ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 80305
ตอบกลับ: 810
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
1#
โพสต์ 2013-7-29 08:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
2#
โพสต์ 2014-4-6 08:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
3#
โพสต์ 2014-7-8 14:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
(8 ก.ค.) จากประเด็นข่าวสุดสะเทือนใจ กรณีของ "น้องแก้ม" เด็กหญิงอายุ 13 ปี ที่ถูกลูกจ้างพนักงานทำความสะอาดบนรถไฟขบวนที่ 174 ทำร้ายร่างกายและข่มขืนกระทำเรา 2 ครั้งซ้อน ก่อนจับร่างเปลือยเปล่าโยนทิ้งออกทางหน้าต่างรถไฟ พบเป็นศพอยู่ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่นำศพ "น้องแก้ม" ส่งตรวจพิสูจน์ศพเบื้องต้นที่โรงพยาบาลปราณบุรี นพ.ดำรงรักษ์ ชูไพฑูรย์ แพทย์เวรโรงพยาบาลปราณบุรี ได้เปิดเผยถึงผลชันสูตรศพว่า น้องแก้มมีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะข้างซ้าย กะโหลกศีรษะยุบลงไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากแรงกระแทกกับพื้น จนเสียชีวิตทันทีหลังจากที่คนร้ายโยนร่างทิ้งลงมาจากบนรถไฟ ทั้งนี้ยังพบว่ามีแผลถลอกทั่วร่างกาย ส่วนที่อวัยวะเพศและทวารหนักพบร่องรอยการถูกข่มขืนกระทำชำเรา ทั้งนี้จะมีการส่งศพไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ส่วนความคืบหน้าเรื่องคดี ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายวันชัย แสงขาว อายุ 22 ปี ลูกจ้างพนักงานทำความสะอาดบนรถไฟ ผู้ต้องหาก่อเหตุข่มขืนและฆ่ามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยได้จำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถไฟในโบกี้ตู้นอนที่เกิดเหตุท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชน ทั้งนี้พนักงานสืบสวนได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานจากโบกี้ตู้นอนที่เกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมมาประกอบรูปคดีและนำไปตรวจพิสูจนเปรียบเทียบดีเอ็นเอของคนร้ายต่อไป
4#
โพสต์ 2014-7-8 14:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด


รู้จักรถไฟตู้นอนชั้น 2 สุสานของน้องแก้ม




เหตุการณ์สลดที่สุดของวันนี้คงหนีไม่พ้น “น้องแก้ม” ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของเดนมนุษย์ บุกเข้าไปข่มขืนถึงที่นอนของน้องบนรถไฟ ซ้ำร้าย จิตใจยังโหดเหี้ยมผลักน้องลงจากรถไฟจนเสียชีวิต
โดยเหตุการณ์ครั้งเกิดขึ้นที่รถไฟตู้นอนตู้ที่ 3 ขบวนรถที่ 174 สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ  ผลการสอบสวน นายวันชัย แสงขาว อายุ 22 ปี พนักงานบริษัทเอกชนที่รับจ้างทำความสะอาดบนรถไฟขบวนดังกล่าว รับสารภาพว่าได้ข่มขืนน้องแก้ม เนื่องจากเสพยาบ้ามาตั้งแต่ต้นทาง จ.นครศรีธรรมราช และเสพอีกครั้งบนขบวนรถ รวม 2 เม็ด
ขณะเกิดเหตุ นั่งกินเบียร์กับเพื่อน หลังจากกินเบียร์กับเพื่อนเกิดอาการเมาอย่างหนัก ขณะเดินผ่านโบกี 3 ที่น้องแก้มนอนพักผ่อนอยู่ ได้เกิดอารมณ์ทางเพศ จึงตรงเข้าไปทำร้ายร่างกายและข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่
โดยระหว่างก่อเหตุได้เปิดหน้าต่างเพื่อให้เสียงขบวนรถไฟกลบเสียงภายในโบกี ไม่ให้ผู้โดยสารคนอื่นที่หลับอยู่สงสัย หลังจากนั้น จึงได้โยนร่างของ ด.ญ.กชกร ออกทางหน้าต่าง ขณะรถไฟวิ่งผ่านสถานีวังก์พง ก่อนลงมือทำความสะอาด เก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว รวมถึงผ้าปูที่นอนที่เปรอะคราบเลือด โยนทิ้งออกนอกหน้าต่าง
อ่านมาถึงบรรทัดนี้หลายคนคงสงสัยว่า รถไฟตู้นอนของรถไฟไทย คืออะไร ลองไปทำความรู้จักกัน
การรถไฟแห่งประเทศไทย แบ่งลักษณะของรถพ่วงที่ให้บริการเป็น 3 ชั้น  คือ
ชั้น 1
ชั้น 2
ชั้น 3
และจะแบ่งเป็นประเภทย่อยๆอีกคือ รถนั่ง รถนอน และรถปรับอากาศ จะมีข้อมูลดังต่อไปนี้
รถนอนปรับอากาศชั้น 1 (บนอ.ป)
รถนอนปรับอากาศชั้น 1 นั้นจะมีลักษณะห้องโดยสารเป็นห้องๆ ใน 1 ห้องจะเป็นเตียงนอน มีความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งมีรถนอนปรับอากาศชั้น 1 ให้บริการ 2 แบบ คือ
- รถนอนปรับอากาศชั้น 1 ชนิด 24 ที่นั่ง (บนอ.ป24) รถนอนประเภทนี้ จะแบ่งเป็น 12 ห้อง ใน 1 ห้อง จะมี 2 เตียง เป็นเตียงล่าง 1 เตียง เตียงบน 1 เตียง
- รถนอนปรับอากาศชั้น 1 ชนิด JR-West (บนอ.ปJR)
รถรุ่นนี้เป็นรถนอนเดิมของ JR-West ประเทศญี่ปุ่น มีขนาดที่ใหญ่และความกว้างค่อนข้างมาก ทำให้ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ตาม ซึ่งมีความแตกต่างกับรุ่นเดิมคือ มีห้องนอน 10 ห้อง ห้องละ 1 เตียงเท่านั้น และห้องที่เป็นเลขคู่กันสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อถึงกันได้ด้วย
รถนอนชั้น 2
รถนอนชั้น 2 ที่มีให้บริการในการรถไฟนั้น จะมีอยู่ทั้งสิ้น 6 ประเภท
1. รถนอนชั้น 2 พัดลม (บนท.32)
รถนอนชั้น 2 หรือ รถนอนพัดลมชั้น2ตามชื่อสามัญที่เรียกกันนั้น เป็นการให้บริการลักษณะนั่งกลางวัน นอนกลางคืน การออกแบบรถนั้นตรงกลางจะเป็นทางเดินยาวไปตลอดแนว ส่วนเตียงนอนและที่นั่งนั้นจะอยู่ฝั่งซ้าย และขวาของทางเดินยาวไปตลอดแนว
เก้าอี้นั่งนั้น ในกลางวันจะมีลักษณะคล้ายชั้น 3 คือหันหน้าเข้าหากัน แต่ในเวลากลางคืนนั้น เก้าอี้ทั้ง 2 จะ
จับมาชนกันปรับนั่น ดึงนี่ ก็จะกลายเป็นฐานรองเตียงล่าง แค่ปูฟูก และผ้าปูที่นอน วางหมอนวางผ้าห่มก็จะกลายเป็นเตียงล่างอย่างสมบูรณ์
ส่วนเตียงบนนั้นจะไขออกมา และจัดเตียงให้เรียบร้อย ก็กลายเป็นเตียงบนให้นอนแล้ว
2. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 32 ที่นั่ง (บนท.ป32)
3. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 36 ที่นั่ง (บนท.ป36)
4. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 40 ที่นั่ง รุ่นโตคิว (บนท.ป40)
5. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 40 ที่นั่ง รุ่นแดวู (บนท.ป40)
6. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 34/30/26 ที่นั่ง JR-West (บนท.ปJR)
รถนั่งชั้น3 ซึ่งเป็นชั้นที่มีค่าบริการถูกที่สุด บางเส้นทางมีบริการรถไฟฟรีเพื่อประชาชนด้วย
5#
โพสต์ 2014-7-8 15:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
majoy ตอบกลับเมื่อ 2014-7-8 15:11
ตัดแขน ตัดขา ควักลูกตา ตัดลิ้น แล้วปล่อยไป อย่าประหา ...

แล้วอันเดียวตัวเดียวจะเหลือไว้ ทำไม
6#
โพสต์ 2014-7-8 15:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
น้องแก้ม เป็นเพื่อน ของหลานซะด้วย สิ

แม่น้องแก้มไม่ต้องพูดถึง สลบไม่รู้กี่รอบ

7#
โพสต์ 2014-7-19 08:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด


ช็อก! ?โค้ชเช? ไม่กลับไทยแล้ว

*
นายกสมาคมเทควันโดเผยโทร.คุยกับ “โค้ชเช” ล่าสุด ระบุยังไม่กลับไทย ยังไม่มีกำหนด เชื่อโค้ช 4 คน ไม่ผิดพลาดขนาดที่นักกีฬาอ้างแน่ ชี้นักกีฬาผิดจริง อัด “น้องก้อย” อยากได้ความสะใจให้ “โค้ชเช” ขอโทษผ่านสื่อเป็นการ “พลีชาติเพื่อชีพ” เกินไปไหม ลั่นถ้าไม่เคลียร์จะบินไปเกาหลีไปตามกลับ


