ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 80303
ตอบกลับ: 810
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
หงส์ดุอุ่นเกือกยิงช้างศึก 3-0
ฟิลิปเป คูตินโญ, ลาโก อัสปาส และ สตีเวน เจอร์ราร์ด สามนักเตะของ ลิเวอร์พูล ผนึกกำลังซัดคนละตุงก่อนพา “หงส์แดง” อุ่นเครื่องชนะ ทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ 2013 ไปได้ 3-0 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อคืนวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา



      
       ฟุตบอลอุ่นเครื่อง
       ทีมชาติไทย 0-3 ลิเวอร์พูล
      
       ศึกฟุตบอลอุ่นเครื่องนัดพิเศษ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีก ลงฟาดแข้งเกมสุดท้ายของช่วงปรีซีซัน พบกับ ทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ 2013 ภายใต้การนำของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ท่ามกลางแฟนบอล “หงส์แดง” ชาวไทยและต่างชาติที่ขนพรรคพวกมาเชียร์กันเกือบเต็มความจุสนาม
      
       สำหรับผู้เล่นวันนี้ “หงส์แดง” ภายใต้การนำของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จัดชุดใหญ่เอาใจแฟน ส่งทั้ง ซิมง มิโญเลต์, แดเนียล แอกเกอร์, ลูคัส เลวา, สตีเวน เจอร์ราร์ด และ ฟาบิโอ บอรินี จับคู่ล่าตาข่ายกับ ลาโก อัสปาส ดาวยิงป้ายแดง ขณะที่ หลุยส์ ซัวเรซ แข้งจอมกัดเป็นสำรองไปก่อน ส่วนไทยส่ง ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าเบอร์หนึ่งลงเป็นตัวจริง พร้อมกับดาวรุ่งอย่าง “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธิ์ ทำเกมบุกแดนกลางด้วย
      
       ลิเวอร์พูล จะเอาประตูนำให้ได้ตั้งแต่นาทีแรก เกล็น จอห์นสัน สปีดบอลขึ้นมาจากขวาก่อนเปิดเข้ากลางหมายให้ ฟาบิโอ บอรินี เทกตัวโหม่งแต่ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล คว้าได้ก่อน ต่อมานาที 7 ไทย มีจังหวะบุก ปกเกล้า อนันต์ จับบอลก่อนตั้งป้อมซัดนอกเขตโทษ แต่บอลเข้ามือ ซิมง มิโญเลต์
      
       หงส์แดง เล่นดีกว่า นาที 14 เกล็น จอห์นสัน เปิดบอลจากขวาให้ ฟาบิโอ บอรินี กระโดดวอลเลย์ด้วยขวา แต่ สินทวีชัย ออกมาเซฟได้อีกครั้ง จนกระทั่งนาที 16 ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0 จนได้ ฟิลิปเป คูตินโญ พาบอลเข้าเขตโทษ ล็อกหลบหนึ่งจังหวะก่อนซัดเปรี้ยงด้วยซ้ายตุงตาข่าย
      
       ทีมไทยบุกโต้ขึ้นมาจนเกือบตีเสมอได้ นาที 24 ธีรศิลป์ แดงดา ได้บอลในเขตโทษก่อนวิ่งหาช่องแล้วตวัดยิง แต่บอลหลุดเสาไปนิดเดียว จากนั้นนาที 36 เจ้าถิ่นได้โอกาสอีกรอบ ปกเกล้า อนันต์ วิ่งมาซัลโวจากแถวสอง แต่ มิโญเลต์ ยังเหนียวโชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันไว้ได้ ช่วงที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล บุกนำ ไทย 1-0
      
