ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
ประวัติ หลวงปู่สอ พันธุโล วัดป่าบ้านหนองแสง- หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 6280
ตอบกลับ: 3
ประวัติ หลวงปู่สอ พันธุโล วัดป่าบ้านหนองแสง- หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์
[คัดลอกลิงก์]
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2017-1-15 10:08
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย oustayutt เมื่อ 2017-1-15 10:11
ประวัติหลวงปู่สอ พันธุโล
ชีวประวัติ และปฏิปทาของหลวงปู่สอ พันธุโล ( พระครูภาวนากิจโกศล ) วัดป่าบ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
ชาติภูมิ
หลวงปู่สอ พันธุโล นามสกุล ขันเงิน ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 8 ปีระกา ตรงกับวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 ที่บ้านทุ่งมน ตำบลทุ่งมน อำเภอลุมพุก ( คำเขื่อนแก้ว ) จังหวัดอุบลราชธานี ( ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร ) บิดาชื่อนายตา ขันเงิน มารดาชื่อนางขอ ขันเงิน มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน 2 คน เป็นชายทั้งหมด คนแรกคือ หลวงปู่สอ พันธุโล คนที่สองคือ นายหมอ ขันเงิน ปัจจุบันอยู่ที่บ้านเดื่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย หลวงปู่สอ พันธุโล สมัยที่ท่านเป็นฆราวาสนั้นเป็นคนที่ชอบสนุกสนาน ร่าเริง เข้ากับหมู่คณะได้ทุกคน ขณะเดียวกันก็ยังเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีความสามารถในการกล่าวกลอนสด ( ผญา ) ของคนอีสาน เป็นที่ชอบใจของผู้ฟังทำให้คนแปลกใจว่าทำไรหลวงปู่ จึงมีความสามารถมากเช่นนั้นจริงๆ ที่หลวงปู่สอ เรียนจบเพียงชั้น ป.3 แต่ถึงท่านจะชอบสนุกสนานรื่นเริง นิสัยประจำตัวอย่างหนึ่งของท่านที่มีอยู่โดยตลอด คือ ความอดทน ความขยันหมั่นเพียรซึ่งนับว่าเป็นคุณสมบัติอันสำคัญยิ่งที่ส่งผลให้การทำความเพียรของท่านในภายหลังจากอุปสมบทแล้วมีความเด็ดเดียวมั่นคงและเจริญก้าวหน้าไปโดยลำดับ
ครองฆราวาสวิสัย
เมื่อครั้งที่ใช้ชีวิตฆราวาสอยู่นั้น เมื่ออายุได้ประมาณ 20 ปีเศษ หลวงปู่ได้แต่งงานกับนางบับ ซึ่งเป็นหญิงสาวชาวบ้านเดียวกันนั่นเอง หลังจากแต่งงานมีครอบครัวแล้วความรับผิดชอบทุกอย่างก็ตกอยู่กับท่าน เพราะท่านเป็นหัวหน้าครอบครัวจะต้องตื่นแต่เช้าขยันทำการงาน หนักเอาเบาสู้โดยหวังจะให้ภรรยา และลูกๆ มีความสุข บางครั้งต้องเดินทางรอนแรมไปต่างจังหวัดเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว หลายครั้งเมื่อกลับมาถึงบ้านก็มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับภรรยาบ้าง ตามประสาของฆราวาสเหมือนลิ้นกับฟันที่ต้องกระทบกันอยู่ทุกวัน
ในช่วงมีครอบครัวนี้ ท่านมีบุตร 3 คน ดังนี้คือ
1. นางอ่าง ขันเงิน ปัจจุบันอยู่บ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
2. เป็นผู้ชาย ( ไม่ทราบนาม ) ปัจจุบันได้เสียชีวิตแล้ว
3. นางนาง ขันเงิน ปัจจุบันอยู่บ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
สาเหตุแห่งการออกบวช