เช้าวันนี้ (17 ก.ค.) นายพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางช่อง 3 ทางโทรศัพท์จากประเทศสหรัฐอเมริกา กรณีปัญหา “โค้ชเช” เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเกาหลีใต้ที่ลงไม้ลงมือทำโทษ “น้องก้อย” รุ่งระวี ขุระสะ นักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย ดีกรีเหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเชีย 2014 รุ่น 62 กิโลกรัม โดยเจ้าตัวออกมาแฉว่าโดนโค้ชเช ชกเข้าที่ใบหน้า และต่อยท้อง หลังโมโหที่ตนลงแข่งขันช้า และไม่พร้อมในการลงสนาม ส่งผลให้พ่ายการแข่งขันกับเจ้าถิ่นไป โดย นายพิมล เปิดเผยล่าสุดว่า “โค้ชเช” อาจไม่กลับมาเมืองไทยแล้ว
      
       “ผมคุยกับโค้ชเชและก็โค้ชแม็กซ์นะฮะ โค้ชแม็กซ์ ตอนที่ผมคุยโค้ชเชเขาก็เงียบไปนะฮะ ผมก็ถามว่า จะกลับมาวันที่ 17 นี้ไหม เขาก็เงียบไป แล้วผมก็คุยกับโค้ชแม็กซ์ โค้ชแม็กซ์ก็บอกผมว่าไม่กลับครับ แล้วผมก็ถามว่าจะกลับเมื่อไหร่ เขาก็บอกว่าไม่ทราบครับ ผมก็เลย นี่แหละครับ” นายพิมลกล่าว
      
       เมื่อถามต่อว่าเมื่อได้คุยกับโค้ชทั้ง 3 คน แล้วได้ข้อสรุปว่าอย่างไร นายพิมล เล่าว่า นักกีฬาก็ผิดจริง เพราะไม่ได้เอาไอดีการ์ดมา ไม่ได้เอาถุงมือมา ส่วนกรณีโค้ชวิชิตพูดผิดหรือบอกผิด ให้ไปรอผิดที่ หรือไม่เตรียมตัวก็ได้ ก็ไม่เป็นความจริง หรือการวอร์มอัป ที่นักกีฬาก็ไม่ได้วอร์มอัป และใส่อุปกรณ์ให้ครบเพื่อเตรียมตัวลงสนาม โดยตนยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่โค้ชที่ผ่านการแข่งขันมาแล้วระดับโลกจะทำผิดพลาดขนาดนี้
      
       “ก็ไม่ทราบว่านักกีฬาคนที่เป็นปัญหาอยู่นี้ ไม่ได้ฟัง หรือว่าไม่ได้ใส่ใจ หรือว่ากุเรื่องขึ้นเองผมไม่ทราบ แต่ผมไม่เชื่อว่าเป็นความผิดที่โค้ช” นายกสมาคมเทควันโดระบุ
      
       เมื่อพิธีกรถามต่อว่า “น้องก้อย” ยืนยันว่าวันที่เกิดเหตุโค้ชชิตบอกให้เขารออยู่ตรงนั้น โค้ชบอกให้เขาถอดก่อน เพราะอึดอัด แต่ถึงเวลาสื่อสารผิดพลาด มีวิทยุมาตาม พอตกใจทำให้ลืมไอดีการ์ด วอร์มอัปก็ยังไม่ได้วอร์ม เครื่องไม้เครื่องมือก็ยังไม่ได้ใส่ ด้านนายพิมลก็กล่าวว่า สอบถามดูแล้วปรากฏว่านักกีฬาลืมไอดีอยู่ที่โรงแรม และไม่เคยมีการบอกให้ถอดอุปกรณ์ก่อนได้ ยังไม่ต้องรีบใส่ เพราะเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว ณ จุดวอร์มอัปนักกีฬาต้องใส่อุปกรณ์รอ
      
