ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม ราชบุรี

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-7-24 06:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด

12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-7-26 06:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-7-26 06:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด

14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-7-26 06:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด

15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-9-9 18:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เหรียญหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม  









รูปหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม และพระบูชาหลวงปู่หนู

“เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ฉบับประจำวันเสาร์ที่ ๒๒ สิงหาคมนี้  ขอนำท่านผู้อ่านพบกับ หลวงปู่หนู ฉินนกาโม เจ้าตำรับหนุมานเชิญธงแห่งเมืองโอ่ง  เหรียญของท่านมีพุทธคุณสูงเป็นที่เล่าขานกันปากต่อปากมาอย่างยาวนาน  โดยเฉพาะประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพันชาตรี และสยบ “ระเบิด”


ประวัติหลวงปู่หนู ฉินนะกาโม วัดทุ่งแหลม

หลวงปู่หนู ฉินนกาโม  มีนามเดิมว่า หนู เจริญวิทยา เกิดเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ ที่   หมู่  ๕ ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โยมบิดาชื่อนายฮง มารดาชื่อนางบาง  จบชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนวัดหนองโพ แล้วช่วยบิดา-มารดาทำงานทางบ้าน  จากนั้นได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดหนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี  ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้ นักธรรมโท ขณะบวชเป็นสามเณร  ท่านได้สนใจศึกษาวิชาทางไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถาพุทธาคมต่าง ๆ  จึงไปเรียนกับ หลวงพ่อหลาบ วัดเนินตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จนเชี่ยวชาญจากนั้นได้ไปเรียนกับ หลวงพ่อหลุง วัดทุ่งสมอ อีก ๓ ปี กระทั่งอายุครบบวชในปี พ.ศ.  ๒๔๕๘ จึงทำการอุปสมบทที่วัดใหม่เจริญผล โดยมี หลวงพ่อปลิว  เป็นพระอุปัชฌาย์แล้วไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์วัดเขาคร้อ  หนึ่งพรรษาจึงไปเรียนวิชาพุทธาคม และวิปัสสนากั
หลวงพ่อโหน่ง  วัดคลองมะดัน จ.สุพรรณบุรี
จากนั้นได้ไปเรียนวิชากับ  หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง และหลวงพ่อแช่ม  วัดตาก้อง จ.นครปฐม ซึ่งระหว่างเรียนวิชากับ “หลวงพ่อแช่ม”  นั้นท่านได้พบกับศิษย์อีกคนหนึ่งของหลวงพ่อแช่มที่มาเรียนด้วย คือ หลวงพ่อเต๋  วัดสามง่าม จ.นครปฐมจากนั้นจึงไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์วัดเขาคร้อ  จนคณะสงฆ์เห็นในศีลาจารวัตรของท่านเหมาะสมจึงนิมนต์ให้ท่านไปเป็นเจ้าอาวาสวัดกระต่ายเต้น อ.ท่ามะกา  จ.กาญจนบุรี  แต่อยู่ได้ไม่นานเกิดความเบื่อหน่ายกับการบริหารจัดการวัดร่วมกับกรรมการจึงขอลาสิกขาออกไปใช้ชีวิตฆราวาสอยู่ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี  ซึ่งระหว่างเป็นฆราวาสอยู่นั้นก็ยังคงปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ต่อมาเมื่อถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๒ ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง ณ  วัดกุฎบางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยมีพระครูเกษมสุตคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์  พระมหาเปรย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฉินนกาโม” และไปจำพรรษาปฏิบัติธรรม  ณ วัดไทยธรรมาราม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ๕ พรรษาจึงกลับมาวัดกุฎบางเค็ม  ชาวบ้านทุ่งแหลม เลื่อมใสในศีลาจารวัตรจึงนิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดทุ่งแหลม  อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี  โดยได้ทำการพัฒนาวัดทุ่งแหลมจนเจริญก้าวหน้าเป็นลำดับมา
ระหว่างอยู่วัดทุ่งแหลมนี้เองมีประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก  ท่านจึงได้สร้างมงคลวัตถุออกแจกจ่ายแก่ประชาชน และศิษยานุศิษย์มากมายหลายรุ่น  ซึ่งก็มีประสบการณ์มากมาย จวบจนกระทั่งถึงวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙  ท่านจึงละสังขารมรณภาพอย่างสงบ  คงทิ้งไว้แต่อนุสรณ์แห่งความดีงามและมงคลวัตถุตลอดจนสังขารที่ไม่เน่าเปื่อย  ซึ่งทางวัดได้ใส่หีบแก้วไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจแก่ศิษยานุศิษย์ผู้เลื่อมใส  ศรัทธาต่อไป

เหรียญหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม รุ่นสุดท้าย,รุ่นแจกแม่ครัว  และรุ่นคทาไขว้


  


16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-9-9 18:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เหรียญของหลวงปู่ที่เล่นหากันในราคาสูงมีอยู่ไม่กี่รุ่น  ส่วนมากจะเป็นรุ่นแรก ๆ ส่วนรุ่นหลัง ๆ จะไม่ค่อยแพง พระเครื่องของท่านจึงถือว่าเป็นของดีราคาถูกเพราะส่วนมากจะทันท่านเสกหมด  ปัจจุบันยังพอหาได้ นอกจากมงคลวัตถุของท่านจะศักดิ์สิทธิ์มีประสบการณ์มากมายแล้ว  ตัวท่านยังมีชื่อเสียงในด้านการสักอักขระเลขยันต์เป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะทหารแถบกาญจนบุรีและราชบุรี เมื่อสมัย ๓๐-๔๐ ปีที่แล้ว  ล้วนเป็นศิษย์หลวงปู่หนูมากมาย  โดยเฉพาะยันต์หนุมานเชิญธงถือว่าหลวงปู่เป็นเจ้าตำรับ หลังจากสิ้นหลวงปู่หนูแล้ว พระครูดัด เจ้าอาวาสรูปต่อมาท่านได้รับวิชานี้ไว้  แต่ไม่ได้ลงมือสักเอง ได้ให้ฆราวาสท่านหนึ่งเป็นผู้ลงเข็มสักให้  ส่วนท่านจะเป่าครอบเอง ต่อมาอาจารย์ฆราวาสท่านนั้นก็ได้วางเข็มไปในที่สุด


เหรียญหลวงปู่หนู รุ่นแรก วัดทุ่งแหลม



ในส่วนของประสบการณ์จากมงคลวัตถุของท่านที่ได้รับการกล่าวขานอย่างมากและร่ำลือกันมาจนถึงทุกวันนี้  อย่างที่บอกแต่ต้น  ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องแคล้วคลาดจากภยันตรายภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง  และคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะประสบการณ์ด้านระเบิด “ระเบิด”  นับเป็นอาวุธร้ายแรงที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงกว่าอาวุธชนิดใด ๆ  เพราะฤทธิ์เดชของมันสามารถสร้างความเสียหายให้กับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในวง กว้าง  แม้แต่ชีวิตผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็แหลกเหลวราพณาสูรได้ด้วยอานุภาพ ของมัน  แต่แม้ฤทธิ์เดชของระเบิดจะร้ายแรงปานใด บางครั้งก็ไม่อาจสามารถทำอันตรายใด ๆ  ต่อผู้ที่มี “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ได้ ซึ่ง ก็มีให้เห็นอยู่เสมอ นับเป็นเรื่อง  “เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง อย่างเช่น  เมื่อปี พ.ศ. 2524 มีครอบครัวของอาสาสมัคร รายหนึ่งคือ นายกู้เกียรติ  บัวบาน ครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 ชีวิตประกอบด้วย นายกู้เกียรติ  ผู้เป็นสามีพร้อมทั้งภรรยา และบุตรชายอีก  2 คน ชื่อ ด.ช.สมเกียรติ และ  ด.ช.เกียรติยศ มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่ หมู่บ้านมะขามเอน ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง  จ.ราชบุรี

