ผู้ที่กำลังจะถึงแก่ความตายนั้น ภายในจิตย่อมเกิดอารมณ์และความคิด สุดท้ายอารมณ์ต่างๆ เหล่านั้นจะผ่านเข้าไปในจิต มีทั้งอารมณ์ยินดีและยินร้าย พอใจและไม่พอใจ เพียงระยะเวลาสั้นๆ ของผู้ที่ไม่เคยฝึกอบรมจิตมาก่อน จิตจะส่งกระแสออกไปตามอารมณ์ต่างๆ นับไม่ถ้วน เมื่อดวงจิตจะต้องดับลงจริงๆ แล้ว ดวงจิตจะยึดเอาอารมณ์สุดท้ายที่จิตเสวยอยู่นั้นมาเป็นอารมณ์จิตและติดเข้าไปยังปรโลกด้วย ไปก่อให้เกิดภพภูมิของจิต อันเปรียบเสมือนมิติแห่งความคิดที่ดวงจิตวิญญาณ เมื่อผ่านเข้าไปยังปรโลกใหม่ ด้วยเหตุนี้บางคน แม้เคยทำบุญมามากต่อมากแต่ตายไปกลับไปตกนรกทั้งนี้เป็นเพราะ"จิตหมอง"ก่อนตาย บางคน แม้จะทำบาปทำกรรมมามากมาย แต่ตายไป กลับไปอยู่บนสวรรค์ทั้งนี้เพราะเกิด"จิตใส"ตอนดับจิต กรณีทั้งสองแบบ ล้วนมีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกมาแล้วทั้งสิ้นแต่สำหรับคนที่เคย"ฝึกจิต"มาก่อนวินาทีที่รู้ตัวว่า อย่างไรเสียจะต้องตายหรือดับจิตลงไปแน่ๆหาก"ทำเป็น" ก็อาจพลิกจิตยกขึ้นสู่ภูมิสูง ไปสู่"สุคติ"หรือ"อริยะ" ไป "สุคติภพ"หรือ"อริยภูมิ" เลยก็ได้ สำหรับวิธีตกกระไดพลอยกระโจน (สู่สุคติภพหรืออริยภูมิ)ของพระราชวุฒาจารย์หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม สุรินทร์ ก็คือ ปล่อยวางทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบันอยู่กับความไม่มีไม่เป็น ว่าง สว่าง บริสุทธิ์ หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาจิต ไม่มีอะไรเลยไม่ยึดถืออะไรสักอย่าง พระอริยเจ้ามีจิตไม่ส่งออกนอกจิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อมมีสติอย่างสมบูรณ์เป็น วิหารธรรมมีสติอย่างสมบูรณ์ เป็นเครื่องอยู่วิธีทำหยุดคิด อย่าส่งจิตออกนอกมีสติอย่างสมบูรณ์เป็นเครื่องอยู่แต่เรื่องของการ"พลิกจิต" ช่วงสุดท้ายนี้ หลวงปู่ดุลย์ท่านว่าบุคคลนั้นๆต้องเคย"ฝึก"มาก่อน จึงจะทำได้จริง พอดี หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
ที่มา : กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เรียบเรียงโดย
จินต์จุฑา เจนสระคู : สำนักข่าวทีนิวส์
|