ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 23110
ตอบกลับ: 5
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

"พระแม่ธรณี"

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย oustayutt เมื่อ 2013-4-12 12:24

ในวาระขึ้นบ้านใหม่ขออัญเชิญ "แม่ธรณี" มาเป็นมงคลแก่บ้านหลังนี้ครับ



จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


พระแม่ธรณี หรือ แม่พระธรณี หรือ พระศรีวสุนธรา เป็นเทพีแห่งพื้นแผ่นดิน ปรากฏในตำนานทั้งศาสนาพราหมณ์, ฮินดู และพุทธศาสนา
ในคติของศาสนาฮินดูให้ความเคารพนับถือว่าแผ่นดินเป็นสิ่งค้ำจุนสรรพสิ่งทั้งปวงในโลกเปรียบเสมือนมารดาผู้ให้กำเนิดหล่อเลี้ยงโลกและแผ่นดิน จึงได้รับยกย่องว่าเป็นเทพจากธรรมชาติองค์หนึ่งเป็นเพศหญิง เรียกนามว่า "ธรณิธริตริ" แปลว่า "ผู้ค้ำจุนพระธรณี" แม้จะมิค่อยมีรูปเคารพอย่างแพร่หลายเช่นเทพองค์อื่นแต่ก็มีผู้ให้ความเคารพนับถือเป็นจำนวนมิใช่น้อย เพราะถือกันว่าพระธรณีสถิตย์อยู่ตามที่ต่าง ๆ ทุกหนทุกแห่ง จะทำการบูชาด้วย ข้าว ผลไม้ และนมด้วยการวางไว้บนก้อนหิน หรือประพรมลงบนพื้นดิน บางแห่งใช้เหล้าเป็นการสังเวยก็มี นอกจากนี้ชาวฮินดูยังมีการขอขมาลาโทษเมื่อจะวางเท้าลงบนพื้นดินก่อนจะลุกขึ้นในตอนเช้า วัวหรือควายที่มีลูกก่อนที่จะให้ลูกกินนมครั้งแรก เจ้าของจะปล่อยน้ำนมของแม่วัวลงบนพื้นดินเสียก่อนทุกครั้งไป ถ้าเป็นพวกชาวนาก็จะขอให้พระธรณีช่วยคุ้มครองผืนนาและวัวควาย แม้ในพระเวทก็มีการขอร้องต่อพระธรณีให้ช่วยพิทักษ์คุ้มครองวิญญาณของคนตาย และต่อมาได้นับถือว่าเป็นเทพแห่งไร่นาด้วย ในแคว้นปัญจาบเชื่อกันว่าพระธรณีจะนอนหลับเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ของทุก ๆ เดือนชาวไร่ชาวนาจะหยุดไม่ทำงานในระยะนี้


ในพุทธศาสนา พระแม่ธรณีปรากฏกายเพื่อบีบน้ำจากมวยผมให้ท่วมพญามารที่รังควานสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนวันตรัสรู้
ดั่งรายละเอียดตามพระนิพนธ์ใน
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสว่า

