|
ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ดังที่พุทธศาสนิกชนทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจกันรังสรรค์ "วิหารเทพวิทยาคม" แห่งวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
วิหารดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นมหาวิหารแห่งพระไตรปิฎก หรืออีกนัยหนึ่งคือดินแดนแห่งการรวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด
มหาวิหารแห่งนี้จึงเป็นที่แรกและที่เดียวในโลกที่นำเอาพระไตรปิฎกมาแสดงและให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป
วิหารเทพวิทยาคม (อาคารปริสุทธปัญญา) เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 บนพื้นที่กลางบึงน้ำขนาด 30 ไร่ ภายในวัดบ้านไร่ ส่วนบริเวณวิหารมีปริมณฑลกว้าง 60 เมตร ยาว 60 เมตร เฉพาะองค์วิหารเป็นอาคารลักษณะทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เมตร สูงประมาณ 42 เมตร มี 4 ชั้น ทางเข้าด้านหน้าทิศตะวันออกเป็นซุ้มประตูพระอินทร์ผู้เป็นใหญ่แห่งสรวงสวรรค์ สถิตอยู่ใต้เศียรช้างเอราวัณขนาดใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมือง
ใช้ทุนในการสร้างกว่า 200,000,000 บาท ซึ่ง หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ทำพิธีลงเสาเอก สำหรับงานก่อสร้าง เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2555 ด้วยเหตุนี้ทางคณะกรรมการจึงมีการสร้าง "พระกริ่งและพระชัยวัฒน์เทพวิทยาคม" ขึ้นเพื่อระดมทุนจัดสร้างองค์วิหาร โดยมี ขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เป็นประธานอำนวยการกิตติมศักดิ์ เพื่อวิหารแห่งพลังศรัทธาในพุทธศาสนาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
งดงามอย่างไรสุดแล้วแต่ปัจเจกมอง แต่ความหมายยิ่งใหญ่แห่งพุทธประวัติ คงอยู่ชั่วกาลนาน
ภาพจิตรกรรมพุทธประวัติ
ความอลังการงดงามเป็นเอกลักษณ์ของวิหารเทพวิทยาคม อยู่ที่ยอดอาคารประดิษฐานรูปหล่อโลหะพระพุทธรูปปางลีลาสูง 7 เมตร 50 เซนติเมตร และรูปหล่อโลหะหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ในอิริยาบถยืนถือตะบองสูงกว่า 5 เมตร อันเป็นสัญลักษณ์ของวัดป่าบ้านไร่ ส่วนชื่อวิหาร ได้มาจากราชทินนามสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นเทพ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานถวาย
"ซุ้มหัวพญานาค" ทอดกายเป็นสะพานแห่งศรัทธา เดินข้ามผ่านโลกมนุษย์สู่โลกแห่งธรรม
ด้วยความที่มหาวิหารอยู่กลางน้ำ จำต้องมีสะพานเพื่อทอดจากฝั่งไปยังตัววิหาร ผู้ออกแบบจึงนำ "พญานาค" ประติมากรรมปูนปั้นบุด้วยกระเบื้องโมเสกอันวิจิตรบรรจงพาดผ่านสองข้างสะพาน พญานาคสองตัวนี้ แต่ละตัวมีเศียร 19 เศียร รวม 2 ฝั่ง 38 เศียร มีความหมายอันเป็นมงคลชีวิต 38 ประการ สถิต ณ จุดทางเข้าสู่มณฑลวิหาร ลำตัวของพญานาคโอบอุ้มวิหารกลางน้ำไว้โดยรอบ
"แก้วสารพัดนึก" โอบด้วยเกลียวหางพญานาค ขมวด 3 ชั้น ศีล สมาธิ ปัญญา
ณ จุดที่หางสะพานพญานาคมาบรรจบขดเป็นเกลียว 3 เกลียว ห่อหุ้มแก้วสารพัดนึกซึ่งมีรัศมีเรืองรองสว่างไสวตลอดเวลา มีความหมายถึง "ไตรสิกขา" คือศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นสามัคคีธรรมที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายดั่งใจนึก สำหรับใครที่ต้องการประสบความสำเร็จตามใจปรารถนา ลองนำคติธรรมที่แอบแฝงอยู่ภายในแก้วสารพัดนึกไปปฏิบัติกันได้
ส่วนความวิจิตรที่ประชาชนจะพบเมื่อลอดผ่านแก้วสารพัดนึก คือซุ้มประตูมหาบารมีทั้ง 4 ทิศ
ดำเนินการสร้าง
ได้แก่ ซุ้มอภิมหาบารมีพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ซุ้มอภิมหาบารมีพระพิรุณ ซุ้มอภิมหาบารมีพระกุเวร (ท้าวเวสสุวรรณ) และสุดท้ายซุ้มอภิมหาบารมีพระยมและรูปปั้น "สุนัข 3 หัว" อันมีความหมายถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งแฝงไปด้วยความหมายแห่งการปล่อยวาง สุนัข 3 หัวนี้มีหน้าที่เฝ้าไม่ให้ดวงวิญญาณชั่วร้ายกลับออกมาจากประตูนรกเด็ดขาด นอกจากนี้ยังมีพญาแร้งบริวารของพระยม ตัวแทนแห่ง โลภะ โทสะ โมหะ กิเลสในใจของมนุษย์ทุกคน หากละเลิกหรือหลีกเลี่ยงกิเลสไม่ได้ ก็จะเป็นอุปสรรคขัดขวางความดีตนเองในอนาคต
เมื่อเห็นถึงความงดงามภายนอกวิหารแล้ว ภายในวิหารยังสวยงามไม่แพ้กัน
ผู้ศรัทธาที่เดินชมภายในจะพบเรื่องราวพุทธประวัติตั้งแต่สมัยกำเนิดพระพุทธเจ้าต่อจากพระชาติสุดท้ายจนถึงพระองค์ดับขันธปรินิพพาน ถ่ายทอดผ่านจิตรกรรมฝาผนัง 6 ภาพจากศิลปิน 6 คน ที่เกิดขึ้นจากความประณีตบรรจงสุดฝีมือของผู้ถ่ายทอด โดยใช้ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์แทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
ส่วนเสาที่รองรับหลังคาเอราวัณ ผู้ออกแบบได้บรรจุภพชาติที่พระพุทธเจ้าถือกำเนิดทั้ง 523 ชาติไว้รอบๆ ตัวเสาที่โอบล้อมตัววิหารอย่างสวยงาม ต่อด้วยจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง "ทศชาติชาดก" ที่เป็นจิตรกรรมเขียนสีแผ่นเซรามิก แล้วนำไปเผาไฟแรงสูง ซึ่งในแต่ละภาพจะเล่าเรื่องราวในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า ถ่ายทอดจากศิลปินผู้มีชื่อเสียง อาทิ ปรมัตถ์ เหลืองอ่อน, สัมพันธ์ สารารักษ์, จินตนา เปี่ยมศิริ ถือเป็นภาพจิตรกรรมผนังที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน |
|