ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
มรดกธรรม เส้นทางสู่ทางสงบในชีวิตและจิตใจ
»
ที่พึ่งอันประเสริฐสุด
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 1680
ตอบกลับ: 1
ที่พึ่งอันประเสริฐสุด
[คัดลอกลิงก์]
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-3-25 09:13
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
ที่พึ่งอันประเสริฐสุด
วันนี้เป็นเวลาฟังธรรมเพื่อจะได้ทำให้ใจสงบอีกจะอย่างไรก็ตามถึงใครจะไม่มาทำความสงบแต่วัดป่าพงก็ทำเช่นนี้เรื่อยๆไปถึงแม้เป็นฤดูร้อนฝน หนาว หรือฤดูอะไรก็ตามซึ่งมีพระผู้มีพระภาคเรียกว่าการอบรมบ่มนิสัยการประกาศวัตรปฏิบัติเป็นอกาลิโกไม่มีกาลไม่มีเวลา
การกระทำคุณงามความดีนั้นพวกเราควรมีประโยคพยายามทำไปเรื่อยๆเพราะว่าชีวิตและวันคืนเราท่านทั้งหลายไม่คงที่ยืนอยู่มันมีอาการไม่แน่นอนผลัดไป หมุนไปเปลี่ยนไปเรื่อยๆตลอดเวลาไม่รู้ว่าใครจะมีความสุขความทุกข์อะไรก็ตามทีกาลเวลานั้นก็เดินไปตามกระแสเวลาเรื่อยๆไปไม่มีหยุด
ชีวิตมนุษย์ก็เหมือนกันฉันนั้นใครจะสุข จะทุกข์จะหนุ่ม จะน้อยใครจะเจ็บ จะสบายหรือจะไข้หรือไม่สบายก็ตามที อาการของกาลเวลานี้ย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปอยู่อย่างนี้ถึงแม้พวกเราทั้งหลายยังไม่เกิดมาอาการของโลกก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่อย่างนี้ถึงแม้เราทั้งหลายมาประสบพบเห็นอาการของโลกก็หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงเป็นอยู่อย่างนี้ไม่มีการหยุดยั้งอันนี้เป็นเรื่องธรรมดาโลกเป็นอยู่อย่างนี้
ฉะนั้น พวกเราชาวพุทธทั้งหลายนั้นได้ปฏิญาณตนมีพระพุทธเจ้าพระธรรมเจ้าพระสงฆเจ้าเป็นสรณะที่พึ่งของเราทุกๆคนนั้นอันนี้ให้เราระลึกดูว่ามันจริงหรือเปล่ามันถูกแล้วหรือยังถ้าหากว่าเป็นพุทธบริษัทอย่างแท้จริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราแล้วนั้นจะไม่เป็นผู้กระทบกระเทือนในความเป็นอยู่ในโลกมันจะเย็น มันจะร้อนมันจะเผ็ด อะไรๆก็ตามมันจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของโลกมันเป็นไปความเห็นของเราทั้งหลายนั้นก็เห็นว่าเรื่องของโลกมันเป็นอยู่อย่างนี้ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักมันหรือไม่รู้จักมันมันก็เป็นอยู่อย่างนี้
