|
กล็อบ สเตอร์ (Globster) เป็นมวลอินทรีย์ลึกลับที่มี่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมักจะตั้งชื่อมันว่า “กล็อบสเตอร์” (Globster) เอาไว้ก่อน
มันมักปรากฏตัวออกมาโดยการเกยตื้นตามชายทะเลหรือมหาสมุทร โดยลักษณะของมันจะเป็นก้อนๆ ไม่มีตา, ไม่มีหัว และโครงสร้างของกระดูกไม่ชัดเจน(แต่บางคนบอกว่ามีตา,มีหัวและโครงหมด) จุดเด่นมีขน” และ “มีเส้นใย” หนังเหนียวมากจนเฉือนแทบไม่เข้า และเมื่อนำเนื้อเยื่อไปตรวจสอบพบว่ามันประกอบด้วยคอลาเจนเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งแต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่โตมากๆ น้ำหนักเป็นตัน และส่งกลิ่นเหม็นเน่า บางชิ้นพบว่ามีรอยการกัดกินของปลาฉลามขนาดใหญ่ หรือรอยฉีดขาดจากการต่อสู้กับปลาหมึกยักษ์ จากการวิเคราะห์เนื้อเยื่อนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถตอบได้ว่า มันเป็นสัตว์อะไร
มีคนให้สันนิษฐานว่าเปลวปลาหมึกยักษ์นั้นอาจเป็นปลาหมึกยักษ์ และมันเปลวของวาฬนั้น ปรากฏว่ามันไม่ใช้ปลาหมึก และกระนั้นเคยมีคนทดลองมันโดยเปรียบเทียบเนื้อเยื่อของปลาหมึกและเนื้อเยื่อของเปลววาฬ พบว่าการเรียงตัวของคอลลาเจนนั้น ต่างกันโดยสิ้นเชิงสำหรับกรณีกล็อบสเตอร์ที่ดังๆ ก็เช่น St. Augustine Monster (1896), Dunk Island Carcass (1948), Melbourne-Hobart Carcass (1958), Tasmanian Globster (1960), New Zealand Globster (1968), Tasmanian Globster 2 (1970) เป็นต้น
Lost Dutchman’s Gold Mine
ลายแทงเหมืองทองดัทช์แมน (Dutchman Goldmine : Apache Junction, Arizona) ว่ากันว่านี้คือขุมทรัพย์ที่อันตรายที่สุดในโลก ซึ่งว่ากันมีทองจำนวนมหาศาลถูกซ่อนใน เทือกเขาซูเปอร์สติชั่นอันร้อนระอุแห่งอริโซน่าที่มีชื่อเสียงเรื่องแร่ทองอุดมสมบูรณ์ ที่แฝงไปด้วยความอันตราย แต่ปัจจุบันการเป็นพื้นที่ต้องห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า
ซึ่งการตั้งชื่อว่าดัทซ์แมนก็เนื่องมากจากนักอพยพชาวเยอรมัน Jacob Waltz (ชาวดัทซ์เป็นคำสแลงของอเมริกันที่กล่าวถึงผู้อพยพ) ในตำนานเล่าว่าเหมืองทองคำมูลค่าถึง 200 ล้านเหรียญ เชื้อเชิญนักขุดทองเข้าไปใกล้ๆ ตำนานรหัสลับของเหมืองทองที่ปัจจุบันยังไม่คลี่คลาย
นักล่าสมบัติ รอน เฟลด์แมน และเดวิด ฮินช์คลิฟ ทำการสำรวจเทือกเขาอันตราย ถึงแม้การตามล่าลายแทงสมบัติของพวกเขาในครั้งนี้สูญเปล่า แต่ทฤษฎี และข้อสันนิษฐานที่ได้ของทั้งคู่จะเป็นแนวทางที่ดีของ การเริ่มต้นค้นหาใหม่ในครั้งต่อไป |
|