       “นักกีฬาคนนี้เท่าที่ได้ฟังมา ไม่ได้ทำอะไร ก็นั่งๆ ไป ก็เป็นอย่างนั้น” นายพิมล ระบุ ส่วนกรณีการทำร้ายร่างกายนักกีฬาที่น้องก้อยอ้างว่าโดนต่อยเป็นสิบครั้งทั้งที่หน้าและที่ท้องนั้น นายกสมาคมระบุว่า การตรวจร่างกายของนักกีฬาเทควันโดนั้น แน่นอนว่าต้องมีอาการฟกช้ำอย่างแน่นอน และไม่ควรไปป้ายสีโค้ชเชเช่นนี้
      
       “ผมก็ถามเชว่าเกิดอะไรขึ้น เชเขาก็ทุบเอา และเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้ทำแรงอย่างที่ว่า ผมก็ถามว่ามันแรงขนาดไหน เพราะถ้าแรงมากคนก็ต้องลงไปกองแล้ว เพราะโดนต่อยหน้า ตาปูด และเห็นว่าตอนที่นักกีฬากลับมาก็เลี่ยงผู้สื่อข่าว ก็ไม่ได้ไปเจอนะฮะ เพราะอาจห่วงว่าไม่มีรอยหรือเปล่า เพราะโดนกำหมัดต่อยหน้าโดนผู้ชาย หรือผู้ชายต่อผู้ชายเองก็เถอะ ไม่ต้องผู้ชายต่อยผู้หญิงหรอก โดนต่อยท้องก็ต้องลงไปกองแล้วมั้งฮะ แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องอย่างนั้นนะฮะ คือไม่ว่าจะยังไง เขาที่ทำไปก็เพราะด้วยความรัก ความหวังดี อยากจะให้จำ อยากให้เก็ต แล้วมาทำแบบนี้ ผมไม่คิดว่ามันสมควร” นายพิมล ระบุ
      
       เมื่อถามถึงความรู้สึกของโค้ชเช นายพิมล กล่าวว่า โค้ชเชแสดงความเสียใจต่อตนที่ทำให้ตนลำบาก แต่ตนก็บอกว่าตนไม่ถือ และอยากให้กลับมาคุยกันให้เรียบร้อย พร้อมกันนั้น โค้ชเชได้กล่าวว่าที่เขาทำลงไปก็เพราะหวังดี และรักนักกีฬาทุกคน ไม่ได้มีความตั้งใจจะไประบายอารมณ์
      
       นายพิมล เล่าด้วยว่า ตนบอกโค้ชเชว่าไม่ให้ท้อแท้ เพราะนักกีฬาเพียงคนเดียว เนื่องจากมีนักกีฬาที่เป็นลูกศิษย์ของโค้ชเชอีกเป็นร้อยคน รวมถึงชาวไทยที่ให้กำลังใจอยู่ ซึ่งโค้ชเชก็ตอบมาเพียงว่า “ครับผม ครับผม” ทว่า ที่คุยกับโค้ชแม็กซ์ล่าสุด โค้ชชาวไทยจะกลับเมืองไทย แต่โค้ชเชไม่กลับ ขณะที่ลูกและภรรยาก็กลับไปเกาหลีแล้ว
      
       “ลูกโค้ชเชก็เรียนอยู่ที่โรงเรียนศรีวิกรม์จากทุนการศึกษาที่ผมให้ลูกเขา เขาก็ไปเกาหลี ส่วนภรรยาก็ไปเกาหลีเช่นกัน ไปเมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่ลาเรียนไป ผมยังไม่ได้สอบไปที่โรงเรียนว่าไปเมื่อไหร่ และกลับเมื่อไหร่” นายกสมาคมเทควันโดเผย
      
       “ผมก็จะต้องพยายามคุยกับโค้ชเชให้เขากลับมา ถ้าเขาไม่กลับมาผมก็ต้องบินไปตามให้เขากลับมา ต้องพยายามทุกๆ ทางที่จะทำได้ ไม่ได้แต่ว่าเฉพาะเหรียญอย่างเดียว แน่นอนว่าเหรียญก็สำคัญ เราก็มองว่าโค้ชเชก็เป็นสมาชิกครอบครัวเรา ชาวเกาหลีหัวใจไทย แต่ว่าเขาก็รู้สึกกดดัน ในหลายๆ ทางสื่อที่เกาหลีก็เอาสื่อไทยไปแปล ชาติอื่นก็มาจีบบ้างอะไรบ้าง เขาก็มึนงง เขาก็ต้องขอตั้งสติสักพักหนึ่ง เพราะเวลาเขาทำอะไรเขาก็ทุ่มเท กรณีนี้เขาก็ทั้งท้อแท้และผิดหวัง ก็คงต้องให้เวลาสักนิดหนึ่ง ถ้ามันยังไม่คลี่คลายผมก็คงต้องบินไปคุยกับเขา”
      