แต่ความเป็นจริงนั้นคือการกระทำพระองค์เรียกว่ากรรมฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงให้นับถือพระพุทธพระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะที่พึ่งไม่นับถือสิ่งอื่นยิ่งกว่านี้นับถืออย่างอื่นได้เหมือนกันแต่ไม่ยิ่งกว่านี้จะเป็นที่อยู่อาศัยข้าวปลาอาหารทุกประการนั้นเราก็ถือว่าเป็นที่พึ่งของเราอยู่แต่ไม่ยิ่งกว่าพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ ทั้งสามนี้เป็นที่พึ่งเป็นสรณะแก่ชาวพุทธทั้งหลายผู้นับถือพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ถ้าหากว่าเราเป็นพุทธบริษัทที่ยอดเยี่ยมที่สมบูรณ์แล้วเราจะพากันสบายกายและสบายใจเรารู้กันอยู่แล้วว่าอาหารสองอย่างคืออาหารของกายอย่างหนึ่งของจิตใจอย่างหนึ่งอาหารของจิตนี้สำคัญมากถึงแม้ว่าจิตของเราคิดถูกแน่ใจเจ้าของดีว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วแล้ว ไม่ต้องให้ใครมาตัดสินให้เราพระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้จักตัวเราเองไม่ต้องไปนั่งทางในไปดูฤกษ์ยามไม่ต้องไปหาเทวดาอารักษ์ที่ไหนก็พระพุทธเจ้าท่านให้มองดูจิตของตัวเองนี้
จิตนี้เป็นผู้ทำงานส่วนรวมในส่วนที่เป็นรูป-นามนี้มีกาย ทั้งหมดมารวมตรงที่จิตเช่น ตาเรามองเห็นรูปหูฟังเสียงอย่างนี้ ตาเห็นรูปเราว่าสวยหูฟังเสียงไพเราะจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ไม่ใช่ตาเห็นรูปแล้วมันสวยนะไม่ใช่ตาเห็นสวยนะตาไม่รู้จักสวยหรอกมันรู้จักสีแดงสีดำ สีขาวเท่านั้นแหละมันไม่รู้จักความสวยงามเรื่องจิตเป็นคนทำงานจิตเป็นผู้รับภาระตามองเห็นเฉยๆเท่านั้นเอง
เปรียบประหนึ่งตาไฟฟ้ารถยนต์มันก็สว่างแต่ว่ารถยนต์ไม่สว่างมันสว่างแก่คนขับรถคนโดยสาร จะได้มองดูทิศทางแต่ความสว่างจ้านั้นมันมีอยู่แต่รถยนต์ไม่รู้เรื่องไม่เห็นอะไรอันนี้ก็เหมือนกันตาเรามองเห็นรูปเรารักสวยรักงามขึ้นมาไม่ใช่ว่าตามันสวยตามันงาม พอตามันมองเห็นแล้วก็มาวางไว้ในใจหูได้ยินแล้วมันก็มาวางไว้ในใจสารพัดอย่างตกลงแล้วว่าใจเป็นผู้ที่ทำงาน
เหมือนกับคนทำงานธนาคารนับแบงก์นับเงินทั้งวันแต่ไม่ได้เงินหยิบไปหยิบมาไม่รู้ว่ากี่หมื่นกี่แสนทั้งวันทั้งคืนไม่ได้เงินเงินเก็บไปรวมไว้ที่อื่นเสียเลยอันนี้ก็เช่นกันตา หู จมูก ลิ้นกาย แม้จะสัมผัสถูกต้องอะไรทุกอย่างก็จริงอยู่แต่ว่า ตา หูจมูก ลิ้น กายไม่ได้รับส่วนเพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้รวมมาให้จิตเป็นผู้ทำงาน
ดังนั้น พระบรมศาสดาจึงสั่งให้พวกเราทั้งหลายพากันพิจารณาจิตดูจิตให้ตามรักษาจิตของตน"ผู้ตามรักษาจิตของตนผู้นั้นจะพ้นจากบ่วงของมาร"ใครไม่เป็นผู้ตามรักษาจิตของตนก็ต้องเป็นผู้ถูกเขาหลอกลวงอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา
