวัด ท่านก็เขียนธรรมะติดเอาไว้ว่า
“นอนนานงานน้อย ใช้บ่อยเงินหมด เงินมีหน้าสด เงินหมดหน้าแห้ง”
“เกิดเป็นคน ต้องคนให้ทั่ว ปากไม่ล้น ก้นไม่รั่ว ชั่วไม่เอา เมาไม่มี นี่คือคน”
“แก้วที่ว่าใส ยังไม่เท่าใจอันบริสุทธิ์”
“เกิดเป็นคนอย่าจนซึ่งน้ำใจ”
และจากต้นมะม่วง ต้นขนุน ตลอดจนต้นมะพร้าว มะไฟ
ก็มีป้ายคติธรรมของหลวงปู่ติดเอาไว้ทุกต้น เช่น
“ไวปากเสียศีล ไวมือไวตีนตกต้นไม้ เว้นชั่วทำความดี
ทำจิตใจให้ผ่องใส คือหัวใจของพระพุทธศาสนา”
“คบคนพาลมักจะล้มทับตน คบบัณฑิตให้ผลจนวันตาย”
“มักง่ายได้ยาก ลำบากได้ดี”
“อย่าฟังความเขา อย่าเอาความง่าย”
“การบูชาคนดี ย่อมให้สำเร็จประโยชน์ บูชาคนโฉดย่อมพาให้ท่านฉิบหาย”
“รกคนดีกว่ารกหญ้า รกคนบ้า รกหญ้าดีกว่ารกคน”
“อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังวาจา”
“ชีวิตคือความฝัน สิ่งสำคัญคือความดี”
ธรรมะบนต้นไม้ในบริเวณวัดบูรพาของหลวงปู่โทนนี้
แต่ละคำล้วนแล้วแต่เป็นคติสอนใจที่อ่านแล้วเข้าใจกันได้ง่าย
ทำให้ผู้ไปกราบหลวงปู่ต้องเปลี่ยนอิริยาบถให้ดูเหมาะสมในเวลาไปสนทนากับท่าน
เพราะท่านคืออริยสงฆ์ที่เป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนิกชนชาวอีสานโดยแท้
และแม้แต่ประชาชนที่อยู่ห่างไกลก็ยังเดินทางไปกราบท่านมิได้ขาด
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
12
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-4-16 11:12
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
มีให้แต่เพียงธรรมะ
หลวงปู่ท่านมักจะกล่าวเสมอว่า
มาหาอาตมาก็ไม่มีอะไรให้นะ มาเอาธรรมะไปพิจารณาก็แล้วกัน
ให้ปฏิบัติบูชาดีกว่าอามิสบูชา เพราะพระพุทธเจ้าท่านทรงให้ปฏิบัติ
ด้วยพระธรรมของท่านที่ท่านได้ฟันฝ่ามากว่าจะได้ค้นพบ
ท่านต้องเอาบารมีทั้ง ๑๐ มาสู้กับมารที่เข้ามาผจญในรูปแบบต่างๆ มาแล้ว คือ
ทาน
คือการให้ทรัพย์แก่คนไร้ทรัพย์
ศีล
คือการรักษาความสุจริตในไตรทวาร
เนกขัมมะ
คือการละจากกาม สละทรัพย์สมบัติ
และความสุขทุกอย่างในทางคฤหัสถ์ออกบรรพชา
ปัญญา
คือความรู้ในสิ่งที่ควรรู้ เช่น รู้ดีรู้ชั่ว รู้บุญรู้บาป
วิริยะ
คือความเพียรบากบั่นในทางที่เป็นคุณประโยชน์
ขันติ
คือความอดกลั้นทนต่อความโกรธ ไม่กระทำตอบหรือแก้แค้น
สัจจะ
คือความสัตย์ ซื่อตรง และจริงใจ
อธิษฐาน
คือความตั้งใจมั่น
เมตตา
คือความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเอ็นดูต่อคนหรือสัตว์ที่น่าสงสาร
อุเบกขา
คือความวางเฉยตั้งตัวเป็นกลาง
ไม่ยินดียินร้ายต่อความสุขหรือลาภของคนอื่น