       นอกจากนี้ นายพิมล ยังกล่าวถึง “น้องก้อย” รุ่งระวี ด้วยว่าตนอยากให้น้องรุ่งระวีไตร่ตรองดูว่าเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ในฐานะเป็นนักกีฬาทีมชาติ ซึ่งตนเคยย้ำหลายครั้งว่าเวลานักกีฬาไปแข่งนั้นเป็นการเสียสละเพื่อประเทศชาติ เหมือนทหารเวลาไปรบก็ต้องพลีชีพเพื่อชาติ แต่สิ่งที่รุ่งระวีทำนั้นเป็นการ “พลีชีพเพื่อชาติ” หรือเปล่า
      
       “คุณทำไปอย่างนี้ประเทศชาติเสียหาย จะให้สะใจ จะต้องให้ขอโทษในที่สาธารณะผ่านสื่อให้ทุกคนรู้ โค้ชเชต้องมาขอโทษเนี่ย โดยที่เขาทำไปทั้งหมดด้วยความรักและหวังดี มันสมควรหรือ เพราะว่าถ้าโค้ชเชไม่กลับมา เรามีเหรียญยูธโอลิมปิก เหรียญเอเชียนเกมส์ ที่เราเคยได้ทอง มันก็ริบหรี่ๆ แล้วคุยก็อาจเป็นนักกีฬาทีมชาติคนแรกที่คนไทยไม่เชียร์ เพื่อความสะใจของตัวเอง ก็อยากให้นักกีฬาไปไตร่ตรองดูว่าอะไรผิดอะไรถูก” นายพิมลระบุ

ที่มา ผู้จัดการ


8#
โพสต์ 2014-7-21 07:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
กทม.เดินหน้าจัดระเบียบทางเดินเท้าปัดรังแกปชช.


นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

กรุงเทพมหานคร เดินหน้าจัดระเบียบทางเดินเท้าต่อเนื่อง ย้ำ ไม่ใด้รังแกประชาชน แต่ปัญหาหาบเร่แผงลอยบนทางเท้ามีมานาน ปชช.เดือดร้อน
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดีในการจัดระเบียบทางเท้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งที่ถนนราชดำเนิน ตลาดโบ๊เบ๊และตลาดมีนบุรี รามคำแหง ยืนยัน กทม. ไม่ได้ทำเพื่อรังแกประชาชนแต่ปัญหาหาบเร่แผงลอยบนทางเท้ามีมานานและที่แก้ไขไม่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยและประชาชนในพื้นที่บางส่วนให้การสนับสนุนทำให้กระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ต้องเดินทางสัญจรผ่านไปมาและปัญหาจราจรติดขัดบางแห่งมีการขายผักขายปลาบนทางเท้าซึ่งไม่ถูกสุขลักษณะและไม่เหมาะสม หรือมีการลักลอบต่อไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมาย หากยังผ่อนผันหรือปล่อยไว้นานจะแก้ไขไม่ได้เสียที พร้อมเตรียมเดินหน้าจัดระเบียบในพื้นที่ที่มีปัญหาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ที่บริเวณเมเจอร์รัชโยธิน บริเวณท่าช้าง ซึ่งได้รับการร้องเรียนประชาชนจำนวนมาก


9#
โพสต์ 2014-7-22 06:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ชมภาพชุด นาที "โค้ชเช" กลับประเทศไทย...ปชช.แห่ให้กำลังใจ เพียบ!
  

เมื่อช่วงดึกวันที่ 20 กรกฎาคม ′โค้ชเช′ หรือ เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทยชาวเกาหลีใต้ ได้เดินทางกลับถึงประเทศแล้ว ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นของแฟนเทควันโดชาวไทย บรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิมีแฟนคลับ ประชาชนกว่า 500 คน นักกีฬาและอดีตนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยและสื่อมวลชนมารอรับโค้ชเชอย่างคึกคัก พร้อมป้ายข้อความให้กำลังใจ















http://www.matichon.co.th/webmobile/readnews.php?newsid=1405905526
10#
โพสต์ 2014-7-24 06:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สิ้นแล้วพันนา ฤทธิไกร

*
ดูรูปทั้งหมด
สิ้นลม! ผู้กำกับคิวบู๊ชื่อดัง "พันนา ฤทธิไกร" เสียชีวิตด้วยวัย 53 ปี ที่โรงพยาบาลลาดพร้าว หลังเข้ารับการรักษาโรคตับ เมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาแพทย์พบว่ามีก้อนเนื้อในสมอง จึงทำการผ่าตัดกระทั่งปลอดภัย แต่ยังคงให้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างไม่มีกำหนด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้