ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

รวมเรื่องเล่าประสบการณ์เพื่อบูชาครู หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ

[คัดลอกลิงก์]
1#
โพสต์ 2013-11-6 23:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เช้าก่อนหน้าวันที่พี่ๆน้องๆคศช. จะไปบรรจุกรุพระกัน....ผมขับรถไปซื้อของที่ตัวจังหวัดตามปกติ
ขับมาเป็นสิบปีแล้วครับ...ไม่เคยนึกว่าจะมีเรื่องตื่นเต้นอะไร. ปรากฎว่าวันนี้ดันมีแฮะ

ถนนแถวบ้านกะลังขยายจากสองเลนเป็นสี่เลนครับสองข้างทางเค้าเริ่มถมดินลูกรังเสมอกับพื้นผิว
ถนนเดิมเป็นช่วงๆแต่ก้อเป็นลักษณะลาดลงไปด้านข้าง....หลุดจากลูกรังไปก็เป็นผืนนาข้าวเขียวขจี
ถนนก่อนจะถมนั้นบางช่วงสูงจากพื้นดินถึงสี่ซ้าห้าเมตร  พอถมดินลูกรังแล้วก็ดูเหมือนจะตื้นขึ้นหน่อย

เรื่องมันเกิดเพราะความใจร้อนด้วยความรีบนั่นเอง.....ปกติวันไหนอารมณ์ดีเจอรถสิบล้อขนดินทำถนน
วิ่งช้าๆอยู่จะขับรถแซงซ้ายลุยดินลูกรังจนฝุ่นตลบไปหมด....ด้วยอัตราความเร็วประมาณ 60 กม.ได้มั้ง?
วันเกิดเรื่องนี่ขับรถแซงขวามาตามปกติครับ  ตอนแซงมาเห็นรถข้างหน้าวิ่งต่อแถวกันช้าๆ เกือบสิบคัน
เห็นจะได้   พอมองไปไกลๆก้อเห็นรถหกล้อวิ่งสวนมาอยู่ไกลๆ  เลยเกิดความโลภกะว่าเด๋วแซงอีกซักหน่อย
แล้วค่อยเบียดเข้าไปก้อได้เนอะ!!!!

พอแซงมาได้ประมาณห้าคันไอ้หกล้อที่วิ่งสวนมาก้อใกล้เข้ามาอยู่ในระยะตัดสินใจว่าควรจะเบียดเค้าหลบ
ได้แล้ว......แต่ตาก้อดันไปมองถนนลูกรังที่อยู่ด้านขวา.....พร้อมกับสมองดีดลูกคิดรางแก้วเลยว่าถ้าเราไม่
เบียดรถเข้าทางซ้ายแต่วิ่งลงถนนลูกรังทางขวาดีกว่า. .....เพราะหกล้อสวนมาแค่คันเดียวพอหลบเสร็จเก๊าะ
หักคืนซ้ายแล้วจะได้แซงคันที่เหลือรวดเดียวเรยยย์.......หยั่งซั่นนน!!!!

น่าจะใช้เวลาประมาณสามสี่วินาทีในการตัดสินใจ...แร้วก้อหักพวงมาลัยตามใจคิด.....เพื่อที่จะรับรู้ในเวลา
ต่อมาไม่ถึงเสี้ยววินาทีว่า....ตอนนี้รถไม่ใช่ของเราแร้ววววว......เพราะมันควบคุมไม่ได้เป้าหมายแรกของมัน
เป็นทุ่งนาข้างทางด้วยความเร็วร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงตามความลาดลงของพื้นลูกรัง....ทำอะไรไม่ได้
เลยจริงๆครับ....ได้แต่ทำใจ