ความคิดครั้งแรกก่อนแต่งงานท่านคิดว่าชีวิตจะมีความสุขมีความราบรื่น แต่สุดท้ายก็คิดได้ตามหลักสัจจะธรรม ว่าการมีครอบครัวเป็นการทำให้หมดอิสรภาพแทบทุกอย่าง ต้องแบกภาระมากมายจิตใจก็หมกมุ่นอยู่แต่ในเรื่องของฆราวาสวิสัยในกิจการงานจนไม่มีเวลาเป็นของตนเอง ชีวิตมีแต่ความทรมานเร่าร้อนเหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับฆราวาสโดยทั่วไปมากนัก นอกจากผู้มีบุญบารมีเก่าที่เคยสั่งสมมาในอดีตชาติเท่านั้น หลวงปู่ได้ตัดสินใจบอกความประสงค์ของท่านต่อภรรยาว่าท่านปรารถนาจะออกบวช เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการครองเรือนแต่ภรรยาของท่านก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากอยู่ในระหว่างการสร้างเนื้อสร้างตัว และลูกก็เล็กอยู่ หลวงปู่ไม่ละความพยายามเมื่อมีโอกาสก็ขออนุญาตออกบวชอยู่เสมอ จนภรรยาของท่านต้องยินยอมแต่มีข้อแม้ว่าต้องออกบวชเพียง 15 วันเท่านั้น
การบวชครั้งแรก
ในปี พ.ศ.2496 ขณะอายุของหลวงปู่ได้ 32 ปี ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เป็นครั้งแรก ณ พัทธสีมา วัดสร่างโศรก ( วัดศรีธรรมาราม ) ตำบลในเมือง อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีพระครูปลัดบุญสิงห์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆ์รักษ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาสาย เป็นอนุสาวนจารย์ ได้รับฉายาว่า พันธุโล หลวงปู่สอ พันธุโล ได้เล่าว่าท่านมีความสุขใจ และมีความพอใจมากที่ได้บวชสมความตั้งใจ ทำให้มีความปลอดโปร่ง เหมือนบุคคลที่เป็นโรคแล้วหายจากโรค เหมือนบุคคลที่ถูกขุมขังแล้วหลุดพ้นจากที่คุม ขังจิตใจมีความสงบเยือกเย็น มองเห็นชีวิตแห่งการบวชเป็นทางที่จะแสวงหาความสุขได้อย่างแท้จริง ในการบวชครั้งนี้ หลวงปู่สอ ท่านพยายามที่จะทำตามกำหนดเวลาของภรรยาคือ บวช 15วัน แต่ในขณะที่บวชอยู่นั้นมีความรู้สึกสบายกายสบายจิต คิดว่าจะบวชให้นานที่สุด และท่านก็ได้ขอผัดผ่อนภรรยาเรื่อยมา สุดท้ายเมื่อครบ 15วัน ท่านก็ไม่ได้สึกตามที่ภรรยากำหนดไว้ จึงทำให้ท่านได้อยู่ในเพศพรหมจรรย์ และปฏิบัติธรรมเพื่อความสงบสันติแห่งใจเรื่อยมาถึง 2 พรรษา ในปี พ.ศ.2496 ซึ่งเป็นพรรษาแรก หลวงปู่สอ ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ( ปัจจุบันอยู่วัดป่าบ้านนาคูณ ) เป็นเจ้าอาวาส ท่านได้แนะนำ สั่งสอนข้อวัตรปฏิบัติ ตลอดถึงในการอบรมด้านสมาธิภาวนา
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2017-1-15 10:08
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เจดีย์หลวงปู่สอ พันธุโล
[size=17.3333px]หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ ณ วัดป่าโนนค้อ
[size=17.3333px]อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
[size=17.3333px]พระอาจารย์ผดุง เจ้าอาวาสวัดป่าโนนค้อ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
3
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2017-1-15 10:10
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่สอ พันธุโล วัดป่าบ้านหนองแสง มรณภาพ
หลวงปู่สอ พันธุโล
เจ้าอาวาส
วัดป่าบ้านหนองแสง
จังหวัดยโสธร ได้มรณภาพอย่างสงบ ณ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2552 เวลาประมาณ. 15.50น.