       กลับมาครึ่งหลัง นาที 48 หงส์แดง เปิดฉากบุกก่อนหนีเป็น 2-0 จากเกมสวนกลับ คูตินโญ พาบอลมาจากกลางสนามก่อนไหลต่อสั้นๆ ให้ ลาโก อัสปาส ยิงผ่านมือ สินทวีชัย เข้าไปซุกตาข่าย ต่อมานาที 58 ทีมเยือนหนีห่าง 3-0 ลาโก อัสปาส พาบอลเข้าเขตโทษก่อนตอกส้นให้ สตีเวน เจอร์ราร์ด ชิปบอลเข้าไปแบบสุดสวย
      
       เข้าสู่นาที 60 เวลาที่แฟนหงส์รอคอยมาถึง เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ศูนย์หน้าคนดังถูกเปลี่ยนลงมาเล่นแทน ฟาบิโอ บอรินี และ จอร์แดน อิเบ มาแทน ลาโก อัสปาส เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากแฟนๆ ได้ทั้งสนาม และนาที 69 ก็เกือบมีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ด สตีวีจี เปิดฟรีคิกให้ ซัวเรซ วิ่งโฉบขึ้นมาโหม่งแต่บอลชนคานแบบน่าเสียดาย
      
       ช้างศึกพยายามบุกเพื่อตีไข่แตกแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คม เกมมาถึง นาที 86 ลิเวอร์พูล เกือบได้ลูกที่สี่ สตีวีจี ยิงติดเซฟ สินทวีชัย จังหวะแรกก่อนวิ่งไปชิปข้ามหัวแต่บอลชนคานแบบเหลือเชื่อ สุดท้ายไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ ทีมชาติไทย 3-0 ปิดฉากทัวร์ปรีซีซันด้วยชัยชนะ 3 เกมรวด ก่อนเตรียมกลับไปสู้ศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ 2013/14 สิงหาคมนี้
      
       รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
       ทีมชาติไทย - สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, ธีราทร บุญมาทัน, ไพโรจน์ โสคำ, อาทิตย์ ดาวสว่าง, ปกเกล้า อนันต์, พุทธินันท์ วรรณศรี, อดิศักดิ์ ไกรสร, อดุล หละโสะ, ชนาธิป สรงกระสินธิ์, ปกรณ์ เปรมภักดิ์, ธีรศิลป์ แดงดา
       ลิเวอร์พูล - ซิมง มิโญเลต์, เกล็น จอห์นสัน, โชเซ เอ็นริเก, โคโล ตูเร, แดเนียล แอกเกอร์, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ฟิลิปเป คูตินโญ, ลูคัส เลวา, โจ อัลเลน, ลาโก อัสปาส, ฟาบิโอ บอรินี -

ที่มา
http://kraipost.com/p/5234/%E0%B ... thash.ZJMs9KTp.dpuf

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-29 06:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
..เตือนเฝ้าระวัง..น้ำหลาก..ดินถล่ม...3 จังหวัดครับ.....


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-29 06:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในอ่าวตังเกี๋ยได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามแล้ว คาดว่าหย่อมนี้จะเคลื่อนตัวมาทางตะวันตกเข้าปกคลุมพื้นที่ตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือในระยะ1-2วันนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้ บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย และบึงกาฬ จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้

(ดร.วัฒนา กันบัว)


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-29 07:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ระทึก!อาคารพระราชทานพังถล่มทั้งหลัง!


เกิดเหตุอาคารเรียนคอนกรีต 2 ชั้น ซึ่งเป็นอาคารพระราชทาน ของโรงเรียนบ้านพะเด๊ะ อ.แม่สอด จ.ตาก พังถล่มลงมาทั้งหลัง เนื่องจากดินภูเขาสไลด์ลงมาทับอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (28 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ดินสไลค์จากภูเขาถล่มลงมาทับด้านหลัง อาคารเรียนคอนกรีต 2 ชั้น ของโรงเรียนบ้านพะเด๊ะ ต.พระธาติผาแดง อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นอาคารพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่สร้างเมื่อปี 2551 จนเกิดรอยร้าว กระทั่งพังถล่มลงมาทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่บริเวณโรงเรียนต้องหนีออกไปยังจุดที่ปลอดภัย ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย เนื่องจากก่อนหน้านี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ตาก เขต 2 ได้สั่งไม่ให้นักเรียน หรือ บุคคลภายนอกเข้าไปใกล้อาคารไว้ก่อนแล้ว เพราะดินภูเขาได้สไลด์ลงมาทับอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ (27 ก.ค.) อีกทั้งได้สั่งเจ้าหน้าที่ให้ขนย้ายสิ่งของในห้องเรียนออกไปไว้ในที่ปลอดภัย ด้วย