แต่ในชาติอาตมะเป็นพระยาเวสสันดรชาติเดียวนั้น ก็ได้บำเพ็ญทานบารมีถึงบริจาคนางมัทรีเป็นอวสาน พื้นพสุธาก็กัมปนาการถึง 7 ครั้ง แลกาลบัดนี้ อาตมะนั่งเหนืออปราชิตบัลลังก์อาสน์ หมู่มารอริราชมาแวดล้อมยุทธการเป็นไฉนแผ่นพสุธาธารจึงดุษณีภาพอยู่ฉะนี้ แลพระยามารอ้างบริษัทแห่งตนให้เป็นกฎสักขีขานคำมุสา แลพื้นปฐพีอันปราศจากเจตนาได้สดับคำอาตมะในครั้งนี้จงรับเป็นสักขีพยานแห่งข้า แล้วเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาอันประดับด้วยจักรลักษณะอันงามดุจงวงไอยรารุ่งเรืองด้วยพระนขามีพรรณอันแดงดุจแก้วประพาฬออกจากห้องแห่งจีวร ครุวนาดุจวิชุลดาในอัมพรอันออกจากระหว่างห้องแห่งรัตวลาหก ยกพระดัชนีชี้เฉพาะพื้นมหินทรา จึงออกพระวาจาประกาศแก่นางพระธรณีว่า ดูก่อนวนิดาดลนารี ตั้งแต่อาตมะบำเพ็ญพระสมภารบารมีมาตราบเท่าถึงอัตภาพเป็นพระเวสสันดรราช ได้เสียสละบุตรทานบริจาคแลสัตตสดกมหาทานสมณะพราหมณาจารย์ผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งจะกระทำเป็นสักขีพยานในที่นี้ก็มิได้ มีแต่พสุนธารนารีนี้แลรู้เห็นเป็นพยานอันใหญ่ยิ่ง เป็นไฉนท่านจึงนิ่งมิได้เป็นพยานอาตมาในกาลบัดนี้
ในขณะนั้น นางพสุนธรีวนิดาก็มิอาจดำรงกายาอยู่ได้ ด้วยโพธิสมภารานุภาพยิ่งใหญ่แห่งพระมหาสัตว์ ก็อุบัติบันดาลเป็นรูปนารี ผุดขึ้นจากพื้นปฐพียืนประดิษฐานเฉพาะพระพุทธังกุรราช เหมือนดุจร้องประกาศกราบทูลพระกรุณาว่าข้าแต่พระมหาบุรุษราช ข้าพระบาททราบซึ่งสมภารบารมีที่พระองค์สั่งสมอบรมบำเพ็ญมา
แต่น้ำทักษิโณทกตกลงชุ่มอยู่ในเกศาข้าพระพุทธเจ้านี้ ก็มากกว่ามากประมาณมิได้ ข้าพระองค์จะบิดกระแสใสสินโธทกให้ตกไหลหลั่งลง จงเห็นประจักษ์แก่นัยนาในครานี้ แลนางพระธรณีก็บิดน้ำในโมลีแห่งตน อันว่ากระแสชลก็หลั่งไหลออกจากเกศโมลีแห่งนางพสุนธรีเป็นท่อธารมหามหรรณพ นองท่วมไปในประเทศที่ทั้งปวงประดุจห้องมหาสาครสมุทร พระผู้เป็นเจ้ารักขิตาจารย์จึงกล่าวสารพระคาถาอรรถาธิบายความก็เหมือนนัยกล่าวแล้วแต่หลัง
ครั้งนั้น หมู่มารเสนาทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้ ก็ลอยไปตามกระแสน้ำปลาตนาการไปสิ้น ส่วนคิรีเมขลคชินทรที่นั่งทรงองค์พระยาวัสวดีก็มีบาทาอันพลาดมิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้ ก็ลอยตามชลธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร อันว่าระเบียบแห่งฉัตรธวัชจามรทั้งหลาย ก็ทักทบท่าวทำลายล้มลงเกลื่อนกลาดและพระยามาราธิราชได้ทัศนาการเห็นมหัศจรรย์ ดังนั้น ก็บันดาลจิตพิศวงครั่นคร้ามขามพระเดชพระคุณเป็นอันมาก พระคันถรจนาจารย์จึงกล่าวพระคาถาสรรเสริญคุณานุภาพโพธิสัตว์อรรถาธิบายความก็ซ้ำหนหลัง
ครั้งนั้นมหาปฐพีก็ป่วนปั่นปานประหนึ่งว่าจักรแห่งนายช่างหม้อบันลือศัพท์นฤนาทหวาดไหวสะเทือนสะท้าน เบื้องบนอากาศก็นฤโฆษนาการ เสียงมหาเมฆครืนครั่นปิ่มปานจะทำลายภูผาทั้งหลาย มีสัตตภัณฑ์บรรพต เป็นต้น ก็วิจลจลาการขานทรัพย์สำเนียงกึกก้องทั่วทั้งท้องจักรวาล ก็บันดาลโกลาหลทั่วสกลดังสะท้าน ปานดุจเสียงป่าไผ่อันไหม้ด้วยเปลวอัคคี ทั้งเทวทุนทุภีกลองสวรรค์ก็บันลือลั่นไปเอง เสียงครืนเครงดุจวีหิลาชอันสาดทิ้ง ถูกกระเบื้องอันเรืองโรจน์ร้อนในกองอัคนี การอัสนีบาตก็ประหารลงเปรี้ยง ๆ เพียงพื้นแผ่นปฐพีจะพังภาคดังห่าฝน ถ่านเพลิงตกต้องพสุธาดลดำเกิงแสงสว่างหมู่มารทั้งหลายต่าง ๆ ตระหนกตกประหม่า กลัวพระเดชานุภาพแพ้พ่าย แตกขจัดขจายหนีไปในทิศานุทิศทั้งปวงมิได้เศษ แลพระยามาราธิราชก็กลัวพระเดชบารมี ปราศจากที่พึ่งที่พำนักซ่อนเร้นให้พ้นภัยหฤทัย ท้อระทดสลดสังเวชจึงออกพระโอษฐ์สรรเสริญพระเดชพระคุณพระมหาบุรุษราชว่า ดังอาตมาจินตนาการอันว่าผลทานศีลสรรพบารมีแห่งพระสิทธัตถกุมารนี้ ปรากฏอาจให้บังเกิดมหิทธฤทธิ์สำเร็จกิจมโนรถปรารถนาทุกประการ มีพระกมลเบิกบานแผ่ไปด้วยประสาทโสมนัส จึงทิ้งเสียซึ่งสรรพาวุธประนมหัตถ์ทั้ง 2,000 อัญชลีกรนมัสการ ก็กล่าวสารพระคาถาว่า นโม เต ปุริสาชญญ เป็นอาทิ อรรถาธิบายความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ปุริสาชาไนยชาติเป็นอุดมบุรุษราชในโลกนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายวันทนาการชุลีพร้อมด้วยทวารทั้ง 3 คือกายวจีมโนประณามประณตในบทบงกชยุคลบาท บุคคลผู้ใดในมนุษย์โลกธาตุกับทั้งเทวโลก ที่จะปูนเปรียบประเสริฐเสมอพระองค์คงเทียมเทียบนั้นมิได้มี พระองค์ได้ตรัสเป็นพระศรีสรรเพชญ์เสร็จแจ้งจตุราริยสัจจ์ศาสดาจารย์มีพระเดชครอบงำชำนะหมู่มาร เป็นปิ่นปราชญ์ฉลาดในอนุสัยแห่งสรรพสัตวโลกจะข้ามขนนิกรเวไนย์ให้พ้นจตุรโอฆกันดารบรรลุฝั่งฟากอมฤตมหานฤพานอันเกษมสุขปราศจากสังสารทุกข์ในครั้งนี้ แลพระยาวัสวดีมารโถมนาการพระคุณพระมหาบุรุษราชด้วยจิตประสาทเลื่อมใส ผลกุศลนั้นจะตกแต่งให้ได้ตรัสแก่พระปัจเจกโพธิญาณในอนาคตกาลภายหน้า เมื่อพระยามารกล่าวสัมภาวนากถาสรรเสริญคุณพระโพธิสัตว์ แล้วก็นิวัตตนาการสู่สกลฐานเทวพิภพ



ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-12 12:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



ลักษณะของพระแม่ธรณี


ตามที่ปรากฏ โดยมากมักจะเป็นรูปเทวดาผู้หญิง มีรูปร่างอวบใหญ่ ล่ำสันอย่างได้สัดส่วน หรือในบางแห่งจะมีรูปร่างอ้อนแอ้น มีความงามประดุจเทพธิดา นั่งในท่าคุกเข่า แต่ยกเข่าขวาขึ้นสูงกว่าเข่าซ้าย บางแห่งสร้างให้อยู่ในท่ายืน แต่ที่เหมือนกันก็คือมวยผมปล่อยยาว มือขวายกข้ามศีรษะไปจับไว้ที่โคนมวยผม ส่วนมือซ้ายจับมวยผมแสดงท่ากำลังบิดให้สายน้ำไหลออกมาจากมวยผมนั้น ส่วนเครื่องทรงไม่มีแบบแผนที่แน่นอนตายตัว ตามแต่จินตนาการของผู้สร้าง บางแห่งสวมพัตราภรณ์เฉพาะช่วงล่าง แต่บางแห่งทั้งนุ่งผ้าจีบและห่มสไบอย่างสวยงาม ประดับเครื่องถนิมพิมพาภรณ์มีกรอบหน้าและจอนหู เป็นต้น