หลวงปู่สอ พัลธุโล
ท่านเป็นคนยโสธรโดยกำเนิด
หลวงปู่สอ
ท่านเป็นศิษย์สายกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตโดยตรงโดยท่านเป็นศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ,หลวงปู่ฝั้น อาจาโร,หลวงปู่ดุลย์ อตุโล,หลวงปู่ขาว อนาลโย,หลวงปู่ชอบ ฐานสโม,หลวงปู่หลุย จันทสาโรฯลฯ
หลวงปู่สอ
ท่านเป็นพระที่มีอุปนิสัยเด็ดเดี่ยวอาจหาญมากๆท่านปฏิบัติจริงชนิดยอมตายได้ถ้าไม่บรรลุธรรม และสิ่งที่เป็นสิ่งที่เป็นบุญวาสนาที่
หลวงปู่สอ
มีไว้ได้แก่ " องค์หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ " ที่เป็นพระที่ได้จากสมาธิและเป็นพระที่เป็นคุณอันวิเศษอย่างยิ่งและเป็นที่พึ่งของคนไทยทั้งประเทศ ( โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงโปรดให้หล่อหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ขนาด 99 " ไว้ในทุกๆเขื่อนของประเทศ
ในส่วนภูมิธรรมของ
หลวงปู่สอ
ท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณท่านได้กล่าวไว้ว่า "
ท่านหลวงปู่สอ พัลธุโล ท่านเป็นพระที่บริสุทธิแล้วและท่านไม่เกิดอีกแล้ว
" และที่พิเศษก็คือ เกสา และเล็บของหลวงปู่สอ ท่านแปรเป็นพระธาตุแม้ชีวิตท่านยังไม่สิ้นเลยก็ตาม
นับเป็นการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของบรรดาศิษย์ทั้งหลายที่ได้สูญเสียพระอริยสงฆ์ที่บริสุทธิอันเป็นเสาหลักในหัวใจอย่างไม่มีวันได้กลับคืนมาอีกแล้ว ขณะนี้ตั้งศพอยู่ที่
วัดป่าบ้านหนองแสง
จังหวัดยโสธร กำหนดรดน้ำศพตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 เป็นต้นไป
กำหนดการประชุมเพลิงศพ
- วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2552
[size=17.3333px]
พระพุทธสิริสัตตราช-หลวงปู่สอ พันธุโล-พระบรมสารีริกธาตุ และบ้านเรือนไทย ลาดพร้าว.....
ภาพปาฏิหาริย์หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ที่ติดอยู่หน้าห้องรับแขกของหลวงปู่สอ พันธุโล คุณหญิงบอกว่าถ่ายได้เมื่อ2-3นี้เองช่วงกำลังจัดงาน ท่านก็ชอบเรื่องลึกลับ ปาฏิหาริย์เหมือนกับเรานั่นแหละ คอเดียวกัน.......
ของคุณหญิงสุรีย์พันธ์ มณีวัต พี่สาวเราที่เราเคารพนับถือ ร่วมทำบุญกุศลกับท่านมากว่า 20 ปี !!!.....ที่นี่ มีอะไรดีบ้าง ขนาดชาวต่างประเทศหลายประเทศ เดินทางเช่าเครื่องบินเหมาลำมาสักการะกราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุ หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ พระประธานที่บ้านเรือนไทย (บรรจุพระบรมสารีกธาตุพระพุทธเจ้าถึง 8 แสนองค์บนยอดพระเกศ พระธาตุอรหันต์ของครูบาอาจารย์สายวัดป่าในองค์ท่านอีก 22 องค์)จำนวนมากมาย ไม่เคยว่างเว้น นี่ยังไม่นับรวมคนไทย คนจีน พุทธศาสนิกชนทั่วๆไปอีกจำนวนมายมหาศาลที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาของพระป่าสายหลวงปู่มั่น ภูทัตโตมายาวนานหลายสิบปีที่ผ่านมา......
