แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Metha เมื่อ 2017-10-3 02:00
อาจารย์ชุม ไชยคีรี
เป็นศิษย์สำนักเขาอ้อสายตรง ท่านสนใจในวิชาไสยศาสตร์มาแต่เยาว์วัย เมื่ออายุได้เพียง 5 ขวบ ก็สามารถภาวนาคาถาแค่สองคำ สะกดงูพิษทุกชนิดไม่ให้อ้าปากขบกัดได้เป็นที่น่าอัศจรรย์ แม้สุนัขก็เช่นกัน อาจารย์ชุมได้เรียนวิชาอาคมจากพ่อของท่านตั้งแต่ยังเ ด็กๆ ท่านเรียนวิชาได้เร็ว ทำอะไรก็ขลัง มีความเชี่ยวชาญในวิชาอาคมจนได้รับความเชื่อถือจากชาวบ้าน เมื่ออายุได้ 7 ขวบ ก็เคยเอามือปิดปากกระบอกปืนของเพื่อนบิดาที่มาเยี่ยมบ้าน ท่องคาถาเพียง 11 ตัว ยังเป็นเหตุให้ปืนยาวเหล่านั้นถึงแตกระเบิดเมื่อนำไปยิง เกิดมาเพื่อ "เป็น" โดยแท้
จนอายุครบบวชก็ได้ไปบวชที่วัดไชยมงคลกับพระอาจารย์คง อาจารย์ชุมหลังจากบวชแล้วก็ตั้งใจศึกษาพระธรรม จนต่อมาท่านได้ไปที่พัทลุง ท่านจึงไปขออยู่ร่วมสำนักเขาอ้อ ฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์เอียด วัดดอนศาลา โดยมีท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นผู้รับรองความประพฤติ อาจารย์ชุมได้รวบรวมตำราเขาอ้อที่กระจัดกระจายไปอยู่ ยังที่ต่างๆ ในระหว่างบวชท่านได้รู้จักกับหลวงพ่อคง วัดบ้านสวนและมีความเคารพซึ่งกันและกัน ต่อมาอาจารย์ชุมบวชอยู่ 15 พรรษา ลาสิกขาบทเมื่ออายุ 35 ปี และได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ก็ยังคงติดต่อกับหลวงพ่อคง วัดบ้านสวนอย่างสม่ำเสมอ อาจารย์ชุมมีความใฝ่รู้ในวิชาเวทมนต์คาถายิ่งนัก ครูบาอาจารย์ท่านใดในยุคเก่าก่อนที่ว่าเก่ง ท่านเป็นต้องไปขอเรียน ขอศึกษาเอาจนได้ และนำสรรพวิชาเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ได้เป็นอย่างดี
โดยพื้นฐานของจริตนิสัยในแต่ละคน เมื่อจิตใจมีความเมตตาอยู่เป็นนิตย์ ก็มักทำของไปทางมหาเสน่ห์ได้ผลกว่าวิชาอื่นๆ หากจิตใจออกไปทางนักเลง กล้าสู้ กล้าลุย ของที่ทำออกมาจะหนักไปทางคงกระพันชาตรีเป็นส่วนมาก เรียกว่าถนัดอะไรก็เก่งไปอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่อาจารย์ชุม
ฆราวาสผู้แตกฉานท่านนี้ เมื่อต้องการให้เป็นทางคงกระพัน ท่านก็สามารถกำหนดจิตได้ทันที ขนาดทดสอบเชือดเนื้อ เถือหนัง พิสูจน์กันเห็นๆ ครั้นจะแสดงทางมหาอุด ก็สั่งศิษย์ลงนั่ง ให้ผู้มีอาวุธปืนทุกชนิด ทดลองยิงข้ามศีรษะได้เลยไม่ออกสักกระบอกเดียว
เมื่อจะแสดงวิชามหานิยม ก็เสกน้ำมันงา ทาหนูกับแมว แล้วปล่อยเข้ากรงเดียวกัน ถ้าเป็นลูกหนูกับแม่แมว ลูกหนูทั้งหมดก็จะคลานเข้าไปดูดกินนมแม่แมว หน้าตาเฉย และแม่แมวก็ยอมนอนให้กินแต่โดยดี จะทำกี่ตัวกี่ครั้งก็มีผลเช่นเดียวกันหมด เป็นสุดยอดของมหานิยมจริงๆ