ที่มา
http://kraipost.com/p/5232/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B6%E0%B8%81!%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87!.html




ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-29 19:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โหวตไม่เห็นด้วยอื้อ แถมวิจารณ์ยับ! แคมเปญธรรมกาย แชร์ธรรมชิงโชค




ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันในวงกว้างสำหรับกิจกรรม "แชร์ธรรมะชิงโชค ลุ้นพระทองคำ 10 บาท" ของวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีฝ่ายไม่เห็นด้วยอื้อ แถมวิจารณ์ยับ พร้อมกับข้อสังเกตว่า หากนี่คือกลยุทธ์ดึงคนเข้าวัดด้วยการนำพระพุทธรูปมูลค่าแตะล้านมาโกยคนเข้าวัด ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก แต่จะยิ่งสร้างพฤติกรรมให้คนเกิดมิจฉาทิฏฐิ มองที่ตัววัตถุมากกว่าจะมองที่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
      
       อยู่ดีไม่ว่าดี ธรรมะเอ๋ยธรรมกาย
      
       หลังจากที่สกู๊ปข่าว "แฉ!! ธรรมกาย งัดแผนเรียกคนเข้าวัด แชร์ธรรมะชิงโชค ลุ้นพระทองคำ" ที่ ASTVผู้จัดการ Live ได้นำเสนอไปเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 โดยตีแผ่แคมเปญเรียกคนเข้าวัด ปลุกกระแสชาวพุทธในยุคโซเชียล "แชร์ธรรมะ รับพระทองคำ" ผลปรากฏว่ามีเสียงตอบรับทั้งชื่นชม และติเตียน
      
       โดยเสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่ นอกจากจะพูดในประเด็นเดียวกันเรื่องกิจกรรมแชร์ธรรมะ ลุ้นพระทองคำของวัดพระธรรมกายแล้ว ยังมีหลาย ๆ ความเห็นพูดถึงการให้สัมภาษณ์ของ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา ที่ออกมาให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าวด้วย
      
       "นี่ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะในปัจจุบันกิจกรรมทำนองเดียวกันนี้ก็มีให้เห็นโดยทั่วไป ซึ่งในกรณีนี้ก็เหมือนประชาสัมพันธ์ให้คนหันมาสนใจธรรมะมากขึ้น ส่วนคนที่มองว่าเป็นการโฆษณาวัด เพื่อหวังผลประโยชน์อะไรบางอย่างนั้น อาจเป็นเพราะวัดแห่งนี้มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีมาอยู่ก่อนแล้วก็เป็นได้"
      
       การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวข้างต้น ทำให้ชาวเน็ตส่วนใหญ่ตั้งคำถามถึงการทำงานในฐานะหน่วยงานที่ดูแลด้านพระพุทธศาสนา ยกตัวอย่างเช่น
      
       "อ่านความเห็นของหน่วยงานที่ดูแลพระพุทธศาสนาแล้ว ฉันล่ะกลุ้ม"
      
       "แล้วทำอะไรมันได้คะ ปล่อยให้กาฝากตัวนี้เติบโตเกาะกินพุทธศาสนามาถึงขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ไม่เห็นทำอะไรได้ นอกจากพูดปัดสวะออกให้พ้น ๆ ตัวไป"
      
       "ยุบไปเหอะ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หน่วยงานไร้ประโยชน์"
      