พระพุทธสิริสัตตราช เป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านเมืองไทยที่สำคัญมากองค์หนึ่ง ภาพถ่ายของท่านภาพนี้หลับตา ถ่ายอีกครั้งก็มีภาพลืมตา มีหลายๆภาพ นี่เป็นเรื่องปกติของท่าน ถ้าใครไม่สังเกตุดีๆก็จะไม่เห็นนะ......
ที่บ้านเรือนไทยลาดพร้าวนี้ มีพระบรมสารีริกธาตุน่าจะมากที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ มีเป็นห้องๆขนาดใหญ่เลยทีเดียว รองลงมาก็บ้านคุณทองดี และบ้านคุณปราโมช แห่งชมรมรักษ์พระบรมธาตุฯ ที่วัดของหลวงปู่จามฯทางภาคอิสาน ก็มีมากไม่น้อยเหมือนกัน!!!.....
เซียนหญิง เกจิอาจารย์ของพม่าท่านหนึ่ง ไม่เคยมาเมืองไทยเลย ไม่เคยรู้จักบ้านเรือนไทย แต่นั่งสมาธิเห็นบ้านเรือนไทยหลังหนึ่งในกรุงเทพฯ บนหลังคาบ้าน มีแสงสว่างไสวส่องไปไกลทั่วกรุงเทพมหานคร ท่านบอกกับหลายๆคนไทยที่พบบ่อยๆว่า บ้านหลังนี้ต้องมีอะไรดีๆที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆแน่นอน!!!.....
ภาพนี้ถ่ายขณะออกจากบ้านเรือนไทยกำลังเดินออกไปขึ้นรถที่จอดไว้ที่ปั๊มน้ำมันใกล้ๆเพราะไม่มีที่จอดรถในบ้านแล้วเต็มหมด มีดวงกลมๆโตๆเป็นแสงสีเหมือนเพชร7สี เต็มฟ้าทีเดียว นึกว่าจะไม่มีภาพเด็ดๆมาฝากแฟนๆเสียแล้วซี.....
เมื่อวานพวกเราได้ไปร่วมงานพิธีพุทธาภิเษก พระพุทธสิริสัตตราช หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์หยกขาว จำนวนมาก ที่จัดสร้างขึ้นเป็นพิเศษ เราไปพระกำลังสวดคนแน่นไปหมด แม้แต่ถนนหน้าบ้านคนก็แน่นตามข้างทาง เราขึ้นไปบนบ้านไม่มีที่ว่าง ต้องไปขึ้นหลังบ้านที่เป็นเรือนคนใช้แม่บ้าน พอมีที่ว่างสำหรับพวกเรา ซึ่งเป็นที่อยู่ของสุนัขหลายตัวที่บ้านนี้ด้วย!!!....ผู้คนเต็มบ้านไปหมด หลังเสร็จพิธีได้พบกับคุณหญิงผมคุยกับท่านๆหัวเราะ เมื่อพบพูดว่า "บ้านคุณหญิงแคบไปถนัดใจเลยนะวันนี้"!!!.....ผมได้ภาพปาฏิหาริย์เมื่อคืนจากบ้านเรือนไทยมาฝากทุกท่านเหมือนเคยครับ.....
คุณหญิงจะทำบุญใหญ่ครบรอบ 12 รอบ(84 ปี) ทอดกฐิน 5 วัด เรารีบแจ้งรายชื่อเป็นกรรมการกฐินของท่านเหมือนที่เคยปฏิบัติมา ถ้าเรารู้เราจะมาร่วมด้วยเสมอครับ.......