พิสูจน์ได้ทุกเวลาทุกสถานที่นี้เอง เป็นเหตุให้อาจารย์ชุมปรากฏชื่อลือชาไปทั่ว ได้รับเชิญไปงานพุทธาภิเษกและสาธิตวิชาต่างๆ ไม่ว่างเว้น แลท่านก็สามารถแสดงจิตตานุภาพให้เป็นที่ตื่นตะลึงมาแล้วหลายต่อหลายพิธี ท่านได้มีส่วนร่วมในการสร้างวัตถุมงคลของเขาอ้อหลายครั้ง และได้รับการยกย่องว่าเป็นฆราวาสผู้มีอาคมขลังมากผู้หนึ่ง ในบั้นปลายชีวิตของท่าน ท่านย้ายครอบครัวมาอยู่กรุงเทพ และอยู่มาจนเสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2525
บรรพบุรุษของอาจารย์ชุมสืบสาวราวเรื่องเริ่มต้นได้จาก "ขุนไชย์คีรี" ต้นสกุล "ไชยคีรี" ซึ่งเคยเป็นนายกองคนสำคัญของพระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) ในยุคที่พระยาแก้วโกรพพิชัยเป็นเจ้าเมืองพัทลุง มีส่วนสำคัญในการนำทัพออกไปต้านข้าศึกร่วมกับพระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย)ในสมัยที่ท่านยัง พระมหาช่วย เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลย์ และตอนนั้นขุน ไชยคีรี ก๊มีฐานะเป็นนายบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในละแวกอำเภอชัยสน
ขุนไชยคีรีผู้นี้เคยมาศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสำนักเขาอ้อหลายปี สมัยที่ท่านปรมาจารย์จอมทองเป็นเจ้าสำนัก ได้วิชาความรู้จากสำนักเขาอ้อไปมาก ภายหลังได้ออกไปมีครอบครัว และได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำชุมชนในตำแหน่งนายบ้านที่เขาชัยสน เมื่อเกิดสงครามพม่ารุกราน ก็ได้เข้าไปช่วยพระมหาช่วย จนได้รับชัยชนะและภายหลังได้รับปูนบำเน็จ
บรรดาศักดิ์เป็นขุนในราชทินนาม "ขุนไชยคีรี" ในขณะที่พระมหาช่วยเกิดความละอายแก่ตัวเองที่คิดว่าแปดเปื้อนในการศึกสงคราม ตัดสินใจลาสิกขา ทางบ้านเมืองตอบแทนคุณงามความดีของท่านโดยแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยราชการเมืองพัทลุง และได้รับพระกรุณาโปรดฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยา" มีราชทินนามว่า "พระยาทุกขราษฎร์" ซึ่งปัจจุบันชาวเมืองพัทลุง พร้อมใจกัน ยกย่องให้เป็นวีรบุรุษประจำเมือง
ขุนไชยคีรีมีบุตรธิดาหลายคน แต่ละคนล้วนได้รับวิชาไสยเวทย์ให้สืบทอดต่อ บางคนก็ได้เดินทางมาเรียนเพิ่มเติมที่สำนักเขาอ้อหนึ่งในนั้นคือ "หมื่นสิริพันธ์พิรุณ" หมื่นสิริพันธ์พิรุณได้รับถ่ายทอดวิชาไสยเวทมาจากขุนไชยคีรี และต่อมาได้เข้ามาเรียนต่อที่สำนักเขาอ้อจนเชี่ยวชาญ