พระองค์จึงให้ภาวนาให้ทาน แล้วก็รักษาศีลรักษาศีลแล้วก็ต้องภาวนาให้ทานก็ดีรักษาศีลก็ดีถ้าไม่ได้ภาวนาแล้วก็ไม่สำเร็จประโยชน์ศีลก็ทำไม่ถูกทานก็ไม่ถูกเพราะไม่พิจารณาภาวนาหาเหตุผลหลักการพิจารณานี้เรียกว่าการภาวนา
ให้รู้เรื่องว่ามันเกิดจากอะไรมันเป็นอะไรเช่นว่าจิตของเรามันเป็นทุกข์อย่างนี้มันทุกข์จากอะไรใครให้มันเป็นทุกข์มันคิดอย่างไรจึงเป็นทุกข์ต้องตามไปอย่างนั้นถ้าเป็นสุขเพราะอะไรมันถึงเป็นสุขมันสุขมาจากอะไรอะไรทำให้ใจเราเป็นสุขในส่วนที่เป็นจริงในสิ่งเหล่านี้มิใช่ว่ามันจะสุขขึ้นมาลอยๆมันทุกข์ขึ้นมาลอยๆไม่ใช่อย่างนั้นมันต้องมีเหตุคล้ายๆร่างกายเราเราจะเกาก็เพราะมีที่คันทำไมมันถึงคันคงมีเหตุ คือแมลงกัด หรือไม้แทงจึงมีความรู้สึกแล้วก็คันเราจึงได้เกาเกาแล้วจึงหมดปัญหานั้นไป
ทุกสิ่งทุกประการก็เหมือนกันฉันนั้นจิตของเรานี้จะมีความสุขมีความทุกข์อะไรต้องมาจากเหตุไม่ใช่ว่ามันเกิดมาเฉยๆถ้าเราไม่พิจารณามันก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกับลิงมันจะกระโจนทำอะไร ก็ทำไปตามเรื่องของมันเฉยๆธรรมดาของลิงเป็นเช่นนั้นเราก็เหมือนกันจิตเป็นอย่างไรก็ปล่อยไปตามความนึกคิดของตัวเอง
มนุษย์เรามีมันสมองดีกว่าสัตว์พระองค์จึงให้พิจารณาภาวนาทั้งทางกายทางใจ จะทำอะไรก็ให้เป็นผู้ที่มีความยับยั้งให้เป็นผู้พิจารณาอย่าทำแต่ว่ารู้สึกแล้วก็พูดไปทำไปจะเสียคน ไม่เป็นคนที่อยู่ในลักษณะที่ว่ามีพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ควบคุมอยู่
เราขึ้นอยู่ต่อพระรัตนตรัยคือ พระพุทธพระธรรม พระสงฆ์อยู่แล้ว จึงให้เป็นผู้มีปัญญาว่องไวเราโกรธขึ้นมากๆมันสบายไหมเราอยากได้มากๆมันสบายไหมเราโกหกคน มันสบายไหมทำผิดมันสบายไหมไม่สบายทำไมไปทำมันล่ะใครบังคับให้ไปทำในสิ่งที่ไม่สบายสิ่งที่ไม่สบายมันก็ทำผิดมันไม่ถูกมันก็บาปมันก็ตกนรกสิ่งที่มันทุกข์เราไม่ชอบจะทำและไม่ชอบจะเอามันทำไมเราถึงไปคิดให้มันทุกข์คิดทำไมใครบังคับให้เราทุกข์อย่างนั้น
เราต้องควรคิดพิจารณาดูเหอะ เราจะนั่งก็หาที่สบายๆจะนอนก็หาที่สบายๆจะกินก็หาที่อร่อยๆทุกอย่างจะเอาสบายๆทั้งนั้นแต่ทำไมถึงได้ปล่อยใจของเราให้เป็นทุกข์สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ทำไมถึงตามมันไปละความโลภความโกรธความหลงมันเกิดขึ้นมาทำให้เราทุกข์ทำไมเราถึงไม่เชื่อพระพุทธเจ้าทำไมเราไม่นับถือพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ทำไมจึงไปนับถือโลภโกรธหลงเป็นอาจารย์ของเรามันจะเป็นพุทธบริษัทได้อย่างไร
