ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
หลวงพ่อเกษม เขมโก (เรื่องกลัวการเหยียบมด)
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 2902
ตอบกลับ: 7
หลวงพ่อเกษม เขมโก (เรื่องกลัวการเหยียบมด)
[คัดลอกลิงก์]
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2018-6-12 21:15
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
เรื่องกลัวการเหยียบมดนั่งทับมดตาย
ตอนที่หลวงพ่ออยู่ที่ประตูม้า ไปนั่งบริกรรมภาวนา กลางแดด กลางฝน ใครจะเข้าไปหาท่านจะโบกมือ ห้าม บอกว่า เวทย์(เจ้าประเวทย์) ผ่อมด ผ่อมด(ดูมด) ถึงขนาดนี้ นอกจากมด ยังให้ยุงกินเลือด ไม่ตบกินอิ่มแล้ว เอามือเขี่ยให้บินหนี (อาจารย์สุพรรณ นุชนิยม ศิษย์ที่นับถือหลวงพ่อมาก เล่าว่า เวลายุงมากัดกินเลือดหลวงพ่อ หลวงพ่อจะพูดเป็นเชิงปรามยุงว่า " เฮ้ย กินแล้ว ก็พอมั่งซิ เฮาผอม " แล้วเอานิ้วมือเขี้ยยุงให้บินไป) หลวงพ่อ นั้นพูดเป็นเชิงปรัชญาลึกซึ้ง เกี่ยวกับยุงกัดกินเลือดคนเราว่า
คนเรานั้นใจดำเห็นแก่ตัว
กินเลือดหลู้ได้ทีละถ้วยสองถ้วย แต่ใจดำไม่ให้ยุงกินเลือดตน เพียงน้อยนิด สงสารมัน มันคงหิว มาร้องขอกินเลือดที่ริมหู ว่า หิ้ว หิ้ว หิ้ว นี้คือความทรงจำของเจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง ซึ้งใกล้ชิดกับหลวงพ่อเกษมมาตั้งแต่ไม่เดียงสา บวชเรียนเป็นสามเณร เผชิญชะตากรรมมาด้วยกันเล่าให้ฟัง หลวงพ่อเกษม เป็นพระสงฆ์ผู้บริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ มีจิตกล้าแข็ง สามารถอดอาหาร และทรมานร่างกาย ภาวนาอยู่กลางแดด ฝน แดดร้อนจัด ฝนตกไม่หยุด กลางความหนาวเหน็บเป็นแรมเดือน ท่านทำทุกอย่างที่จะต่อสู้กับอุปสรรค อันเป็นสิ่งกีดขว้างกั้น ไม่ให้ท่านบรรลุผลอันพึงปรารถนาของท่าน ท่านก็พ้นอุปสรรคโดยราบรื่น เพราะบารมีที่สร้างสม อันปุถุชนคนธรรมดาอาจไม่เข้าใจ เพราะเข้าไม่ถึงและมองไม่เห็น
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2018-6-12 21:17
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พูดกับสัตว์ด้วยอำนาจจิต
เป็นเรื่องหนึ่งที่คุณปู่ก๊กได้เล่าให้ฟัง วันหนึ่ง นายก๊กจึง(สมัยนั้น) ได้ไปนมัสการหลวงพ่อเกษมที่สุสานแห่งหนึ่ง ไม่ใช่สุสานไตรลักษณ์ ขณะนั้นมีชาวบ้านมาถวายภัตตาหาร และหลวงพ่อเกษมกำลังฉันภัตตาหาร (จังหัน) อยู่ แต่ท่านฉันน้อยมากเหมือนเดิม ไม่กี่คำก็อิ่มแล้ว ซึ่งอาจเป็นเพราะท่านฉันกำหนดคำ หรือตั้งจิตอธิษฐานไว้ก็อาจเป็นได้ ร่างกายท่านจึงผ่ายผอมมานาน ตั้งแต่สมัยหนุ่ม เมื่อหลวงพ่อฉันเสร็จ ก็มองเห็นจิ้งจกตัวหนึ่งเกาะอยู่บนต้นไผ่ ท่านได้แบ่งข้าวสุกกองหนึ่งแบ่งไว้ บนใบไผ่และเรียกจิ้งจกลงมากิน พลางใช้มือเคาะพื้นดินสามครั้ง