กลับไปอยู่บ้านเขาชัยสน ได้รับยกย่องจากชาวบ้านให้เป็นนายบ้านสืบต่อจากขุนไชยคีรีผู้เป็นบิดา ขณะที่นายบ้านหมื่นสิริพันธ์พิรุณก็ได้สืบทอดเจตนารม ณ์ของบิดาและอาจารย์แห่งสำนักเขาอ้อ โดยได้เข้าร่วมทัพต้านศึกทั้งพม่าและสลัดมลายู ไม่แน่ใจว่าในคราวพระยาพัทลุง (ทองขาว ณ พัทลุง) หรือว่าในคราวพระยาพัทลุง (จุ้ย จันทโรจนวงศ์)เป็นเจ้าเมืองพัทลุง แต่ได้มีวีรกรรมในการร่วมปกป้องบ้านเมืองแน่นอน จึงมีความดีความชอบได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหมื่น มีราชทินนามว่า "หมื่นสิริพันธ์พิรุณ"
หมื่นสิริพันธ์พิรุณ มีบุตรธิดาหลายคนทุกคนล้วยได้รับถ่ายทอดวิชาไสยเวทย์ บางคนต่อมาได้มาเรียนที่สำนักเขาอ้อจนเชี่ยวชาญเหมือนบรรพบุรุษ หนึ่งในจำนวนนั้นคือบิดาของอาจารย์ชุม ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ไม่ทราบนาม พยายามสืบถามหาจากหลายคนก็ไม่มีใครทราบ แม้กระทั่งทายาทของอาจารย์ชุมเอง เพราะท่านผู้นี้เสียชีวิตไปนานแล้ว
บิดาของอาจารย์ชุมได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ไสยเวทย์ผู้ที่มีความเข้มขลังผู้หนึ่ง เรียกได้ว่าสมัยนั้ยละแวกเขาชัยสน ไม่มีใครโด่งดังไปกว่าท่านผู้นี้ ท่านได้จัดตั้งเป็นสำนักเล็กๆ เพื่อถ่ายทอดวิชาให้กับผู้ที่สนใจ มีคนไปเรียนกันพอสมควร ลูกๆโดยเฉพาะลูกชายจึงได้รับอิทธิพลในเรื่องนี้ไปด้วย ตัวอาจารย์ชุมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
บิดาของท่านอาจารย์ชุม เป็นอาจารย์ไสยเวทย์ที่มีชื่อเสียงมากสมัยนั้น มีพรรคพวกที่สนใจทางนี้อยู่มาก หนึ่งบรรดามิตรสหายของท่านก็คือ ท่านอาจารย์คง พระครูธรรมโฆษณ์เจ้าอาวาสวัดไชยมงคล จังหวัดสงขลา ซึ่งท่านผู้นี้ก็มีความรู้ในทางไสยเวทย์เป็นอย่างดี และเก่งในทางโหราศาสตร์เป็นพิเศษ มีอยู่ครั้งท่านเดินทางมาอำเภอเขาชัยสน ขณะที่วัดเขาชัยสนกำลังมีการประชุมกำนันนายบ้านและในวันนั้นเอง อาจารย์ชุมก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งตอนนั้นบิดาของท่านอาจารย์ชุมกำลังร่วมประชุมอยู่ พระอาจารย์คงจึงบอกว่าเด็กคนนี้มีบุญเกิดในขณะที่คนส ำคัญกำลังประชุมกันพอดีให้ชื่อมันว่า"ชุม"ก็แล้วกัน
ทารกคนนั้นจึงได้นามว่า "ชุม" ตั้งแต่บัดนั้นและพร้อมกันนั้นพระอาจารย์คง ก็ได้นพดวงชะตาทารกชุมมาตรวจดูพบว่า เด็กคนนี้มีบุญวาสนาสูงมาก ต่อไปภายหน้าจะมีชื่อเสียงจะเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป พระอาจารย์คงจึงสั่งว่าเมื่อเขามีอายุครบบวชก็ขอให้ไปบวชที่วัดของท่าน
|