       "สำนักพุทธฯ และสังฆราชที่แกล้งโง่เรื่องธรรมกายจนถึงวันนี้ เพราะได้รับส่วยใช่หรือไม่"
      
       ชาวเน็ตวิจารณ์ขรม! โหวตไม่เห็นด้วยอื้อ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-29 19:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หันมาดูปฏิกิริยาต่าง ๆ ในโลกออนไลน์กันบ้าง มีการแสดงความคิดเห็นต่อกรณีแชร์ธรรมะ รับพระทองคำ 10 บาทของวัดพระธรรมกายอย่างแพร่หลาย และหลากหลายตามพื้นที่เว็บบอร์ดสำคัญ ๆ รวมไปถึงเว็บข่าวอันดับหนึ่งของประเทศอย่าง ASTVผู้จัดการออนไลน์ หลังจากมีการนำเสนอสกู๊ปข่าว "แฉ!! ธรรมกาย งัดแผนเรียกคนเข้าวัด แชร์ธรรมะชิงโชค ลุ้นพระทองคำ" ออกไป ก็มีทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ผ่านคีย์บอร์ดจำนวนมากต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
      
       "ธรรมะเป็นสิ่งที่พึงสอนเพื่อลด ละกิเลสไม่ใช่ไปเพิ่มความอยากมี อยากได้เป็นการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธองค์น่าอนาถใจจริงๆ"
      
       "เข้าวัดทำบุญหวังว่าจะได้รับคำสอนจากพระให้ละกิเลส แต่ของจริงกลับเป็น หย่อนตู้เลยโยม กลับไปขอให้รวยๆๆ ได้เงินได้ทอง ถูกหวยนะโยม ตู้สังฆทานอยู่ทางโน้นนะ ชุดละ 200...แทนที่จะสอนให้ละกิเลส แต่กลับสอนให้เข้าหากิเลส"
      
       "หมดมุกแล้วเหรอครับ ขอร้องละท่านอย่าเอาหลวงพ่อใหญ่ (พระพุทธชินราช) ของชาวพิษณุโลกมากยุ่งเกี่ยวด้วยเลยครับ"
      
       ทั้งนี้ ทีมข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ ยังได้เปิดโอกาสให้ชาวพุทธในยุคไซเบอร์ เข้ามาร่วมโหวตผ่านหัวข้อที่ว่า ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับกิจกรรม "แชร์ธรรมะ รับพระทองคำ" 10 บาท ของวัดพระธรรมกาย? ผลปรากฎว่ามีผู้เข้ามาโหวตตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 25 กรกฎาคม 2556 โดยมีคนเข้ามาร่วมกดโหวต จำนวน 1,981 โหวต แบ่งออกเป็น
      
       - เห็นด้วย 76 โหวต หรือคิดเป็น 4 เปอร์เซ็นต์
      
       - ไม่เห็นด้วย 1,785 โหวต หรือคิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์
      
       - เฉยๆ 51 โหวต หรือคิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์
      
       - อื่นๆ 69 โหวต หรือคิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์
      
       จากผลโหวตที่แสดงตัวเลขออกมาให้เห็น คงพอจะบอกได้ว่า กระแสในการจัดกิจกรรมของวัดพระธรรมกายในครั้งนี้ เป็นบวกหรือลบมากกว่ากัน
      
       นี่ส่วนหนึ่งความคิดเห็นของคนที่เข้ามาโหวต และร่วมกันแสดงความคิดเห็นต่อกรณีแชร์ธรรมะ ลุ้นรับพระทองคำของวัดพระธรรมกาย
      
       "พุทธวิบัติแล้วยุครัฐบาลการตลาดฟาดหัวชาวบ้านด้วยเงิน"
      
       "เชื่อว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนมาแบบนี้ เชื่อว่าวัดนี้เป็นพุทธพาณิชย์เต็มๆแต่อย่างว่า ประเทศเราวัวหายล้อมคอกเราชาวพุทธต้องหาปัญญาให้ได้จะได้มีสติไม่เป็นเหยื่อ คำสอนของท่านพุทธทาสคือสุดยอดปฏิบัติได้ด้วยตัวเองไม่ต้องทุ่มเทเงินทองเพื่อจะได้ขึ้นสวรรค์"
      
