มีอาแปะคนหนึ่ง มีแผงขายไข่ไก่ฟองละ 2 บาทมานาน มีลูกค้าประจำมากมาย เพราะแกขายอยู่แผงเดียว อยู่มาวันหนึ่ง มีอาหมวยคนหนึ่งเห็นว่าอาแปะขายไข่ไก่รายได้ดี จึงคิดขายบ้าง อาหมวยตั้งแผงขายไข่ไก่ฝั่งตรงข้ามอาแป่ะ โดยตั้งราคาขายฟองละ 1บาทเพื่อตัดราคา
…………………
เป็นดังคาด !! ลูกค้าแผงอาแปะหลั่งไหลมาซื้อไข่ไก่แผงอาหมวยล้นหลาม จนอาแป่ะเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปแย่แน่ๆ จึงลดราคาไข่ไก่ลงเหลือฟองล่ะ 1 บาทเท่าอาหมวย
- สมใจอาแปะ !! ลูกค้าแผงอาหมวยเริ่มหันมาซื้ออาแป่ะมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากถึง แม้ราคาจะเท่ากัน แต่เชื่อถือคุณภาพไข่ไก่ที่อาแป่ะขายมานาน
- อาหมวยเห็นดังนั้น จึงตัดสินใจลดราคาไข่ไก่ ตั้งใจว่าคราวนี้จะไม่ให้อาแป่ะลดราคาแข่งได้เลย จึงตัดสินใจลดราคาจาก 1 บาทเหลือเพียง 25 สตางค์ !!!!!
ลูกค้าจากแผงอาแป่ะและหลายๆ ที่แห่มาซื้อไข่ไก่อาหมวยกันหนาตา อาหมวยรู้สึก กระหยิ่มในใจยิ่งนักแล้วคิดตามว่า ดูซิ !! อาแป่ะจะลดราคาสู้ไปอีกได้ไหม จนเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่านานเป็นเดือน อาแป่ะยังคงขายไข่ไก่ฟองละ 1 บาทอยู่ เรื่อยๆ มีลูกค้าบ้างประปรายแต่เรื่อยๆ ฝั่งแผงอาหมวยเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ฟองละ 25 สตางค์แทบไม่เห็นกำไร แต่ก็เกิดความประหลาดใจยิ่งนักว่าทำไมอาแป่ะ จึงยังขายฟองละ 1 บาท ทำไมไม่แข่งลดราคากันอีก แล้วอยู่ได้ยังไงในเมื่อลูกค้าอยู่ที่แผงอาหมวยหมด
……………
วันหนึ่งอาหมวยทนไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินไปถามอาแป่ะด้วยสีหน้าฉงนว่า - อาหมวย : อาแป่ะ !! ลื้อทำไมไม่ลดราคาแข่งกับอัวอีกหล่ะ ในเมื่อเราแข่งกันมาตลอด มาแข่งกันต่อสิแล้วลื้ออยู่ได้ยังไงขายฟองละ 1 บาท
- อาแป่ะ : ชำเลืองมองอาหมวยเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อั๊วอยู่ได้สิ ก็อั๊วซื้อไข่ไก่ลื้อมาขายไง”……………..
“เพราะมัวแต่ต้องการเอาชนะ จนลืมไปว่าเรานั้นแพ้แม้แต่ความคิด มุ่งแต่จะชนะให้ได้ จนลืมมองย้อนหลังที่ผ่านมาว่าเราพลาดเพราะสิ่งใด ไม่มีใครทำตัวเราให้พ่ายแพ้ ทุกอย่างล้วนเกิดจากตนเองทั้งนั้น” ขอบคุณบทความแนวคิดดีๆ จาก : ตะเกียงส่องใจ
|