|
จับตา 19 ปีไทยเสี่ยงดินไหวใหญ่
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. นายทินกร ทาทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 (ลำปาง) รับผิดชอบพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ กล่าวว่า จากข้อมูลการเกิดแผ่นดินไหวของประเทศไทยในปี 2526 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9 แม็กนิจูด ที่จ.กาญจนบุรี ต่อมาปี 2537 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.6 แม็กนิจูด ที่อ.พาน จ.เชียงราย และล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2557 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 แม็กนิจูด ที่อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จากการคาดการณ์ระยะเวลาการเกิดแผ่นดินไหวที่จ.เชียงราย จำนวน 2 ครั้ง ห่างกันประมาณ 20 ปี หากเป็น รอบของการเกิดแผ่นดินไหวจริง จึงคาดว่าในอีก 20 ปี ข้างหน้า หรือในปี 2577 ประเทศไทยจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อีก
นายทินกรกล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลังอยู่ทั้งหมด 14 รอยเลื่อน แบ่งเป็นภาคเหนือ 10 รอยเลื่อน ภาคตะวันตก 2 รอยเลื่อน และภาคใต้ 2 รอยเลื่อน ซึ่งในพื้นที่ภาคเหนือมีการเกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง โดยมีขนาดต่ำกว่า 3 แม็กนิจูด ประกอบ กับภาคเหนือมีจำนวนรอยเลื่อนมากที่สุดในประเทศไทย จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะรอยเลื่อนเถิน ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของ จ.ลำปาง และแตกแขนงพาดมายังฝั่งทิศเหนือ รวมถึงรอยเลื่อนพะเยา พาดผ่าน อ.งาว จ.ลำปาง และอ.เมือง ต.พะเยา และรอยเลื่อนท่าสี พาดผ่าน อ.เมือง อ.แม่เมาะ และอ.งาว จ.ลำปาง
นายทินกรกล่าวต่อว่า ปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือใดที่จะเตือนแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้ จึงเป็นการคาดการณ์เท่านั้น ซึ่งเรายังไม่รู้ว่าจะเกิดที่ใดบ้าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้อง เตรียมความพร้อมในการรับมือแผ่นดินไหว โดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งปกติกรมทรัพยากรธรณีจะเฝ้าระวังแผ่นดินไหวให้ประชาชนตลอดทั้งปีอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้จะจับตา ดูเป็นพิเศษ เนื่องจากประชาชนห่วงเรื่องแผ่นดินไหวใหญ่ที่ประเทศเนปาล แต่ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย เพราะอยู่ห่างจาก จ.เชียงราย ประมาณ 1,700 ก.ม. และห่าง จากกรุงเทพฯ ประมาณ 2,300 ก.ม.
|
|