คุณปู่ก๊กจึงเล่าว่า จิ้งจกตัวนั้นได้ไต่ต้นไผ่มาอย่างง่าย และคลานเข้ามากินข้าวสุกทีละนิด บางทีก็สะบัดตามประสาธรรมชาติของมัน ทันใด...นั้นก็มีแมวตัวหนึ่ง ปรากฎขึ้นทางขวามือระหว่างกอไผ่ และแมวตัวนั้นก็เดินเข้ามาหาหลวงพ่อ ท่านจึงพูดกับจิ้กจกว่า " แมวมาแล้ว... ไป๊ ไป...เสีย" ทันทีที่หลวงพ่อพูดจบลง จิ้กจกตัวนั้นก็รีบคลานจากพื้นดินขึ้นไปบนกอไผ และแฝงเร้นกายหายไปทันที ....และหลวงพ่อได้แบ่งภัตตาหารให้แมวตัวนั้นกินต่อไป
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
3
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2018-6-12 21:24
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงพ่อเกษม ท่านกำลังแผ่เมตตาปลุกเสก แม่พิมพ์ และทองชนวนต่างๆ
สำหรับวัตถุมงคลรุ่นมหากุศล ของท่านในกุฏิสุสานไตรลักษณ์
ในภาพจะเห็นเกศาของหลวงพ่อ ท่านหายไปแถบหนึ่ง
เนื่องด้วยหลวงพ่อเกษมนำเกศานั้นมา
" บูชาไฟ "
เป็นอาถรรพณ์ศักดิ์สิทธิ์ส่วนตัวของท่าน ซึ่งไม่อาจมีผู้ใดล่วงรู้อธิบายได้
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
4
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2018-6-12 21:28
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วาจาสิทธิ์
ที่สุสานไตรลักษณ์ ป่าช้าที่หลวงพ่อเกษมได้มาพำนักอยู่จนท่านละสังขาร
ในคืนหนึ่งได้มีงูเห่าตัวหนึ่งสีดำเมื่อม พยายามรัดเจ้าอึ่งอ่างตัวใหญ่
อยู่ใต้กุฏิที่มีพื้นเตี้ย เสียงเจ้าอึ่งอ่างมันร้องดัง
ขณะนั้นหลวงพ่อเกษมท่านเสร็จกิจภาวนา มีผู้ไปเฝ้าหลวงพ่ออยู่หลายคน
กำลังยืนดูงูเห่ารัดเจ้าอึ่งอ่าง งูเห่าก็พยายามกลืนกิน แต่ด้วยสัญชาติญาณ
เจ้าอึ่งอ่างก็พยายามดิ้นเพื่อหาทางรอดชีวิต มันพยายามพองตัวเบ่งจนตัวโป่ง
ขณะนั้นเองไม่มีใครทันสังเกตเห็นหลวงพ่อเกษมได้เดินออกมาดูด้วยตั้งแต่เมื่อไร "
ท่านมองดูแล้วก็พูดว่า เราพึ่งจะได้เห็น อ้อ มันกินกันอย่างนี้ แปลกดีน่ะ
" พร้อมกันนั้นท่านก็ก้มตัวลงไปที่งูเห่าพร้อมกับพูดว่า
คู่นี้กินกันยาก พอท่านพูดจบก็เดินเข้ากฏิไปตามเดิม
น่าประหลาดยิ่งนักเหมือนคำประกาศิต เจ้าอึ่งอ่างหยุดนิ่งไม่ดิ้น
ส่วนเจ้างูเห่ากับอ้าปากปล่อยเจ้าอึ่งอ่างทันที แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันเข้าป่าไป
ในด้านความเมตตา ไม่ว่าใครก็ตามเวลาไปกราบนมัสการ นำสิ่งของไปถวาย
ไม่ว่าจะเป็นขนมปังหรือตลอดจนปัจจัยและสิ่งของต่างๆ ท่านจะนำออกมาแจกจ่ายจนหมด
แม้แต่สัตว์เล็กสัตว์น้อย ท่านก็ให้ลูกศิษย์นำเศษอาหารไปไว้ตามโคนต้นไม้
เพื่อให้มดหนูและสัตว์อื่นๆ ได้กินเป็นประจำ ขนาดท่านนอนอาพาธอยู่โรงพยาบาล
ท่านก็ยังปฏิบัติเช่นนี้ตลอดมา
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
5
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2018-6-12 21:31