เข็มขัดนิรภัยก้อไม่ได้คาด.....ไม่ได้กลัวตายครับ...ตอนนั้นเป็นห่วงอย่างเดียวกลัวว่ารถจะพัง....ดูสมองมันคิด
เอาหละกัน......เหลือเพียงนิดเดียวก่อนจะลงไปนอนทุ่งนาหน้ารถก้อสะบัดกลับมาเหมือนโดนผลักพร้อมกับรถ
มีอาการสะบัดไปมา....ผมลองหมุนพวงมาลัยเพื่อเรียกการควบคุมกลับมาบ้างเบาๆ. มันก้อไม่ยักกะเชื่อแฮะ!!!
เลยลองแตะเบรกเบาๆมั่ง.....คราวนี้ได้ผลครับ.....ท้ายรถจากปัดเบาๆ....กลายเป็นว่าปัดมาข้างหน้ามากขึ้น
ได้แต่นึกในใจว่าซวยอิ๊บอ๋ายยยยย....ขนาดแตะเบาๆน๊าาาา.....ถ้ามันปัดมาถึงครึ่งรอบคงจะกลิ้งกันหลายตลบ
หละวุ้ย?????

วินาทีที่ลุ้นอยู่นั้นรถก็เหมือนโดนผลักให้ถอยกลับไป...แต่อาการรถสะบัดก้อเหวี่ยงมากขึ้นกว่าเดิม ผ่านไปไม่กี่วิ
ความเร็วของรถก้อลดลงอย่างรวดเร็วจากการสะบัดของตัวรถเองพวงมาลัยในมือเริ่มมีน้ำหนักตอบสนองต่อการ
หมุนบ้าง...เห็นถนนเบื้องหน้าว่างเลยพยายามควบคุมรถขึ้นถนนลาดยางเลนขวาพร้อมเสียงเบรกดังสะท้านใจ
หวังใจไว้ว่าไม่ให้รถเตลิดเลยไปเลนซ้ายเด๋วพวกตามหลังมาเค้าจะชนเราเข้า

กลับกลายเป็นว่าคิดมากไปแล้วเพราะมองไปเห็นแต่ฝุ่นฟุ้งตลบไปหมด....ส่วนรถสิบคันนั้นได้แต่จอดมองอยู่ห่าง
ออกไปเกือบร้อยเมตร...ประมาณว่าจอดรอดูสถานการณ์


สุดท้ายก้อขับรถหนีมาหลังจากโชว์เสี่ยงตายเพราะความโง่เขลาของตัวเองได้หนึ่งรอบ....ลูบสร้อยพระในคอ
เรียกขวัญและกำลังใจ....ผมห้อย...พระอาถรรพ์ธม....แค่องค์เดียวครับ
2#
โพสต์ 2013-11-28 10:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-11-28 06:39
คนเสน่ห์ แรง..ส์ ใครๆ ก็อยากจะปะทะ ...

อยากปะทะแบบนี้อ่ะคับ...ไม่อยากได้แบบเหล็กชนเหล็กหรือว่าเหล็กชนไม้(ต้น)ข้างทางครับ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
โพสต์ 2013-11-28 10:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2013-11-28 10:23
ปะทะแบบเฉียดๆหรือเต็มๆดีครับพี่ใหม่  ...

อย่าพูดถึงเลยคับเจ๊หนู...แค่คิดก้อปวดจัย
4#
โพสต์ 2015-3-10 10:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
พิมพ์มาสามวันแล้วครับ......เด้งหายตลอด
5#
โพสต์ 2015-3-12 11:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
กราบนมัสการหลวงปู่....กราบสวัสดีท่านอาจารย์และพี่ ๆ น้อง ๆ ทุก ๆ ท่านครับ
ห่างหายไปนานเนื่องจากช่วงนี้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ  มากมาย  ว่ากันไปตามบุญตาม
กรรม...ดังเรื่องเล่าบูชาครูต่อไปนี้ครับ

ปลายเดือนธันวาคม  เช้าวันหนึ่งแม่ของลูกชายได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวร้ายตั้งแต่เช้า
ว่าเพื่อนรักในกลุ่มเดียวกันถูกยิงนอนตายอยู่ข้างถนนสายหลักในตัวจังหวัด  นับเป็น
ข่าวดังประจำจังหวัดข่าวหนึ่งเลยทีเดียว  พอเธอขับรถไปส่งลูกชายเสร็จก็ไปจัดการ
เดินเรื่องเพื่อนำศพไปจัดพิธีทางศาสนา  ที่ต่างอำเภอ  ผู้ตายไม่มีญาติพี่น้องใกล้ชิด
มีแต่คุณแม่ก็อยู่ห่างไปเกือบร้อยกิโล  คนยิงก็ไม่ใช่ใครที่ไหนสามีเธอเองนั่นแหละ
ด้วยสาเหตุจากความหึงหวง!!!