พระแม่ธรณีเป็นเทวดาอีกองค์หนึ่งที่ได้รับความนิยมบูชาของคนไทย มักเป็นสัญลักษณ์แห่งแผ่นดิน ดั่งปรากฏในวรรณคดีไทย เช่น โคลงของศรีปราชญ์ก่อนถูกประหารที่กล่าวว่า
ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง ฯ

เป็นสัญลักษณ์ของหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ เช่น
การประปานครหลวง, พรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น

ภาพ
จิตรกรรมฝาผนังของพระแม่ธรณีที่กล่าวกันว่างดงามที่สุด คือ ภาพพระแม่ธรณีบีบมวยผมเหนือบานประตูอุโบสถวัดชมภูเวกจังหวัดนนทบุรี ได้รับการยอมรับว่ามีชิวิตชีวา มีแขนดังลำเทียน งอเหมือนอย่างแขนนางรำ แต่มีความแข็งแร็ง อวบอิ่มไปทั้งเรือนร่าง นิ้วมือเรียวงาม นิ้วกลางและนิ้วนางข้างขวาที่ขดเป็นดังก้นหอย ซึ่งเป็นจิตรกรรมแบบสกุลช่างนนทบุรี

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-27 16:32 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คุณรัตนาได้เข้าไปสัมผัสกับ “แม่พระธรณี” ตลอดจนความเป็นมาขององค์ท่าน จะเป็นเรื่องของประสบการณ์ตรง ที่คุณรัตนาได้พบกับ “ปาฏิหาริย์” จาก “องค์แม่พระธรณี” ด้วยตนเอง กระทั่งได้พบเห็นความจริงอันเหลือเชื่อในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่เชื่อว่า ณ ที่นั้นจะมี “ขุมทรัพย์มหาศาลของแผ่นดิน” อยู่จริง

ประสบการณ์ตรงในการสัมผัส “แม่พระธรณี” ของคุณรัตนาเกิดขึ้นในราวเดือนพฤษภาคม ปี ๒๕๔๑ ขณะที่คุณรัตนาและสามีคือ คุณประสาร มฤคพิทักษ์ กำลังสื่อกับแม่พระธรณีผ่านทาง “ถ้วยแก้ว” โดยคุณสุวรรณาเป็นผู้ทำพิธี ครั้งนั้นก็มีบุตรสาวของอดีต ส.ส.ท่านหนึ่งร่วมคุยอยู่ด้วย และจู่ๆ แม่พระธรณี ท่านก็สื่อมาว่า “วันนี้แม่จะช่วยให้หลานมีตังค์สองสิบหมื่น (สองแสนบาท) เพราะจะให้ลูกเชื่อสนิทใจว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกนี้มีจริง”

ไม่ทันขาดคำ ลูกชายคนโตของคุณรัตนาและคุณประสาร มฤคพิทักษ์ ก็เพจมาบอกว่า “ช่วยโทร. กลับจะแจ้งเรื่องทุน” คุณประสารจึงรีบโทรกลับทันที และก็ได้รู้ว่าลูกชายสอบชิงทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ได้ทุนจากมหาวิทยาลัยปีละสองแสนบาท  ตลอด ๔ ปีการศึกษา

ปรากฏการณ์มหัศจรรย์ครั้งนี้เป็นปริศนาว่า ทำไมแม่พระธรณีท่านถึงรู้ ? คุณรัตนาและคุณประสารไม่เคยปริปากบอกใครเลยว่าลูกชายเข้าสอบชิงทุนการศึกษา เพราะเหตุนี้คุณรัตนาจึงเชื่อว่าแม่พระธรณีมีจริง กระทั่งกล้าออกมายืนยันเรื่องราวทั้งหมด และได้เขียนหนังสือ “เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ” เปิดเผยความมีอยู่จริงของแม่พระธรณีขึ้นมาเผยแพร่ให้คนไทยได้รับรู้ โดยแม่พระธรณีสื่อผ่านคุณรัตนาไว้หลายเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยของเราว่า

“...ยุคนี้ยุคสุดท้ายแล้ว เพลานี้พังหมดแล้ว หันไปทางไหนมีแต่ผ้าเหลืองขาดวิ่น ข้าวยากหมากแพงกำลังจะเกิดเลือดท่วมแผ่นดิน แม่จะช่วยชาติไทยให้อยู่ได้ ที่พึ่งสุดท้ายคือ “แผ่นดิน” ไม่ใช่วัตถุอีกต่อไป สักวันต้องมีทางสว่างถึงเหมือง...”