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ไม่ใช้มุ้งหมอนผ้าห่ม
มีอยู่คราวหนึ่ง ขณะที่หลวงพ่อเกษมท่านกำลังนั่งเจริญภาวนา
อยู่ในกระต๊อบหลังคาใบจากหลังเล็กๆ ที่ป่าช้าศาลาวังทานเวลาใกล้พลบค่ำ
หัวขโมยคนหนึ่งแอบแฝงกายมาในความมืด ตั้งใจจะมาขโมยมุ้ง
ขณะที่โจรคนนั้นตั้งใจและใช้ความพยายามแกะเชือกสายมุ้งอยู่
และใช้เวลานานก็แก้ไม่ได้
หลวงพ่อเกษมท่านคงรู้ จึงลุกขึ้นมาช่วยแกะและรวบรวมมุ้งหมอนพร้อมด้วยผ้าห่ม
ส่งให้หัวขโมยคนนั้น และยกมือโบกไล่ให้รีบหนีไปโดยเร็ว
เดี๋ยวคนอื่นมาพบเข้าจะโดนทำร้ายเอา
หรือว่าหัวขโมยคนนั้นจะมาทดสอบบารมีของท่านก็ไม่มีใครทราบได้
หลวงพ่อเกษมเท่านั้นที่ท่านคงทราบด้วยตัวท่านเอง
สิ่งที่แปลกประหลาดแม้ในสุสานจะมียุงชุกชุม
แต่ตามร่างกายของท่านไม่ปรากฎรอยกัดของยุงเลย
https://www.facebook.com/lpkasem/?ref=py_c
ปรกติหลวงพ่อเกษมจะสรงน้ำ (อาบน้ำ) ปีละหนึ่งครั้งแต่ท่านไม่มีกลิ่นตัวเลย ท่านงดการสรงน้ำมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 เป็นต้นมา จบจนท่านละสังขาร
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
6
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2018-6-12 21:33
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การถือธุดงค์วัตรตลอดชีพ
ปรกติแล้วในสมัยโบราณ พระเถราจารย์ที่ทรงคุณวุฒิในด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านมักจะหลบเร้นอยู่ในป่า ตามถ้ำบางรูปก็อยู่ตามวัดที่อยู่นอกเมือง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการปกครอง เรียกว่าฝ่ายอรัญวาสี(วัดป่า) ส่วนพระที่อยู่ในเมืองมีการปกครองในด้านปริยัติ เรียกว่าฝ่ายคามวาสี พระฝ่ายคามวาสีหากเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก บางท่านพอออกกพรรษาก็ออกธุดงค์แสวงหาความเงียบสงบ บำเพ็ญเพียรวิปัสสนา บางท่านเข้าป่าก็ไม่หันกลับมาหนี้ความวุ่นวาย เข้าหาความเงียบสงบตามแนวทางพระพุทธองค์ ในด้านการปฏิบัติธรรม ที่มีในพระธรรมบท กล่าวถึงธุดงค์วัตร 13 ข้อ หากพระสงฆ์องค์ใดมุุ่งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คนส่วนมากเห็นเป็นอัตตกิลมถานุโยคคือคือการบำเพ็ญทุกกิริยา ไม่ใช่มัชฌิมาปฏิปทา (ทางสายกลาง) ส่วนหลวงพ่อเกษมนั้น ได้อยู่ฝ่ายคามวาสีมาก่อน เห็นเหตุแห่งความสับสนวุ่นวายกิเลสตัณหา จึงหลีกเร้นออกอยู่ตามป่าช้า โดยถือธุดงค์วัตรทั้ง 13 ข้อ คือ
1. ถือการนุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
2. ถือการนุ่งห่มผ้าสามผืนเป็นวัตร
3. ถือการบิณฑบาตเป็นวัตร
4. ถือการบิณฑบาตไปโดยลำดับแถวเป็นวัตร
5. ถือการฉันจังหันมื้อเดียวเป็นวัตร
6. ถือการฉันในภาชนะเดียวคือฉันในบาตรเป็นวัตร