ตั้งแต่ได้ยินข่าวช่วงเช้าผมก็รู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล  คิดว่างานนี้มีผีมาหาถึงบ้านแบบ
ไม่ได้รับเชิญแหง ๆ   หลายวันก่อนยายผมก่อนตายก็แวะมามาที่บ้านตอนเที่ยงคืน....
มาเหมือนในหนังคือ ...เที่ยงคืนปุ๊ป....หมาเห่า...เป็นทอด ๆ  ๆ ๆ   ซักพักเปลี่ยนเป็น
หอนแบบใกล้ ๆ มุ่งตรงเข้ามาหาเราในบ้าน  ตอนนั้นผมลุกขึ้นยืนมองออกไปนอกหน้า
ต่างเพราะรู้ว่ามีผีมาหา  ส่วนมากมาแบบนี้เป็นคนรู้จักกัน...แต่ก็มองไม่เห็นอะไร? แถม
ยังนึกไม่ออกว่าใครมา...อีกวันต่อมายายที่นอนอยู่โรงพยาบาลดี ๆ ก็จากไป

นอกเรื่องไปหน่อยแต่เท่าที่เจอมาก็ไม่ค่อยจะเกินรูปแบบนี้  ผู้ตายเป็นหญิงสาวสวยแต่
เป็นขาลุยหน่อย ค่อนข้างแรงส์ตามประสาวัยรุ่น  มีลูกสาววัยน่ารัก 1 คน  ด้วยแรงสังหรณ์
ช่วงบ่ายผมต้องไปรับลูกที่โรงเรียนแทนแม่เค้าเพราะต้องเดินเรื่่องจัดการศพ  ก็เลยแวะ
เอาสร้อยพระของหลวงปู่ไปให้เธอแขวนพร้อมกำชับว่าห้ามถอดเด็ดขาด  ส่วนตัวผมก็เลย
ไปรับลูกชายซึ่งเลิกเรียนเวลาประมาณ 5 โมงเย็น  รับเสร็จก็ขับกลับบ้านซึ่่งต้องผ่านจุด
ที่เกิดเหตุเพราะเป็นถนนสายหลักของจังหวัด...ทันใดนั้นกลิ่นศพเวลาที่โดนเผาก็คลุ้งเข้า
มาในรถจนผมต้องกลั้นหายใจ  แม้กระทั่งลูกชายวัย 5 ขวบยังเอ่ยปากถามว่ากลิ่นอะไรที่
โชยเข้ามาในรถ "กลิ่นท่อไอเสียรถคันหน้าน่ะลูก..."  ตอบลูกออกไปพร้อม ๆ กับนึกในใจ
ว่าคืนนี้ชิบห...หละ...เง้อ???
6#
โพสต์ 2015-3-12 12:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ก่อนหน้านั้นช่วงกลางวัน  ผมสำรวจบ้านลูกชายแล้วทุกเสาบ้านมีผ้ายันต์ที่ตาทวด
เอาไปให้หลวงพ่อท่านเขียนมาแปะไว้ทุกเสาในบ้าน  เลยนึกว่าไม่เป็นไรยังไงก็คง
จะเข้ามาเดินเล่นในบ้านไม่ได้  ส่วนพระแทบไม่มีอยู่ในบ้านเลยเพราะตอนกลางวัน
บ้านหลังนี้ไม่ค่อยจะมีใครอยู่ก็เลยไม่ได้เก็บของมีค่าเอาไว้ในบ้าน  คงมีแต่พระเจ้า
ชัยวรมันแบบช่อวางไว้บนหัวเตียง 2 ช่อ  โดยส่วนตัวแล้วด้วยความที่เป็นคนรู้จักกัน
เลยไม่คิดว่าต้องป้องกันอะไรมากมาย  เจ๊เค้าอยากจะเดินรอบ ๆ บ้านก็ไม่ว่าอะไร
จะส่งเสียงคุยมาก้อพอจะคุยกันได้  ขออย่าแค่เข้ามาในบ้านเพราะในบ้านมีเด็กอยู่
ขวัญเค้าจะหายซะเปล่า ๆ   ....และแล้วค่ำคืนแรกก็มาเยือนบ้านของเรา