“เหมือง” ของแม่พระธรณีนี้คุณรัตนาบอกว่าคือทางออกของประเทศ ซึ่งมีขุมทรัพย์แร่ธาตุธรรมชาติที่มีมูลค่ามากมายมหาศาล และเมื่อยังไม่ถึงเวลาเปิดเหมือง ไม่ว่าใครก็ตามจะไม่สามารถเข้าถึงที่นั่นได้ เพราะแม่พระธรณีท่านบังไว้และยังเทพอีกหลายองค์เฝ้าอยู่มีทั้งพญาช้างเผือก ท่านขุนหมื่นและพญางูขาว

เรื่องราวของ “เหมือง” ว่าอยู่ที่ไหนนั้นแม่ผู้เขียนจะทราบแต่ก็น่าเสียดายว่าคุณรัตนายังไม่ต้องการให้เปิดเผยตอนนี้ เอาเป็นว่าบอกใบ้ให้นิดๆ ว่าอยู่ในสถานที่ๆ เป็นเขตทหาร อยู่ในจังหวัดหนึ่งของไทย เป็นพื้นที่บริเวณภูเขามีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ และมีเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริงเกี่ยวกับ  “เหมือง”  แห่งนี้ด้วยว่าเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อนมีอดีตข้าราชการคนหนึ่งเข้าไปลงทุนทำเหมือง โดยมีความเชื่อมั่นสูงว่าเหมืองแห่งนี้มีแร่ธาตุที่สูงค่า จึงสร้างทางเข้าออกและลงทุนไปไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท แต่ทำได้เพียง ๒ ปี ก็ถูกผู้มีอำนาจในยุคนั้นสั่งปิด (ยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์) ด้วยข้ออ้างว่าจะใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์ทางราชการ

หลังจากถูกสั่งปิดเหมือง ผู้ลงทุนได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายและชนะคดีแต่ก็ยังไม่ได้รับเงินค่าเสียหายคืนจนกระทั่งปัจจุบันนี้ (และหลังจากเหมืองแห่งนี้ถูกสั่งปิดไปแล้วก็ยังมีคนพยายามไปเสียเบี้ยป้ายรายทางแต่ก็สูญเปล่า บางคนต้องตายไปก็มี) ที่ร้ายกว่านั้นก็คือภรรยาของผู้ลงทุนคนนี้รู้สึกช็อคกับ

เหตุการณ์ที่เหมืองถูกปิดจนต้องขาดทุนย่อยยับถึงกับผูกคอตายในเวลาต่อมา และทุกวันนี้ผู้ลงทุนคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่สภาพที่คุณรัตนาไปเห็นมานั้นคือชายชราวัย ๗๐ กว่าปี รูปร่างเล็ก หลังค่อม คอตั้งตรงไม่ได้ ใบหน้าเอียงคอพับคออ่อนและทุกข์ทรมานด้วยโรคมะเร็งที่คอซึ่งเป็นมานานกว่า ๑๐ ปีแล้ว แต่เพื่อเป็นพยานในการให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหมือง คุณรัตนาบอกว่า “แม่พระธรณี”จะช่วยประคองชีวิตท่านผู้นี้ไว้ก่อน ซึ่งท่านผู้นี้ก็ได้ยืนยันกับคุณรัตนาด้วยว่า เหมืองแห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่แน่นอน