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-3-25 09:14
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ถ้าพิจารณาเห็นความแจ่มชัดในจิตของตนเองแล้วจะสบายเรามาวัดก็เพื่อวัดดูจิตวัดดูใจ วัดธรรมะคำสอนที่พระพุทธเจ้าท่านเทศน์ไว้ที่ครูบาอาจารย์สอนเสมอๆว่ากายวาจา จิตของตนนี้ อยู่ที่กายวาจา จิตนี้ท่านให้มองเห็นโลกที่เราอยู่ทุกวันนี้ทำไมมันจึงเป็นเช่นนี้เคยคิดไหม
เกิดมาทุกๆคนอยากเกิดมาอยากเกิดแต่ไม่อยากตายขอแล้วขอเล่าไม่อยากจะตายเมื่อเจ็บไข้ก็โศกเศร้าร้องไห้ แต่ไม่รู้ว่าเรานี้สมัครมาตายกันไม่รู้เรื่องมีใครรู้สึกบ้างว่าเรามาสมัครตายกันบ้างไม่ได้คิด เมื่อเข้าโรงพยาบาลนึกถึงความตายร้องไห้เสียใจแล้วแต่ความเป็นจริงเรามาทำงานโดยตรงแล้วเราสมัครตายเราจึงเกิดเป็นเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเราจะหลีกไปทางไหนละไม่มีที่หลีกเลี่ยงแล้วมันต้องเป็นจริงอย่างนี้เรียกว่าภาวนา
ถ้าเราเห็นอย่างนี้ก็ยอมแล้วมันจะเป็นอะไรๆก็ช่างมันเถอะทำคุณงามความดีไว้ก็พอแล้วในโลกนี้ก็มีแต่เรื่องมาสะกิดมาทิ่มแทงให้เราเป็นทุกข์อยู่ทั้งนั้นแหละคนนั้นว่าให้อย่างนี้อย่างนั้น เป็นธรรมดามีแต่เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ฉะนั้นจะได้ไปวัดฟังธรรมก็หาโอกาสก่อนเพราะมัวแต่ยุ่งกับสิ่งเหล่านี้ผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยจนตายก็ไม่ได้ไปไม่ใช่ว่าเราจะยุ่งกับสิ่งดีอะไรเลย
การภาวนา ให้รู้เรื่องของความเป็นจริงแล้วจะทำที่ไหนก็ได้เรื่องเกิดแก่ เจ็บ ตายเราก็รู้ว่าเมื่อเกิดตายก็ตามเรามาหยิบเกิดก็ติดตายทันทีหนีไปจากนี้ไม่ได้เลยต้องยอมรับว่าเป็นอย่างนี้เรามาสมัครตายก็ต้องยอมรับถ้าไม่ยอมรับต้นกับปลายก็ไม่ตรงกันยอมรับอนิจจังทุกขัง อนัตตาความสุข ความทุกข์ว่าของมันเป็นคู่อย่างนี้
จะไปที่ไหนก็ตามมันก็เป็นแต่เรื่องสมมุติเอาโลหะ ตะกั่ว ดีบุกทอง มันแยกกันออกไปเราตั้งชื่อให้มันจะเอาทองคำเป็นตะกั่วมันก็เป็นตะกั่วจะเอาตะกั่วเป็นทองคำมันก็เป็นทองคำให้เราจะว่าไปก็ไม่จบสักอย่างเพราะสิ่งที่เป็นอยู่ในโลกนี้มันเป็นอยู่อย่างนี้เราก็มาเรียกว่าอันนี้มีราคาอันนี้ไม่มีราคาอันนี้ฉันชอบอันนี้ฉันไม่ชอบอันนี้ของเราอันนี้ของเขาวุ่นวาย
สมมุติแล้วก็ติดสมมุติอยู่นั่นแล้วเหมือนแมลงวันตอมน้ำผึ้งจนตัวเองตายเพราะเพลิดเพลินในความหวานนั่นเองอันนี้ก็ตายอยู่ที่ลูกของเราตายอยู่ที่หลานของเรารวมความว่าอะไรๆก็ตายอยู่ที่ของเราทั้งนั้นแหละคิดดูเอาเถิดเราพิจารณาไม่ถึงก็ยังไม่ยอมถ้ามีคนทายถูกว่าคนนั้นๆตายภายในเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้นเท่านี้ทายถูกมาแล้วบัดนี้มาทายคนอีกคนว่าอีก๑๕ วันตาย คงจะอยู่ไม่ได้แล้วนะรีบวิ่งเข้าวัดทันทีทิ้งบ้านช่องข้าวของ ลูกเมียทันที ไม่ห่วงอะไรแล้ว