นายกู้เกียรติ  ปกติมีอาชีพทำไร่และเป็นอาสาสมัครของรัฐบาล  มีหน้าที่คอยคุ้มครองหมู่บ้านจึงได้รับแจกอาวุธที่ใช้ในราชการสงคราม ซึ่งมีทั้ง ปืน  และ ระเบิดสังหาร ไว้ใช้สำหรับการปฏิบัติงานตามหน้าที่ เนื่องจากที่ อ.สวนผึ้ง  ในสมัยนั้น มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุมมาก  ซึ่งอาวุธเหล่านี้ยามเมื่อไม่ได้ใช้งานก็จะเก็บไว้ที่บ้านตลอดเวลา ในวันเกิดเหตุอันเป็นที่มาของเรื่องนี้ตรงกับวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ นายกู้เกียรติ  และภรรยาได้ไปทำบุญที่ วัดทุ่งแหลม  ตั้งแต่เช้าโดยปล่อยให้บุตรชายทั้งสองทำหน้าที่เฝ้าบ้านกระทั่งเวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น.  ผู้คนที่มาทำบุญในวัดต่างได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังสนั่นขึ้นเพราะวัดทุ่งแหลมอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน

ครู่ต่อมาก็มีคนขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยสีหน้าตื่น ๆ พร้อมร้องบอกนายกู้เกียรติ  ว่าที่บ้านเกิดระเบิดขึ้นและเห็นลูกชายของนายกู้เกียรตินอนจมกองเลือดทั้งสองคน  ได้ยินเช่นนั้นนายกู้เกียรติและภรรยารีบซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของผู้ที่มาบอก  ข่าวตะบึงกลับบ้านทันที เมื่อถึงบ้านจึงได้เห็นสภาพของลูกชายทั้งสอง ที่ทำให้ทั้งนายกู้เกียรติและภรรยา  แทบจะเป็นลม เพราะเด็กชายทั้งสองสลบไม่ได้สติจากแรงระเบิด นายกู้เกียรติ  รีบนำบุตรชายขึ้นรถไปโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.จอมบึง จ.ราชบุรี  ซึ่งพอหมอและพยาบาลของโรงพยาบาลเห็นสภาพลูกชายทั้งสองของนายกู้เกียรติแล้ว  กลับไม่ยอมรับตัวไว้รักษาเพราะเกรงจะช่วยเด็กไม่ได้  เนื่องจากมีเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อมที่จะรักษานั่นเอง  จึงแนะนำให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมืองจังหวัดราชบุรี

นายกู้เกียรติ ไม่รอช้ารีบบึ่งไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดราชบุรี  ซึ่งพอไปถึงหมอรีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเป็นขณะที่เด็กทั้งสองเริ่มรู้สึกตัว  แล้วแต่ยังคงร้องโอดโอยอย่างคนที่อยู่ในอาการเจ็บปวดเพราะพิษสะเก็ดระเบิด  ที่ฝังอยู่ตามร่างกาย เพราะหลายคนที่เห็นสภาพของเด็กแล้วต่างระบุว่า  อาการของเด็กคงหนักมากและอาจไม่รอดชีวิตด้วยซ้ำ แต่หลังจากหมอได้ทำการชำระล้างบาดแผล เพื่อหาสะเก็ดระเบิด  ปรากฏว่ามีสะเก็ดระเบิดตามร่างกายน้อยมาก  สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก  และหลังจากนำสะเก็ดระเบิดออกพร้อมใส่ยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เด็กทั้งคู่ก็แทบจะไม่มีอาการอย่างใดเลย  มีอาการเจ็บปวดก็เพราะบาดแผลระบมเท่านั้นเอง หมอจึงอนุญาตให้นำเด็กกลับบ้านได้ หลังจากกลับถึงบ้านและได้นอนพักเป็นเวลาเกือบค่อนวัน  เด็กทั้งคู่จึงบอกเล่าเหตุการณ์ให้นายกู้เกียรติ ผู้พ่อฟังว่า  นำลูกระเบิดมาแกะเล่นจึงทำให้เกิดระเบิดขึ้น  และแรงระเบิดก็ทำความเสียหายให้ตัวบ้านไม่น้อย  แต่เด็กทั้งคู่กลับมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  เมื่อเหตุกลับเป็นเช่นนี้นายกู้เกียรติ จึงเชื่อว่าเป็นเพราะ “พุทธบารมี” ของ  “เหรียญหลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม” อย่างแน่นอน  เพราะทั้งคู่ต่างแขวนคอไว้คนละเหรียญ.
อาราธนานัง-รายงาน

ที่มาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/newst ... amp;contentId=15483


17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2020-11-27 06:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้