วิชาหินเบา สุเหล่า แขก จีน ชาวมุสลิม ชอบมีเรื่องกับทหารเรือเพราะเขตทหารเรือมีถิ่นฐานบ้านช่องที่ทางฝ่ายกองทัพเรือปลุกให้ครอบครัวทหารเรืออยู่ สาเหตุที่จะมีก็เนื่องจากทางฝ่ายมุสลิมมีลูกหลานสาวสวยเป็นที่ต้องตาต้องใจของบุรุษเพศชายหนุ่มซึ่งอยู่ต่างถิ่นต่างตำบลมาเกี่ยวพาราสีทำให้ชายหนุ่มที่เป็นมุสลิมกีดกันมีเรื่องวิวาทชกต่อยทำร้ายร่างกายเรื่องถึงโรงพักเสมอ
และยิ่งกว่านี้ยังมีพวกทหารเรือที่เกเรชอบข่มเหงลูกและหลานสาวของชาวมุสลิมอยู่เสมอทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นคนละสัญชาติศาสนาหญิงสาวชาวมุสลิมเคารพนับถือประเพณีเชื่อคำอบรมของพ่อแม่ห้ามไม่ให้ยุ่งกับชายหนุ่มต่างศาสนา มีทหารเรือยศชั้นพันจ่าตรีชื่อสาคร บุนนาค มาติดพันหลงรักนางสาว โรติมา ฮารี ซึ่งเป็นลูกสาวโตะอีหม์าชื่อ ยูโซะ ฮารี ซึ่งเป็นหัวหน้าชาวมุสลิมสุเหล่าแขก
ยูโซะ ฮารี ตั้งร้านอาหารหวานคาวมีเจ้าหนุ่มทั้งไม่หนุ่มทั้งไทยจีนแขกมาช่วยกันอุดหนุนกิจการค้าเจริญเพราะมีลูกสาวแสนสวยเป็นคนช่วยเสริฟอาหารขาย เป็นที่สุดสวาทของ ยูโซะผู้เป็นพ่อและเป็นที่รักของชายหนุ่มทั้งหลายแต่เธอยังไม่เคยคิดในเรื่องความรัก
ชายหนุ่มที่หลงรักและติดตามเธออยู่เสมอชื่อ พันจ่าสาคร บุญนาค ได้เขียนจดหมายรักถึงเธอเธอก็ฉีกทิ้ง ยูโซะ ผู้เป็นพ่อเห็นจดหมายที่เธอฉีกทิ้งเอาจดหมายที่เหลือไปให้ กาเซ็ม ลูกชายคนโตอ่านข้อความให้ฟังรู้ว่าเป็นจดหมายของจ่าสาครซึ่งเป็นทหารเรือและเป็นคนสนิทของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
เพราะจ่าสาครใช้นามสกุลเดียวกับพระชนนีของเสด็จในกรมฯ รู้นิสัยอันธพาลของจ่าสาครเพราะมามีเรื่องหึงหวงไล่ตีมากับชายหนุ่มคนอื่นอยู่เสมอไม่มีใครกล้าที่จะฟ้องร้องตำรวจและยิ่งกว่านี้ทหารเรือกำลังเฟื่องอำนาจ
เพื่อที่จะอยู่โดยสันติสุข ยูโซะ จึงเรียกจ่าสาครมาที่บ้านให้ลูกชายคนโตมาถาม จ่าสาคร สงสัยจึงถามกาเซ็ม ว่ามีธุระอะไร กาเซมจึงเล่าเรื่องจดหมายให้ฟังจ่าสาคร จึงพาจ่าเดิมและจ่าสังเวียน ซึ่งมีนามสกุลเดียวกันมาด้วยและได้นำอาวุธมีดปืนมาเป็นเครื่องป้องกันตัว
เมื่อจ่าทั้งสามมาถึงบ้าน นายยูโซะก็ต้อนรับอย่าง ถามจ่าสาครว่าจ่ามารักลูกสาวผมบริสุทธิ์ทั้งกายวาจาใจผมได้ทราบจากจดหมายที่จะเขียนถึงลูกสาวผม จ่าสาครบอกว่าบังกาเซมบอกผมแล้วผมไม่ขัดข้อง
ก่อนแต่งกับลูกสาวผมจะต้องโอนเข้ามาอยู่ศาสนาเดียวกับผม จ่าสาครตอบว่าในข้อนี้ผมไม่อาจที่จะทำตามได้ เหตุขัดข้องก็เพราะผมมีเครื่องรางของขลังผมสักน้ำมันงาจากหลวงพ่อกบจังหวัดนครสวรรค์เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกับเสด็จในกรม ถ้าโอนศาสนาแล้ววิชาจะเสื่อม
ยูโซะอีหม่ำพูดว่าอย่าเข้าใจผิด พระคาถาพระเวทนั้นศาสนาพุทธกับศาสนามุสลิมก็ต้องอาศัยความแน่วแน่ของพลังจิต อย่าว่าแต่พระคาถาของแกเลย พระคาถาของผมก็มีเป็นวิชาคงกระพันชาตรี ชื่อว่าวิชาหินเบาคงทนต่อคมอาวุธปืนและแม้แต่จะเอาก้อนหินโตเท่าไหกระเทียมทุ่มคอก็ไม่เป็นอะไรแม้ว่าหินนั้นจะหนักแสนหนักก็ไม่อาจทำอันตรายได้ เพราะพระคาถามีอำนาจบังคับให้หินเบา พระคาถาของจ่าป้องกันอันตรายจากหินก้อนใหญ่ได้หรือไม่