       "รางวัลที่เราได้รับจากพระธรรม คือ สติ ค่ะ ไม่ใช่พระทองคำ ได้กิเลสน่ะสิ ไม่ว่า"
      
       "สั่งตรวจสอบการเงินเสียที ข้อหามอมเมาประชาชน"
      
       "กรมการพุทธศาสนา และ DSI กล้าแตะธรรมกาย ธรรมชโยเปล่า หรือว่าเพ่งควงแก้วจนตาลายเห็นแต่เณรคำผิดอยู่คนเดียว ยิ่งกว่าชาเขียวเสียอีก"
      
       "ธรรมะ" ไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย
      
       อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่ง ก็คือ ธรรมะบนโลกโซเชียลมีเดียที่มาในรูปแบบสื่อออนไลน์และสื่อโมบาย ปัจจุบันมีให้เห็นมากขึ้น ทั้งการโพสต์ และการแชร์ธรรมะ ทำให้เกิดคำถามตามมาในประเด็นที่ว่า แล้วแบบนี้จะช่วยให้คนเข้าถึงธรรมะได้จริงหรือ
      
       เรื่องนี้ คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เคยให้แง่มุมผ่านทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ไว้อย่างน่าสนใจ โดยนักวิชาการท่านนี้ มองว่า ธรรมะที่ถูกหยิบยกเข้ามาเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์นั้นมีทั้งแง่ดีและแง่ลบ ง่ายต่อการเข้าถึงก็จริง และพฤติกรรมการเสพสื่อของในยุคใหม่ก็อาจเป็นเครื่องบั่นทอนคุณค่าของพุทธศาสนาลงได้
      
       "การมีสื่อออนไลน์เป็นแง่ดี เรื่องของธรรมะ หรือเรื่องที่คนอยากรู้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่มันมีแง่ลบด้วย เช่น โพสต์แชร์ธรรมะมันกลายเป็นการก่อสร้างตัวตนแบบใหม่เข้ามาแบบหนึ่งที่จะบอกว่าฉันสัมพันธ์กับธรรมะนะ ฉันเป็นคนดีนะ ผมมองว่าเมื่อธรรมะกลายเป็นของอะไรง่ายๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของเรา ซึ่งสุดท้ายจะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ธรรมะกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่เหมือนวัฒนธรรมป็อปอาร์ต ในที่สุดถูกลดค่าเหลือเพียงแง่มุมความหวือหวา"
      
       อย่างไรก็ดี แม้ "ธรรมะ" จะเป็นเรื่องใกล้ตัวคนมากขึ้น แต่สิ่งที่นักวิชาการด้านศาสนาท่านนี้อยากจะฝากก็คืออย่าหลงลืมเนื้อแท้ของพุทธศาสนาด้วย
      
       "ธรรมะไม่ได้มีมิติแค่การรู้แค่เรื่องของการอ่านข้อความที่ถูกโค้ดกันมา ฟังธรรม หรืออ่านหนังสือธรรมะ ธรรมะเราต้องเอาวิถีชีวิตไปใช้กับมัน มันเป็นเรื่องที่ต้องทุ่มเท ไม่ใช่เรื่องที่ใช้ผ่านในมีเดียได้แค่นั้น สุดท้ายธรรมะจะถูกลดทอนลง เป็นสินค้าอะไรบางอย่างสำหรับคนรุ่นใหม่เท่านั้นเอง"
      
       "ดังนั้น การฟังธรรม ไม่ต่างกับการฟังเพลงแจ๊ซ ถ้าคุณจะนิยามตัวเองเป็นผู้ปฏิบัติธรรมก็ต้องนำไปใช้แต่ไม่ใช่แค่การฟังธรรม หรือการโค้ดข้อความธรรมะที่มันผิวเผินมาก อีกอย่างเรื่องศาสนา ไม่ได้เป็นเรื่องข้อมูล ศาสนาเป็นเรื่องของการปฏิบัติ" นักวิชาการด้านศาสนาเผยทัศนะ
      
