ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1957
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

“พระเจ้าเหา”

[คัดลอกลิงก์]
สำนวนคุ้นหูว่า “พระเจ้าเหา” ซึ่งให้ความหมายในเชิงเก่าแก่ ยาวนานจนไม่อาจประมาณการถึงห้วงเวลาได้แน่ชัด เช่น อาหารประเภทนี้ชาวบ้านทำกินกันมาตั้งแต่ยุคพระเจ้าเหา ! หมายถึง นานมากกกกจนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

  

คำว่า พระเจ้าเหานี้ ก็มีที่มาลึกลับ ไม่ทราบต้นเหตุแน่ชัดว่ามาจากไหน ?

แนวคิดที่ 1

พระเจ้า “เสียวเหา” เขาคือต้นตระกูลไท

ในอดีตมีผู้สันนิษฐานไว้หลายประการ ที่แพร่หลายสุดๆ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์คือเวอร์ชั่นของ ลิขิต ฮุนตระกูล จากหนังสือ “ประวัติการสัมพันธ์ระหว่างชาติไทยกับชาติจีน” ซึ่งระบุว่า พระเจ้าเสียวเหา (หรือพระเจ้าเหาน้อย) กษัตริย์พระองค์ที่ 2 ในพงศาวดารจีนครองราชย์ระหว่าง 2,054 ถึง 1,871 ก่อนพุทธศักราช พระองค์เป็นต้นตระกูลของชนชาวไทย ไทย ซึ่งลูกหลานในภายหลังได้กลายเป็นชาวดอยไปในมณฑล ฮูนาน กวางตุ้ง กวางสี กุยจิว เสฉวน และหยุนนาน ซึ่งชนจีนได้พบชาวดอยนี้ในสมัยราชวงศ์ฮั่น”


ข้อสันนิษฐานนี้ ได้รับความเชื่อถือโดย ศาสตราจารย์พิเศษ จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต
ผลงานของ ลิขิต ฮุนตระกูล (ภาพจาก siambook.net)
แนวคิดที่ 2

พระเจ้าเหา มาจาก “ชื่อตึก” เขมรหมายถึง พระเจ้าเรียก  

อีก 1 แนวคิดที่อธิบายโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อธิบายว่า คำว่า พระเจ้าเหา  มาจากชื่อตึกหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี รัชกาลที่ 5 มีพระราชวิจารณ์ว่า ‘คำว่าเหานี้ สันนิษฐานว่าเป็นภาษาเขมร แปลว่าเรียก หมายความว่ารับสั่งให้เข้าหา หรือเข้ามาประชุม นึกสงสัยต่อไปว่า จะมีศาลพระเจ้าเหาหรืออย่างไรทำนองเดียวกันแต่โบราณมาแล้ว เป็นแต่เอาชื่อเดิมมาเรียก มิใช่คิดขนานใหม่สำหรับตึกที่สมเด็จพระนารายณ์ฯทรงสร้างที่ในพระราชวังเมืองลพบุรี ตึกพระเจ้าเหาจึงแปลได้ว่า “ตึกพระเจ้าเรียก” เป็นที่สำหรับขุนนางประชุมปรึกษาราชการ ถ้าจะแปลเป็นฝรั่งก็แปลได้ตรงๆ ตัวว่า “Convocation Hall”

ในสมัยปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ พระเพทราชากับหลวงสรศักดิ์ได้กระทำรัฐประหารในตึกนี้ กล่าวคือในขณะที่ขุนนางทั้งปวงประชุมกันอยู่พร้อมเพรียงก็ให้ทหารเอาหอกดาบและปืนสอดเข้าไปตามช่องหน้าต่างประตูโดยรอบ แล้วพระเพทราชาก็ประกาศตนเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ให้ขุนนางทั้งหลายกระทำสัตย์สาบาน ณ ที่นั้น หลังจากรัฐประหารครั้งนี้แล้วเหตุการณ์ในกรุงศรีอยุธยาและระเบียบวิธีปฏิบัติราชการคงจะเปลี่ยนไปมาก ของอะไรที่เกิดขึ้นใหม่ถ้ามีคนถามว่าเกิดขึ้นเมื่อไร ก็คงจะตอบกันว่า “แต่ครั้งตึกพระเจ้าเหา” ราชวงศ์บ้านพลูหลวงนั้นก็เกิดขึ้น “แต่ครั้งตึกพระเจ้าเหา” ต่อมาคำว่า “ตึก” เห็นจะหายไป คงเหลือแต่คำว่า “ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าเหา” แปลว่า ‘ตั้งแต่ครั้งเปลี่ยนแปลงการปกครอง’ หรือ ‘ตั้งแต่ครั้งรัฐประหาร’ นั่นเอง