จ่าจึงตอบว่าสามารถป้องกันได้ทุกอย่าง ทั้งจ่าและผมก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าของใครจะแน่กว่ากัน จ่ากับผมมาทดลองแสดงให้เป็นขวัญตาเพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์และให้คนทั้งหลายดูเล่น จ่าสาคร บุนนาค ผู้อ่อนต่อโลกมากทางไสยศาสตร์เพราะวิชาหินเบานี้บุคคลที่จะได้มาจะต้องเป็นชาวมุสลิมที่ต้องไปศึกษาที่นครเมกกะเป็นเวลา 3 ปี จึงจะเรียนสำเร็จเป็นวิชาพิเศษมนต์คาถาของไทยมีแต่เครื่องรางของขลังป้องกันอาวุธคมมีดอาวุธปืนไม่มีวิชาที่จะให้พระคาถาบังคับให้หินเบาได้
พวกที่ไปศึกษานครเมกกะพวกนี้เก่งระเบิดน้ำ ลุยไฟและวิชาหินเบา เดี๋ยวท่านผู้อ่านคอยฟังว่า จ่าสาครจะเป็นผู้แพ้หรือชนะเมื่อเป็นที่ตกลงกันแล้ว ยูโซะ ฮารี ก็บอกให้กาเซนจัดหอก 3 เล่ม ก้อนหินขนาดเท่าไหกระเทียม 3 ลูก หินนั้นยกแทบไม่ไหว
การทดลองนั้นยูโซะให้จ่าสาครแทงด้วยหอกเล่มละครั้ง แทงข้างหลัง 2 ทีด้านหน้าอก 1 ทีเสร็จแล้วให้จ่าสาครเอาหินทุ่มหลังทุ่มตอและทุ่มหัวถึง 3 ครั้ง ปรากฏว่า ยูโซะไม่เป็นอันตรายเลย จ่าสาครกับพวก 2 คนปรึกษากันว่าจะไม่เอาอยู่แล้วเพราะไม่เคยมีวิชาหินเบาแต่ก็ต้องมีมานะไม่ว่าจะมีภัยอันตรายก็ต้องต่อสู้ ศักดิ์ศรีของชาติอาชาไนยพร้อมกับยืนให้ยูโซะ ใช้หอกแทงด้านหลังและด้านหน้าตามสัญญา ต่อจากนั้นยูโซะพยายามจะเอาหินทุ่มหัวจ่าสาคร
แต่อำนาจแห่งคุณธรรมที่มีฝังประจำใจ โต๊ะอิหม่ำผู้เรืองฤทธิ์ผู้มีศีลธรรมอันดีงามจะทุ่มคอ จ่าสาครหรือที่หัวก็น่ากลัวจะถึงซึ่งความตาย ประกอบกับมีความกลัวและเกรงใจในเสด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จึงชงักมือทุ่มแต่เพียงเบาครั้งแรกหินถูกข้างหลังจาสาคร ขนาดเบาๆ เลือดยังไหลออกจากทางปากอาการสาหัส ยูโซะทุ่มเพียงครั้งเดียวเพื่อนถึงกับต้องเอาไปโรงพยาบาลเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งนัก
เช้าวันรุ่งขึ้น เสด็จในกรมฯ ตื่นบรรทมแต่เช้าทุกเช้าจ่าสาครจะนำกาแฟมาถวายพร้อมด้วยขนมปังแต่เช้าวันนี้มันหายหัวไปไหนจ่าเติม ซึ่งเป็นเพื่อนจ่าสาครได้เล่าเรื่องราวให้ฟังอย่างละเอียดเสด็จในกรมฯดำรัสถึงอาการป่วย อ้ายพวกนี้ไม่รู้จักที่ตาย ไปเล่นกับพวกวิชาหินเบาได้หรือ จ่าเติมบอกอาการว่าจ่าสาครป่วยหนัก เสด็จในกรมฯ บอกว่าจ่าเติมมึงพากูไปเยี่ยมอ้ายจ่าสาครหน่อย มันลงสักน้ำมันกับหลวงพ่อทองวัดเขากบจังหวัดนครสวรรค์เช่นเดียวกับกู
เมื่อมาเยี่ยมจ่าสาคร จ่าสาครยังพูดไม่ได้และนอนคว่ำหน้าอยู่ กระดูกสันหลังหัก เสด็จในกรมมาหา ยูโซะ ที่บ้าน ยูโซะตกใจเพราะเสด็จในกรมฯ มาถึงบ้าน ยิ่งรู้ว่าจ่าสาครเป็นคนสนิทของเสด็จในกรมฯ มีความกลัวตกประหม่าจนงันงก จึงมากราบแทบพระบาท
เสด็จในกรมฯ ดำรัสถามว่าเรียนมาจากไหนวิชาหินเบานี้ ยูโซะก็กราบทูลดังได้กล่าวมาแล้ว ประชาชนชาวมุสลิมเมื่อได้รับประสิทธิ์ประสาทวิชาหินเบามาจากนครเมกกะ ผู้นั้นจะต้องเคร่งในศีลธรรม ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิดกินแต่พวกผักถั่วงาพระเจ้าค่ะ
เสด็จในกรมฯ ดำรัสว่าไม่มีอะไรที่จะลงโทษไม่ต้องกลัว อั๊วเป็นนักเลงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ต่างคนต่างมีอาจารย์เมื่อทดลองกันแล้วแพ้ก็รู้จักแพ้ วิชานี้เป็นวิชาที่ทดลองประจักษ์เป็นความจริง เเต่อั๊ว ต้องการทดลองตัวยูโซะ ให้ประจักษ์ อยากจะดูฤทธิ์ซิว่าจะมีอานุภาพทนรับหินก้อนใหญ่ได้หรือไม่
|