       สุดท้ายนี้กับกรณีที่เป็นข่าว หากการจัดกิจกรรมแชร์ธรรมะธรรมดาๆ ไม่มีพระพุทธรูปทองคำมาเป็นรางวัลล่อใจเพื่อหวังโกยคนเข้าวัด เชื่อว่าคงจะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้..คราวหน้าคราวหลังถ้าจะทำการใดอีก คงต้อง "คิดก่อนทำ" กันให้มากกว่านี้นะจ๊ะ
      
       ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-29 22:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ที่ประเทศเนเธอแลนด์ ..การแข่งขันดนตรีโลก ”World Music Contest Kerkrade : WMC 2013 ” ประเภทการแข่งขันวงโยธวาทิต ซึ่งมีวงโยธวาทิตจากทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขัน

3 วงโยธวาทิตจากประเทศไทย .. คว้ารางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศ ได้ทั้งหมด...โดยวงโยธวาทิตโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ จากการทำคะแนนสูงสุด 93.74 คะแนน วงโยธวาทิตโรงเรียนสุรนารีวิทยา คะแนนรองลงมาเป็นอันดับ2รวม93 คะแนนและวงโยธวาทิตโรงเรียนเมืองพัทยา ได้คะแนนเป็นที่ 3





ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-29 22:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 28 ก.ค.เวลา 18.30 น. หลังฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันในพื้นที่ อ.สังขละ จ.กาญจนบุรี ทำให้เกิดน้ำป่าไหลเชี่ยวกราก จากทุ่งใหญ่นเรศวร พัดขยะตอไม้ลงสูแม่น้ำซองกาเลีย ปะทะกับเสาสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญ ขาดประมาณ 30 เมตรได้รับความเสียหาย ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้

นอกจากนี้ยังทำให้เชือกผูกแพที่พักลุงบุญ แพมิตรสัมพันธ์ ขาดทำให้แพลอยลงในอ่าง ซึ่งนายสมบูรณ์ ชาวมอญ อายุ 71 ปี เจ้าของแพลุงบุญ พร้อมเด็กเล็กติดอยู่ภายใน พลเมืองดีต้องนำเรือออกไปช่วยเหลือ

ขณะเดียวกัน น้ำได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองลู โรงพยาบาลคริสเตียน สูงประมาณ 50 เมตร ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านซองกาเลียต้องอพยพไปอยู่ในที่สูง นอกจากนี้สะพานปูนข้ามหมู่บ้านซอแหละ ไปยังหมู่บ้านเวียกาดี้ ขาดรถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปไปมาได้ พร้อมทั้งสะพานซองกาเลีย จากตัวเมืองสังขละไปสู่ด่านเจดีย์ 3 องค์ ขาดได้รับความเสียหายชาวบ้านและรถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านมาไปมาได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เข้าตัดกระแสไฟบางจุดเพื่อความปลอดภัยแล้ว

สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า สะพานมอญ หรือ สะพานไม้มอญ เป็น สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีความยาว 850 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในประเทศพม่า เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเรีย ที่ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

สะพานนี้สร้างขึ้นโดยดำริของ หลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ในปี พ.ศ. 2529 จนถึง พ.ศ. 2530 โดยใช้แรงงานของชาวมอญ เป็นสะพานไม้ที่ใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-30 07:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สื่อนอกตีข่าว!!น้ำมันดิบรั่วกระทบ “แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
29 กรกฎาคม 2556 17:37 น.