แนวคิดเรื่องพระเจ้าเหามาจากชื่อตึกนี้ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เคยระบุไว้เช่นกันว่า เคยทรงสอบถามศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส ได้รับคำตอบว่า เป็นภาษาเขมร แปลว่า ที่พระเจ้าแผ่นดินตรัสเรียกเคาน์ซิลออฟเชมเบอร์ (Council of Chamber) มาประชุม



ข้อสันนิษฐานนี้ ได้รับการเชื่อถือโดย ทองแถม นาถจำนงค์ คอลัมนิสต์ซึ่งเชี่ยวชาญภาษาจีน


ตึกพระเจ้าเหา ภายในพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี (ภาพจากกรมศิลปากร)



แนวคิดที่ 3

“เฮ่า” เป็น “ชื่อพิเศษ” 1 ใน 6 ประเภทของวัฒนธรรมจีน

มาถึงแนวคิดของผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมจีนอันดับต้นๆของไทยอย่าง ถาวร สิกขโกศล ซึ่งระบุไว้ในหนังสือ ชื่อ แซ่ และระบบตระกูลแซ่ ว่า  เหา น่าจะมาจากคำจีนว่าเฮ่า เป็นนามพิเศษออกไปจาก “ชื่อตัว” และ “ชื่อรอง” ในวัฒนธรรมจีน มีชื่อต่างๆ กัน แบ่งได้ 6 ประเภท

มีตัวอย่าง เช่นคำว่า  เมี่ยวเฮ่า (เป็นเฮ่าของกษัตริย์เท่านั้น) เมี่ยว แปลว่า ศาล ในที่นี้หมายถึง ไท่เมี่ยว คือ ศาลสถิตวิญญาณบูรพกษัตริย์ของพระราชวงศ์   ไทยเรียก “หอพระเทพบิดร” หรือ “ปราสาทเทพบิดร”


ข้อสันนิษฐานนี้ ได้รับการเชื่อถือโดย สุจิตต์ วงษ์เทศ ที่บอกว่า  ข้อมูลดังกล่าวชวนให้คิดเข้ากันได้กับคำว่าพระเจ้าเหา ซึ่งหมายถึงเก่าแก่ ดึกดำบรรพ์

สุจิตต์ ยังบอกอีกว่า ตนเชื่อตามคำอธิบายซึ่งมีอีกมากอยู่ใน หนังสือ ชื่อ แซ่ และระบบตระกูลแซ่ ซึ่งเป็นหนังสือเล่มล่าสุดของอาจารย์ถาวร

“อ่านอร่อยมาก รวดเดียวจบเล่ม เพราะสอดแทรกวรรณกรรมจีนไว้ด้วย และไม่ได้มีเรื่องจีนอย่างเดียว แต่เทียบเรื่องไทยไว้ทั้งเล่ม ยอดเยี่ยมกระเทียมโทนแท้ๆ ไทยอยู่ราวกึ่งกลางระหว่างอารยธรรมอินเดียกับจีน ฝรั่งเรียกอินโดจีน ความเป็นไทยจึงมีผสมทั้งวัฒนธรรมอินเดียและจีน หากไม่เข้าใจพร้อมกัน 2 ด้าน ก็ไม่สมบูรณ์”

นอกจาก 3 แนวคิดข้างต้น ที่มาของคำว่า พระเจ้าเหา ยังมีข้อสันนิษฐานอื่นๆยิบย่อยอีกหลายประการ เช่น  มาจากชื่อพระพุทธรูป ว่า พระเจ้าหาว โดยคำว่าหาว แปลว่า ท้องฟ้า แล้วเพี้ยนเป็น เหา เป็นต้น แต่ไม่ค่อยได้รับความเชื่อถือมากนัก


http://www.matichon.co.th/news/355687
อ่อ มีที่มาอย่างนี้เลยทีเดียว
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้