ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
สุนทรภู่ยอดกวี ผู้มากเมา
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 2330
ตอบกลับ: 0
สุนทรภู่ยอดกวี ผู้มากเมา
[คัดลอกลิงก์]
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-3-15 08:37
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
สุนทรภู่ยอดกวี ผู้มากเมา
อนุสาวรีย์สุนทรภู่ที่ จังหวัดระยอง
วันจันทร์ เดือน 8 ขึ้น 1 ค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช 1148 หรือวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 เวลา 2 โมงเช้า(แปดนาฬิกา) ในสมัยรัชกาลที่ 1 หลังสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ได้ 4 ปี (26 มิ.ย.50 ที่ผ่านมา ถือเป็นวันสุนทรภู่)
สองผัวเมียที่เพิ่งตกล่องปล่องชิ้นเป็นครอบครัวกันใหม่ๆในย่านวังหลัง คลองบางกอกน้อย ได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งขึ้นมา พร้อมๆกับตั้งชื่อบุตรชายคนนั้นว่า
“ภู่”
สุนทรภู่ครูฉัน เกิดวันจันทร์ปีม้า
ยี่สิบหกมิถุนา เมื่อเวลา 8 น.
จากหนังสือ สุนทรภู่ : มหากวีกระฎุมพี(ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ)
หลังเด็กชายภู่ถือกำเนิดได้มีผู้ผูกดวงชะตาพร้อมฟังธงว่า ดวงชะตาของเด็กคนนี้ตรงกับ
“อาลักษณ์ขี้เมา”
ซึ่งก็แม่นไม่น้อยทีเดียว
เพราะดูเหมือนว่าเด็กชายภู่เมื่อเติบใหญ่ จนได้รับการยกย่องให้เป็น
“พระสุนทรโวหาร”
หรือที่นิยมเรียกกันแบบสามัญว่า
“สุนทรภู่”
หนึ่งในกวีเอกแห่งสยามประเทศนั้น ชั่วชีวิตของท่านล้วนต่างเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเมาๆอยู่เป็นนิจ
ดังคำที่
“พระราชธรรมนิเทศ”
ได้ร้อยรจนาบทกลอนด้วยความรักใคร่และยกย่องท่านสุนทรภู่ว่า
สุนทรภู่ครูกวีมีชื่อนัก
ว่าเมาเหล้าเมารักเมาอักษร
ทั้งสามเมาเข้าอิงสิง “สุนทร”
ไม่มีวันพักผ่อน หย่อนใจกาย
ถ้าไม่เมาสุราหรือนารี
ก็เมาการกวีเป็นที่หมาย
ในชีวิตตั้งแต่ต้นจนถึงปลาย
“ภู่”ๆไม่วายว่างเว้นเป็นคนเมา
เมาเหล้า...
เป็นที่รู้กันดีในบรรดาผู้ที่ติดตามเรื่องราวของสุนทรภู่ว่า ท่านเป็นนักดื่มสุราตัวฉกาจชนิดหาตัวจับยาก และดื่มอยู่เป็นนิจตั้งแต่เริ่มหนุ่มไปจนถึงช่วงบั้นปลาย ประมาณว่าเป็นน้ำเมาเป็นน้ำทิพย์ จะมีว่างเว้นบ้างก็เห็นจะเป็นยามที่ท่านบวชเป็นพระเท่านั้น
แน่นอนว่าหากใครที่ดื่มเหล้าแบบมากมายเกินพอดี ผลเสียย่อมตกแก่ตัวเองเป็นอันดับแรก สำหรับท่านสุนทรภู่ก็เช่นกัน ไม่มีข้อยกเว้นแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าการเมาของสุนทรภู่ในหลายๆครั้งก็ถือว่าเป็นคุณต่อวงการกวีอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อท่านดื่มแบบกำลังดีจนเกิดอารมณ์กวีหรืออารมณ์ศิลปินลุกโชนท่านก็จะร้อยรจนาถ้อยคำออกมาเป็นบทกลอน บทกวี ยิ่งท่านเป็นนักเลงทางเพลงด้วยแล้ว พอเหล้าเข้าปากเมากรึ่มๆได้ที่ ก็คงด้นกลอนปร๋อทีเดียว ถึงขนาดมีคนว่ากันว่าในบางครั้งท่านสามารถบอกนิทานกลอนสองเรื่องสลับกันไป-มาได้ในครั้งเดียวแน่ะ