ถ้าเราภาวนาได้ว่าเราตายแน่ๆก็ยอมรับแล้วไม่โกงมีแต่จะทำความดีที่พระท่านสอนว่าไม่ใช่ของเราไม่ใช่ตัวตนของเราฟังเฉยๆเท่านั้นเองไม่ยอมรับจริงจังรู้ไหมรู้ แต่รู้ไม่ถึงถ้ารู้...จะยอมรับแล้วก็ปฏิบัติดังนั้นโลกเราจึงเป็นเช่นนี้เรามาเห็นผิดกันเสียถ้ารู้ว่ารูปังอนิจจังรูปไม่เที่ยงอย่างนี้ ความชั่วก็ไม่ทำแล้วไม่ประมาท ทำเสร็จหมดแล้วพอแล้ว พอหมดทุกอย่างพอดี หนาว ร้อนทุกข์ สุข รวยจน พอดี ฉะนั้นธรรมะจึงไม่เข้าสู่ใจเราท่านทั้งหลายถ้าหากว่าเป็นคนพอมันถูกหมด รูปพอกายพอ จิตใจพอกายนี้ไม่เที่ยงรูปนี้ จิตใจนี้ไม่เที่ยงไม่มีอะไร มีแต่ของอย่างนั้นเกิดขึ้น ตั้งอยู่เปลี่ยนไป
คือเราไม่รู้จักทุกข์เหตุแห่งทุกข์ไม่รู้จักความดับแห่งทุกข์ไม่รู้จักข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งทุกข์การปฏิบัติธรรมะคือทำไปเรื่อยๆอย่างเช่นเรามีความรู้ชนิดนี้ปฏิบัติไปจนวันตายท่านให้รู้อย่างนี้เบื่อหน่ายๆไม่ต้องมองอื่นไกลหรอกรอบตัวเรานี่แหละตั้งแต่เกิดมาใครๆรอบตัวเรานี้เราก็มองเห็นอนิจจังทั้งนั้นถึงเวลาก็ทิ้งเราจะแบกของที่กินไม่ได้ทำไมทุกข์เปล่าๆ
มันไม่เห็นง่ายๆธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ทิ้งไปแต่มันเป็นสิ่งที่เราจะต้องเอาเสียด้วยท่านอะไรจำไม่ได้ไปหาพระพุทธเจ้าคนทั่วไปเขาว่าสวยเป็นหนึ่งพระพุทธเจ้าท่านว่าไม่สวยพระองค์ว่าไม่สวยโกรธให้พระองค์ไม่ยอมรับ มันติดพระพุทธเจ้าว่าไม่สวยมันมองไม่เห็นคือจิตไม่พิจารณาให้เห็นผลที่สุด มาเห็นอสุภะจนบรรลุธรรม
หญิง ชาย คนหนุ่มแก่ ความเป็นหนุ่มมันปิดบังความแก่ไว้หมดเมื่อถึงเวลาแล้วมันปิดไม่ไหวถ้าอายุมากจะโผล่มาให้เห็นเองถ้าพูดถึงร่างกายนี้แล้วเหมือนกันหมดไม่มีใครเกินใครจะไม่มีทิฏฐิมานะเลยยิ่งดูโครงกระดูกแล้วไม่ผิดกันเลยไม่บอกว่าหญิงชาย หนุ่ม แก่จะเหมือนกันหมดแล้วจะมีอะไรอีกไม่มีความหมายถ้าเอามาเปรียบตัวเราแล้วเราก็สวย ก็ดีกว่าเพราะมีเนื้อหนังปิดไว้พอมีแต่โครงกระดูกเท่านั้นไม่แตกต่างกันเลยไปที่ไหนก็เหมือนกันหมดคนรวยคนจนหญิงชายเด็กหนุ่มแก่มีแต่ความดีเท่านั้นควรทำให้มากฯ
*******************
ที่มา
http://www.ubu.ac.th/wat/ebooks/ ... e_Recollection.html
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...