หลวงปู่โทนท่านกล่าวอย่างอารมณ์ดีและเป็นกันเองกับญาติโยมทุกคน
ซึ่งในบางครั้งท่านก็หัวเราะชอบใจ เมื่อมีผู้ถามถูกใจท่าน เช่น
“หลวงปู่ให้หวยบ้างหรือเปล่า”
หลวงปู่โทนท่านจะหัวเราะและพูดตอบไปทันทีว่า
“ไม่เอา อาตมาไม่เอาด้วย ไม่รู้จักเลย”
หลวงปู่ท่านพูดทำเอาคนที่เอ่ยถามท่านพลอยไม่กล้าถามท่านถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
นำคนเข้าวัดด้วยธรรมะ
ในวันเข้าพรรษาของทุกปีที่วัดบูรพา
ชาวบ้านสะพือต่างก็พากันเข้าวัดเพื่อฟังธรรมจากหลวงปู่โทน
ซึ่งบางคนก็ได้ถืออุโบสถศีล ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด
ด้วยการนอนค้างที่วัดและปฏิบัติธรรมเจริญภาวนากับหลวงปู่
โดยเฉพาะชาวบ้านที่มีอายุมากจะพากันหันหน้าเข้าวัดกันเกือบหมด
เพราะหลวงปู่โทนท่านมีอุบายในการแสดงธรรม
ซึ่งเมื่อผู้ใดได้รับฟังแล้วต่างก็ซาบซึ้งและเข้าใจเป็นอย่างดี
หลวงปู่โทนท่านเทศนาว่า
“การรักษาศีลไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ และศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗
ผู้รักษาย่อมจะได้อานิสงส์ของการรักษาศีลนั้นๆ
ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ทรงตรัสเทศนาสรรเสริญ
ดังมีในพระบาลีที่พระองค์ตรัสเทศนาแก่พระอานนท์เถรเจ้าว่า
“ดูกร อานนท์ ศีลทั้งหลายนี้เป็นธรรมอันมิได้มีโทษ
เป็นธรรมอันนักปราชญ์ไม่พึงติเตียนได้
เป็นประโยชน์ และมิได้เดือดร้อนกินแหนงเป็นอานิสงส์”
หลวงปู่โทนท่านได้เทศนากล่าวอ้างถึงพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า
ถึงอานิสงส์ของการรักษาศีลว่า
ผู้ที่รักษาศีลของตนให้บริสุทธิ์จะได้รับอานิสงส์ ๕ ประการ คือ
๑. ผู้มีศีลรักษาศีลบริบูรณ์บุคคลผู้นั้นย่อมจะได้กองสมบัติเป็นอันมาก
บังเกิดขึ้นแก่ตน เพราะตนมิได้ประมาท
๒. ผู้มีศีลรักษาศีลให้บริบูรณ์ กิตติศัพท์กิตติคุณอันสุนทรียภาพไพบูลย์
ก็ย่อมจะฟุ้งเฟื่องไปในทิศานุทิศทั้งปวง
๓. ผู้มีศีลและยังศีลให้บริบูรณ์นั้น
จะไปสู่ชุมชนใดก็ย่อมองอาจแกล้วกล้าด้วยเหตุปราศจากโทษ
๔. ผู้มีศีลและบริสุทธิ์ด้วยศีลนั้น ย่อมประกอบไปด้วยความเลื่อมใสมิได้หลงลืมสติ
๕. ผู้มีศีลและบริบูรณ์ด้วยศีลนั้น
ครั้นตายไปก็จะได้ไปบังเกิดในมนุษย์สุคติและสวรรค์เทวโลกแล”
ที่มา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=46056
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
1
2
/ 2 หน้า
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ดูบอร์ด
มรดกธรรม เส้นทางสู่ทางสงบในชีวิตและจิตใจ
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...