เรื่องการดื่มของสุนทรภู่นี้ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเล่าไว้ในบันทึกประวัติสุนทรภู่ว่า เมื่อสุนทรภู่คิดกลอน ถ้าได้ดื่มเหล้าเข้าไป จะคิดกลอนคล่องถึงขนาดสองคนจดไม่ทัน นอกจากนี้สมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯยังเล่าว่า เคยๆได้ยินผู้อื่นเล่าถึงวิธีการแต่งกลอนของสุนทรภู่ว่า มีข้าหลวงหรือชาววังถือเหล้าไปหาสุนทรภู่ขวดหนึ่ง แล้วบอกสุนทรภู่ว่า “เสด็จให้มาเอาเรื่อง” จากนั้นสุนทรภู่ก็เริ่มกินเหล้าพลาง บอกเรื่องพลาง แล้วข้าหลวงก็ได้เรื่องไปถวายทันที
นี่ย่อมแสดงให้ว่า สุนทรภู่ท่านเป็นอัจฉริยะด้านกาพย์กลอนอย่างแท้จริง แถมบางครั้งยิ่งเมามาย ความเป็นอัจฉริยะกลับยิ่งเพิ่มพูน
ส่วนหากพูดถึงความเป็นนักดื่มของท่านสุนทรภู่แล้ว ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ระบุว่าท่านดื่มหนักมากๆตอนที่มีอายุได้ราว 40 ปีเศษ เห็นจะได้ ส่วนที่ยังคลุมเครือก็เห็นจะเป็นเรื่องการเลิกเหล้าของสุนทรภู่ เพราะบันทึกบางเล่มก็ระบุว่าท่านดื่มไปตลอดชีวิต แม้กระทั่งถูกจับติดคุกในสมัยรัชกาลที่ 2 เพราะสุรา แต่พอออกมาก็ยังคงดื่มอยู่ ในขณะที่บางตำราระบุว่าสุนทรภู่ท่านน่าจะดื่มอย่างหนักในสมัยวัยหนุ่มที่กำลังคึกคะนอง และสามารถเลิกเหล้าได้เด็ดขาดในบั้นปลาย เพราะหากเป็นคนขี้เมาจริงๆก็คงไม่อาจสร้างสรรค์วรรณกรรมอันยอดเยี่ยมได้มากมาย
มีเรื่องน่าแปลกในความเป็นนักดื่มของสุนทรภู่อย่างหนึ่งก็คือ บทกวีที่ท่านแต่ง กลับกลายเป็นบทกวีเตือนใจเกี่ยวกับสุราเมรัยเสียมากกว่า เช่นในสุภาษิตสอนหญิงที่กล่าวว่า
คิดถึงตัว หาผัว นี้แสนยาก
มันชั่วมากนะอนงค์อย่าหลงใหล
คนสูบฝิ่นกินสุราพาจัญไร
แม้นหญิงใดร่วมห้องจะต้องจน
หรือบทกลอนสุดคลาสสิคที่สอนใจและชี้ให้เห็นถึงโทษของเหล้าอย่าง
ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันขโมง
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย
ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ
พระสรรเพชญ์โพธิญาณประมาณหมาย
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย
ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินจนเกินไปฯ
(นิราศภูเขาทอง)
แต่ถึงจะกินเหล้ามามากแค่ไหนหากวันรุ่งขึ้นไม่ถอนก็ย่อมมีแฮงก์และสร่าง ที่อาจจะมีปวดหัวทรมาน อ้วกแตกอ้วกแตนบ้าง แต่ว่าต่อให้เมาขนาดไหน สำหรับสุนทรภู่แล้ว ยังไงๆมันก็ไม่เท่ากับอาการ
“เมารัก”
หรอก
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน
(นิราศภูเขาทอง)
ที่มา..
http://www.oknation.net
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...