สมัยที่ทำเหมืองมีสัญญาณให้เห็นอยู่บ่อยๆ ว่าเหมืองแห่งนี้มีแร่ธาตุล้ำค่า แต่คงเป็นสมบัติของส่วนรวม ใครจึงเอาไปเป็นของส่วนตัวไม่ได้ แต่ในเร็วๆ นี้แม่พระธรณี จะเปิดเหมืองแห่งนี้ให้เพื่อนำผลประโยชน์มาบรรเทาภาระหนี้สินมหาศาลที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่ ส่วนจะเกิดผลที่เป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความพยายามของทุกฝ่ายที่จะเล็งเห็นผลประโยชน์ของชาติร่วมกัน และใช้พลังความสามารถผลักดันไปให้เกิดผล เพราะแม่พระธรณีเป็นเทพผู้ชี้ทางแต่มนุษย์เป็นผู้ทำให้เหมืองปรากฏเป็นจริง

สำหรับรูปสักการะที่ผู้เขียนนำมาลงในหญิงไทย นั้นคือรูปสักการะของ องค์แม่พระธรณี ซึ่งทำจากหยกแท้ๆ สีเขียว เพราะคุณรัตนาบอกว่า สีเขียวของหยกหมายถึงความแข็งแกร่ง ไม่อ่อนไหว แสดงถึงความเย็น

เมื่อถามถึงการบูชาองค์แม่ธรณี คุณรัตนาบอกว่า  “ทุกที่ในแผ่นดินนี้คือที่สถิตย์ของแม่พระธรณี ถ้าจิตเรารำลึกถึงท่านก็จะถึงท่านตลอด บูชาตรงไหนก็ได้ โดยการปักธูป ๓ ดอกบนดิน และใช้คาถาสั้นๆ ว่า นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ (๓ จบ) ขออัญเชิญแม่พระธรณีเป็นพยาน ตามด้วยคำอธิษฐานและจบด้วย สาธุ ๓ ครั้ง”

รูปสักการะของ องค์แม่พระธรณีนี้จะเห็นว่ามีลักษณะของความเป็นจีนแทบทั้งสิ้น ซึ่งคุณรัตนาได้อธิบายให้ฟังว่า “แม่มีชาติกำเนิดเป็นคนจีน แม่ฯ ถึงย้ำตลอดว่าจีนกับไทยพี่น้องกันและต่อไปจะยิ่งแนบแน่น และก็เคยมีคนฝันเห็นท่าน เขาบอกว่าท่านเป็นผู้หญิงจีนที่สวยมาก ซึ่งรูปร่างของรูปสักการะที่เห็นนี่เป็นไปตามที่ท่านต้องการ ตอนสเก็ตซ์ภาพ แม่พระธรณี นี่ลูกชายคุณสุวรรณาเป็นคนสเก็ตซ์ เพราะมีครั้งหนึ่งท่านปรากฏร่างออกมาลางๆ พอที่จะถ่ายรูปได้ ก็สเก็ตซ์ภาพลางๆ  ออกมาจนกระทั่งถูกใจท่าน ทุกวันนี้พี่ก็ยังติดต่อกับท่านบ่อยโดยการเชิญผ่านถ้วยแก้ว ซึ่งไม่เรียกว่า “ผีถ้วยแก้ว” เพราะแม่พระธรณีไม่ใช่ผี”

คุณรัตนายังกล่าวต่อไปอีกว่าในการสัมผัสองค์แม่พระธรณีและเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ที่คุณเจริญและคุณรัตนาประสบมาด้วยตนเองนั้นจริงๆ แล้วยังมีอีกมากมายหลายเรื่อง แต่เป็นเพราะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายบุคคลที่ยังไม่ถึงเวลาจะเปิดตัวหรือเปิดเผยความจริงทั้งหมด มิฉะนั้นจะเป็นการกระทบกระเทือนถึงชื่อเสียงและหน้าที่การงานของท่านเหล่านั้นซึ่งก็ได้เชื่อในเรื่องเหล่านี้และได้ช่วยกันประสานงานร่วมมือกันทำงานเพื่อชาติอยู่เบื้องหลังมาเป็นเวลานานแล้ว และแต่ละคนล้วนเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น “ขุมทรัพย์ใต้แผ่นดิน” ที่มีผู้ทำนายกันมาช้านานจึงไม่ใช่เรื่องที่กุขึ้นหรือโกหกกันเล่นๆ เพียงแต่ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นดำเนินการโดยมีการยื่นเรื่องติดต่อถึงระดับผู้ใหญ่ในแผ่นดินแล้ว