       เอเอฟพี - หลังจากเกิดเหตุการณน้ำมันดิบรั่วจากท่อส่งน้ำมันกลางทะเลของบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอลฯในวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทางการไทยได้มีความพยายามที่จะกำจัดคราบน้ำมันที่ไหลทะลักเข้าเต็มหาดที่เกาะเสม็ดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยประสานงานไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินให้เข้ามาดำเนินการจัดการคราบน้ำมันในครั้งนี้
      
       จากการรายงานข่าว คาดว่าน้ำมันดิบประมาณ 50,000 ลิตรได้รั่วจากท่อส่งน้ำมันลงทะเลในวันเสาร์(27)ที่ผ่านมา โดยห่างจากฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร หรือ 12 ไมล์ ของจังหวัดระยองซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของไทย พีทีที โกลบอล เคมิคอลฯเผย
      
       น้ำมันดิบที่รั่วได้มาถึงหาดอ่าวพร้าวบนเกาะเสม็ดซึ่งทหารเรือนับร้อยนาย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาพันธ์สัตว์ป่า พนักงานของบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอลฯ และชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นแข่งกับเวลาในการขจัดคราบน้ำมัน
      
       “การปนเปื้อนครั้งนี้ครอบคลุมเนื้อที่กว่า300 เมตร หรือ 990 ฟุตของชายหาด ซึ่งมันก็หนักเอาการ” สุเมธ สายทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด เผยกับเอเอฟพี
      
       และนอกจากนี้ พนักงานแผนกต้อนรับของโรงแรมหาดอ่าวพร้าวรีสอร์ทได้ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า “แขกที่มาพักที่โรงแรมต่างพากันทยอยกันเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม”
      
       โดยพนักงานต้อนรับที่อยู่โรงแรมไม่ห่างจากโรงแรมหาดอ่าวพร้าวรีสอร์ทได้เสริมว่า “มีคราบน้ำมันอยู่เต็มหาด เราต้องยอมรับมัน ตอนนี้มันก็โกลาหลกันอยู่ มีคนจำนวนมากรวมทั้งทางเจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันจัดการกับเรื่องนี้อยู่”
      
       โดยในแถลงการในวันอาทิตย์(28) ที่ออกโดยพีทีที โกลบอล เคมิคอลฯที่มีรัฐบาลไทยมีส่วนถือหุ้นเป็นเจ้าของอยู่นั้น กล่าวว่ามีการใช้เรือ 10 ลำในกระบวนการกำจัดคราบน้ำมันในครั้งนี้ และทางบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์วิกฤติการรั่วไหลในครั้งนี้ได้
      
       ทางด้านกลุ่มกรีนพีซได้ออกโรงกระตุ้นให้รัฐบาลไทยระงับการสูบน้ำมันและการสำรวจหาน้ำมันในอ่าวไทย โดยให้เหตุผลว่า เป็นเพราะเกิดปัญหา “การรั่วไหลครั้งใหญ่เกิดขึ้น”
      
       “อ่าวไทยซึ่งถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทย ได้ถูกย่ำยีมานานแล้วจากน้ำมันดิบรั่วที่ไหลผ่านตามท่อส่งตามเส้นทางที่บริษัทปิโตรเคมีวางไว้ทั่วอ่าวไทย” เผยจากนักเคลื่อนไหวกลุ่มกรีนพีซ พลาย ภิรมย์
      
       โดยทางกลุ่มกรีนพีซได้ยืนยันว่ามีการรั่วไหลของน้ำมันดิบในอ่าวไทยมานานกว่า 30ปีแล้ว
      
       “นี่เป็นการรั่วของน้ำมันดิบครั้งที่ร้ายแรงมากของจังหวัด” ภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผอ. ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที 1 และเสริมต่อไปว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นบนเกาะเสม็ด”
      
       บรรดานักอนุรักษ์ต่างให้ความห่วงใยในทั้งผลกระทบในการรั่วไหลน้ำมันต่ออ่าวไทยและผลกระทบที่เกิดจากการใช้สารเคมีในการกำจัดการปนเปื้อนคราบน้ำมันในครั้งนี้
      