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
4
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2017-1-15 10:13
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
[size=17.3333px]
**อัศจรรย์..."หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์" พระคู่บารมีหลวงปู่สอ พันธุโล**
..ผมเคยเห็นองค์จริงเลยครับ คือว่าวันนั้นผมไปทำบุญกับหลวงปู่สอ ที่วัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร กับครอบครัว ไปกัน8คนครับ น่าจะหลายปีแล้ว วันนั้นรู้สึกว่ามีครอบครัวผมไปคณะเดียวครับ ปรากฏว่าหลวงปู่สอท่านพักผ่อนอยู่ในกุฏิครับ ลูกวัดบอก ผมก็ไปรอท่านสักพัก หลวงปู่สอ ก็อนุญาติให้เข้าไป ผมและครอบครับก็ไปกราบท่านครับ (ตอนนั้นผมไม่รู้จักหลวงปู่สอเลยครับ ยิ่งหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ยิ่งไม่รู้จักใหญ่เลย แต่ลุงผมบอกแต่ว่าหลวงปู่สอเป็นพระปฏิบัติดี สายหลวงตา มหาบัวครับ เลยไปทำบุญกับท่าน )
พอเข้าไปในกุฎิ ผมและครอบครับก็กราบท่านแล้วก็ทำบุญครับ แล้วก็สนทนาธรรมกับท่านไปตามประสาครับ ต่อมาอยู่ดีๆท่านก็เอ่ยออกมาว่าจะให้ดูหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ แล้วท่านก็ลุกขึ้นเดินไป ไขกุญแจเข้าไปในห้องท่านสักพัก ระหว่างที่คอยหลวงปู่สอนั้น ลูกวัดก็ได้บอกกับครอบครัวผมว่า ปกติหลวงปู่สอจะไม่ยอมให้ใครดู หลวงพ่อเจ๊ดกษัตริย์องค์จริงเลย แม้แต่ลูกวัด(คนพูด)ยังไม่เคยเห็นเลย(คราวนี้ก็ได้เห็นพร้อมกัน)...ผมได้ยินแบบนี้ผมก็ตื่นเต้นนิดหน่อยครับ เพราะผมยังไม่รู้จักหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์คืออะไร..
สักพักต่อมาหลวงปู่สอก็ออกมาพร้อมกับพระพุทธรูปสีทอง ไม่รู้ว่าขนาดเท่าไรเพราะไม่ชำนาญครับเอาเป็นว่าถ้าแบกไปไหนมาไหนด้วยก็หนักน่าดูครับ..แล้วท่านก็ให้ครอบครัวผมได้ชื่นชมบารมีหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ครับ แล้วหลวงปู่สอ ก็ให้ครอบครัวผม อธิฐานแล้ว ยกหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ขึ้นเหนือหัวครับ ถ้ายกได้ก็สำเร็จ หนักน่าดูเลย น่าจะสัก8-10กิโลได้ครับ ...ต่อมาท่านก็ยังเมตตาให้ดู พระพุทธรูปชื่อ มัทซี กัณหา และชาลีด้วยครับ ทั้ง3องค์นั้ก็เสด็จมาหาหลวงปู่สอเองเหมือนกันครับ สรุปว่าวันนั้นครอบครัวผมแจ็คพ็อคครับได้ดูพระคู่บารมีของหลวงปู่สอ หมดทุกองค์เลยครับ ขนาดลูกวัดคนสนิทคอยดูแลหลวงปู่สอยังบอกเลยว่าเขายังไม่เคยเห็นเลย...คนส่วนใหญ่จะได้เห็นหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ที่ทำเหมือนไว้เฉยๆ ที่ตั้งไว้หน้ากุฏิหลวงปู่สอ เพราะหลวงปู่สอท่านหวงแหนมากแทบไม่ให้ใครเห็นเลย องค์ที่หลวงปู่สอได้มาจริงๆท่านเก็บไว้ในกุฏิท่านอย่างมิดชิด เป็นอันว่าผมโชคดีมากๆเลยที่มีโอกาสได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดพระคู่บารมีหลวงปู่สอเช่นนี้.....