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-27 16:32 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
“วันหนึ่งพอแผ่นดินสงบ ก็จะเปิดเผยตัวผู้ช่วยงานแม่ฯ ทั้งหมด ระดับนายพล ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมีหมด แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยตัว เพราะสังคมไทยเป็นสังคมปากว่าตาขยิบ หาว่างมงายบ้างอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องระวังตัวและชื่อเสียงของเขา และแม่บอกว่า ดวงเมืองต้องรอความลงตัวในทุกๆ สิ่ง ต้องรอจังหวะเวลา ตอนนี้เวลายังมาไม่ถึง แต่ทุกอย่างมีลิขิตของแผ่นดินไว้หมดแล้ว”

และเมื่อถามว่าสังคมรอบข้างมีปฏิกิริยาต่อคุณรัตนาอย่างไรบ้าง ในฐานะที่เธอก็เป็นที่รู้จักของคนในแวดวงนักธุรกิจเช่นกัน เธอบอกว่า

“มีนะคะ ก็คงจะมีทั้งสองด้าน อย่างที่พี่ไปเจออาจารย์ท่านหนึ่งที่ธรรมศาสตร์ วันนั้นพี่ไปไหว้กระดูกอาจารย์ป๋วย อาจารย์ ท่านนั้นได้ถามพี่ว่าพี่มีอะไรพิเศษในตัวหรือเปล่า ทำไมถึงสื่อกับแม่พระธรณีได้ พี่ก็ยืนยันได้ว่าไม่มี แต่อาจารย์ก็ยังถามต่อว่าแล้วทำไมแม่ฯ ถึงมาสื่อ พี่ก็ว่าท่านคงเห็นเราทำงานเพื่อส่วนรวมมั้งและคงถึงเวลาของแม่ฯ แล้ว เพราะแผ่นดินมันร้อนขนาดนี้แล้ว แต่ท่านก็บอกว่าปี ๒๕๔๓ แผ่นดินจะสงบขึ้นและแม่ฯ จะค่อยๆ ดึงธรรมะมาสู่จิตใจคนให้ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่มันก็ต้องอยู่ที่วิบากกรรมของแต่ละคนด้วยซึ่งสร้างกันมาต่างกัน ต่อแต่นี้ขอให้ทุกคนสร้างแต่กรรมดี ใครที่ทำผิดทำชั่วกลับตัวเสีย ถ้ายังไม่ตื่นกันอีกจะต้องเจอเหตุร้ายนะ เพราะแม่พระธรณีจะมาล้างแผ่นดินแล้ว”

เพียงปีเศษๆ ที่คุณรัตนาได้สื่อกับองค์แม่พระธรณี ได้ทำให้เธอได้บรรลุถึงสัจธรรมข้อหนึ่งว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืน ทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจังทั้งสิ้น ตัวเราเองหนีไม่พ้นที่จะต้องละจากโลกนี้ไปเพื่อเข้าสู่วัฐจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอีกตามวิถีแห่งกรรมที่เราได้สร้างเอาไว้ แต่ก่อนจะจากโลกนี้ไป ลองถามตัวเราเองดูซิว่า เราจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ฝากไว้ในแผ่นดินนี้บ้าง ?  ท้ายสุดก่อนจากกัน คุณรัตนาได้แย้มบอกข่าวดีที่จะเกิดขึ้นสำหรับชาวไทยในปี ๒๕๔๓ กับผู้เขียนว่า ปี ๒๕๔๓ ก็จะรู้แล้วค่ะที่จะเปิดเหมือง แต่เป็นเดือนไหนยังไม่รู้นะคะแต่ยืนยันได้ว่าปี ๒๕๔๓  แน่นอนที่ต้องเปิดเผยความจริงทุกอย่าง


[ข้อมูลบางตอนอ้างอิงจากหนังสือ “เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ”  หากมีข้อสงสัย
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณรัตนา มฤคพิทักษ์ โทร. ๐๒-๗๒๒-๑๗๔๑-๒]
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้