       “แหล่งทรพยากรธรรมชาติหลักที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ แนวประการังและแหล่งห่วงโซ่อาหารของสัตว์น้ำ” ศรีสุวรรณ จรรยา ประธานของกลุ่มต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าว
      
       จากที่ผ่านมา พีทีที โกลบอล เคมิคอลฯเคยประสบปัญหาเกี่ยวข้องกับการรั่วไหลน้ำมันครั้งใหญ่ขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลียในปี 2009 ซึ่งถือเป็นการรั่วไหลครั้งใหญ่เท่าที่ออสเตรเลียเคยประสบมา

10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-30 10:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด


"ดาวเทียมระบบเรดาร์และสถานีเรดาร์ตรวจวัดคลื่นและกระแสน้ำชายฝั่ง เพื่อติดตามและคาดการณ์การเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเล บริเวณตอนเหนือของเกาะเสม็ด"

จากภาพแสดงให้เห็นถึงคราบน้ำมันที่ผิวหน้าทะเล มีขนาดพื้นที่ประมาณ 15 ตารางกิโลเมตร ห่างชายฝั่งทะเลประมาณ 1.6 กิโลเมตร โดยคราบน้ำมันที่พบเป็นบริเวณกว้างจะอยู่ทางตอนเหนือของเกาะเสม็ด (วงสีเขียว) และมีทิศทางเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเข้าหาฝั่ง แต่มีลักษณะเป็นเพียงแผ่นฟิล์มบาง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะสลายตัวด้วยกระบวนการธรรมชาติเช่นแบคทีเรียและแสงอาทิตย์ต่อไป

จากการใช้ข้อมูลภาพดาวเทียมและข้อมูลกระแสน้ำจากสถานีเรดาร์ตรวจวัดคลื่นและกระแสน้ำของ GISTDA คาดว่าวันที่ 30 กรกฎาคม 2556 ในช่วงเช้าฟิล์มน้ำมันเหล่านี้อาจจะเริ่มเข้าสู่ชายฝั่งในเขตอำเภอแกลง ประชาชน ผู้ประกอบการ ตลอดจนสถานเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในบริเวณดังกล่าวจึงควรเตรียมการรับมือโดยงดเล่นน้ำทะเล งดการใช้น้ำทะเลเพื่อการเพาะเลี้ยงและขนย้ายสิ่งของที่อาจได้รับความเสียหายจากคราบน้ำมัน รวมทั้งให้ความร่วมมือแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและขจัดคราบน้ำมัน

สำหรับพื้นที่ที่คราบน้ำมันยังมีความหนาแน่นจะเป็นหย่อม ๆ ในอ่าวที่มีลักษณะปิดทางฝั่งตะวันตกของเกาะเสม็ด โดยเฉพาะอ่าวพร้าว (วงสีแดง) ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการขจัดอยู่อย่างรีบด่วน

อนึ่งการใช้ดาวเทียมระบบเรดาร์ตรวจวัดคราบน้ำมันนั้นเป็นการวัดความราบเรียบของผิวหน้าทะเลอันเนื่องมาจากแรงตึงผิวที่ลดลงของน้ำทะเลเนื่องมาจากฟิล์มน้ำมัน ดังนั้นแม้จะเป็นเพียงฟิล์มบาง ๆ ดาวเทียมก็สามารถตรวจวัดได้ ซึ่งฟิล์มน้ำมันบาง ๆ นั้น ถึงแม้อาจจะไม่ทำให้เกิดอันตรายโดยเฉียบพลันเหมือนคราบน้ำมันที่มีความหนามาก ๆ แต่ในระยะยาวอาจจะมีผลต่อระบบนิเวศน์ รวมทั้งจะเกิดการสะสมและแปรสภาพเป็นก้อนน้ำมันดิน (Tar Ball) บนหาดในระยะยาวต่อไป



ข้อมูลและภาพข่าวจาก www.gistda.or.th

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้