(จนบัดนี้ผมก็ยังไม่ทราบว่า ทำไมหลวงปู่สอ จึงให้ครอบครัวผมได้มีโอกาสสัมผัส พระคู่บารมีของท่าน ถึงยังไงเมื่อมีโอกาสแล้ว ก็ต้องพยายาม ทำทาน ศีล ภาวนา ต่อไปเพื่อตอบแทนท่านที่เมตตาครอบครัวผม)
.....ที่มาของหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ ที่ผมได้ยินจากปากท่าน ตอนไปทำบุญกับครับครับที่วัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร ครับ(ถ้ามีการคลาดเคลื่อนประการใดก็ขอขมาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ด้วยครับ)คือว่าหลวงปู่สอ เล่าตอนที่ท่านเก็บหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์เข้ากุฏิแล้ว ว่าหลวงปู่สอท่านได้มาตอนอยู่วัดป่าบ้านตาด (เล่าแบบย่อนะครับ ) มีนิมิตตอนภาวนา มาบอกหลวงปู่สอ ล่วงหน้าหลายเดือนว่าจะมี ผู้นำพระพูทธรูปมาถวายให้พร้อมทั้งบอกเวลา วัน เดือน ปี ที่จะนำมาถวายให้ด้วย ซึ่งหลวงปู่สอเห็นนิมิตนี้หลายครั้งมาก ซึ่งหลวงปู่สอ ก็ได้นำนิมิตนี้ไปเล่าให้ หลวงตา มหาบัวฟัง หลวงตา มหาบัวก็บอกว่าห้ามไปเล่าให้ใครฟังนะเด๋วเขาจะว่า ท่านบ้า...
หลวงปู่เล่าว่าในขณะถูกหลวงตามหาบัวดุว่าบ้านั้น ท่านเอานิ้วมือออกมานับดู ก็นับครบห้า ครบสิบอยู่ ท่านจึงบอกกับตัวท่านเองว่า
“ ยังไม่บ้า ” หลวงตามหาบัวยังสั่งท่านอีกว่า
ไว้ให้ได้จริงๆก่อน ซึ่งต่อมาพอถึงกำหนดเวลาตามนิมิตนั้น หลวงปู่สอก็ได้ยินเสียง(ท่านเล่าว่าเสียงดังเหมือนเครื่องบินมาจอดหน้ากุฏิท่าน แล้วก็มีชายแต่งชุดเขียวนำพระพุทธรูป(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)มาถวายให้ หลวงปู่สอ บอกว่าชายที่นำมาให้นั้นคือพระอินทร์) ซึ่งท่านก็ได้หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์(ดังรูป)ตามนิมิตที่ท่านเห็นจริงๆ ซึ่งวันนั้นหลวงตา มหาบัวท่านก็เดินมาที่กุฏิ เพื่อพิสูจน์นิมิตตามที่หลวงปู่สอ บอกไว้ ซึ่งหลวงตา มหาบัวท่านก็เห็น หลวงตา มหาบัวก็บอกหลวงปู่สอว่า "เอ็งเก่งกว่าพ่อมันอีก"(พ่อในที่นี้คือหลวงตาบัว ที่ท่านว่า เก่ง เพราะหลวงปู่สอ มีบารมีในด้านนี้ หลวงตาบัวเลย ชม) แล้วหลวงปู่สอก็เล่าถึงพระพุทธรูปอีก3องค์ที่เหลือว่าเสด็จมาหา หลวงปู่สอเอง อีกด้วย
(ลองศึกษาดูนะครับ "หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์" พระคู่บารมีหลวงปู่สอ พันธุโล วัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร)
http://www.baanruenthai.com
รูปขนาดเล็ก
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...