7. ถือการห้ามภัตตาหารที่เขานำมาถวายภายหลังเป็นวัตร
8. ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร
9. ถือการอยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร
10. ถือการอยู่อัพโภกาสที่แจ้งเป็นวัตร
11. ถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร
12. ถือการอยู่ในเสนาสนะตามมีตามได้เป็นวัตร
13. ถือเนสัชชิกังคธุดงค์ คือการไม่นอนเป็นวัตร
เป็นหลักชัยในการปฏิบัติ ครั้งแรกที่ท่านอยู่ป่าช้าศาลาวังทาน ท่านไม่ยอมพูดจากับใครเลย ถึงแม้มีคนไปหาสอบถามอะไรก็ตาม ท่านก็นั่งนิ่งสงบไม่พูดจาอย่างนั้น บางวันมีคนนำศพมาเผา ในสมัยนั้นเผากันสดๆบนกองฟอนไม่มีเมรุเหมือนปัจจุบันนี้ เมื่อเผาเสร็จถ้าเป็นคนที่ตายปรกติธรรมดา ก้ฝังกันไว้ที่บริเวณป่าช้าชั้นนอกๆ ถ้าเป็นคนที่ตายโหงก็ฝังกันไว้ที่ชั้นในลึกเข้าไป
หลวงพ่อเกษมได้เลือกป่าช้าชั้นในเป็นที่พำนัก
เวลามีศพมาเผา เมื่อญาติพี่น้องของคนตายกลับบ้านหมด ท่านก็จะออกมานั่งอยู่หน้าเชิงตะกอนเผาศพทำสมาธิจิต อยู่นานเท่านาน ไม่ว่าแดดจะร้อนจัดเพียงใด ไม่มีใครกำหนดรู้ได้ว่า หลวงพ่อเกษมท่านมีภูมิจิตภูมิธรรมสูงส่งเพียงใด แต่เมื่อมีผู้พบเห็นท่านนั่งสมาธินิ่งเป็นเวลานาน ก็ยอมเป็นที่สงสัยและเกิดความแปลกประหลาดใจ โดยจิตปรุงแต่งไปต่างๆนานา การนั่งสงบหลับตานิ่งๆนั้น พอที่ใครจะทำตบตาคนทั่วไปได้ แต่การนั่งหลับตาอยู่นิ่งๆสงบๆเป็นเวลาทั้งวันทั้งคืน โดยไม่ขยับเขยื้อนเลย ย่อมเป็นการกระทำที่สุดวิสัยที่จะหลอกลวงกันได้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ กระจายออกไปทั่วในระยะนั้น ท่านได้กลายเป็นอาหารปากที่ผู้คนมากมายนำไปพูด มีทั้งข้อติเตียนและข้อโต้แย้งกันมาก ท่านยังคงนั่งหลับตาเจริญภาวนา อยู่รูปเดียวไม่รู้ไม่เห็นไม่โต้ตอบ ปิดทวารทั้งเก้า
หรือเรียกว่าสำรวมอินทรีย์สังวรเช่น เคยเอนหลังนอนหลับตาสบายก็หยุดนอน เปลี่ยนมาเป็นการอยู่ในอริยาบถ 3 คือ ยืน เดิน นั่ง งดการนอน ใช้วิธีนั่งสมาธิแบบนั่งกบ พักผ่อนในฌานเข้าไปนั่งสมาธิในห้องส้วมบ้าง เข้าสมาธิกลางแจ้งตากแดดตากฝน งดที่มุงที่บัง เป็นระยะเวลานานๆ ยิ่งการรับกิจนิมนต์ขึ้นรถไปที่ใดๆท่านงดหมด จะไปแห่งใดก็เดินไปถึงแม้หนทางจะไกลแต่ท่านใช้การเดินเป็นหลัก
จึงมักมีคำถามที่สงสัยหลายๆครั้งในการรับกิจนิมนต์ว่าท่านไปทันได้อย่างไร
ไม่มีใครตอบได้ในสิ่งที่ยากต่อคำอธิบาย ท่านไม่ยอมขึ้นรถอย่างเด็ดขาด จนวาระสังขารของหลวงพ่อแก่ชราลง ท่านถึงยอมนั่งรถบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
7
#
โพสต์ 2018-8-15 05:11
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
8
#
โพสต์ 2018-9-15 23:11
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...