โชคดีที่พอสามทุ่มลูกชายหลับสนิทเรียบร้อยไปแล้ว  ประมาณสี่ทุ่มกว่าคุณแม่ก็ขับ
รถกลับมาจากงานศพ  พร้อมเพื่อนในแกงค์นั่งมาเป็นเพื่อนอีก 1 คน  บรรยากาศใน
บ้านพลันเปลี่ยนไปจนรู้สึกได้ในทันที  ผมเลยบอกว่ากลับมาเหนื่อยรีบอาบน้ำรีบนอน
เด๋วพรุ่งนี้เช้ามีอะไรค่อยคุยกันนะ  สองคนรีบปฏิบัติตาม  เพื่อนที่นั่งมาด้วยก็ไปนอน
อีกห้องหนึ่งกับญาติของแม่ลูกชาย    ต่างฝ่ายต่างเข้าห้องนอนของตัวเองแล้วความ
เงียบก็พลันเข้าปกคลุมบ้านทั้งหลัง...เงียบจนผิดปกติ...เงียบสงัด!!!

นอนฟังเสียงความเงียบด้วยความกระสับกระส่าย  แม่ลูกชายมองหน้าเหมือนจะพูดอะ
ไร  ผมเลยบอกว่ามีอะไรไว้คุยพรุ่งนี้นะ....ยังไม่ทันจะขาดคำ....เสียงบนฝ้าเพดานก็ลั่น
ดังขึ้นจนเหมือนฝ้าจะพัง  ปกติมันจะมีนกมีหนูวิ่งกันประจำอยู่แล้ว  แต่วันนี้เสียงมันดัง
ผิดปกติ...ผมนึกในใจ...เอาแร้วววว....

ในเวลาเดียวกันอีกห้องหนึ่งญาติของแม่ลูกชายรู้สึกผิดปกติ  ความรู้สึกประมาณเหมือน
มีงูตัวนึงกำลังเลื้อยรัดแขนจากปลายแขนขึ้นมาที่ต้นแขน  เธอตกใจร้องเสียงดังลั่นบ้าน
พร้อมกับเปิดประตูห้องนอนกระโจนออกมา  พาให้เพื่อนของแม่ลูกชายต้องกระโจนตาม
ออกมาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปด้วย

แม่ลูกชายบอกให้ผมออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น  ผมบอกไปว่าไม่ต้องออกไปหรอกเด๋วตอน
เช้าค่อยคุยกัน  ส่วนตาก็หลับตาสวดมนต์ระลึกถึงหลวงปู่ชื่นของเรา  "หลวงปู่ครับขออย่า
ให้ใครถูกเข้าสิงนะครับ...อย่าไปทำอะไรเค้านะครับ...คนรู้จักกัน"  ผมนอนสวดมนต์จนหลับ
ไป  ส่วนแม่ลูกชาย หลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืน  มีความรู้สึกว่าเพื่อนมายืนอยู่นอกหน้าต่าง  เวลาที่
หลับตาก็จะมองเห็นภาพเหตุการณ์ที่เพื่อนถูกยิง  เหมือนหนังภาพยนต์ย้อนกลับไปกลับมา
ทั้งคืน

ฟ้าสว่างแล้ว...ทุกคนไม่ยอมลุกจนผมลุกขึ้นมาเปิดประตูหุงข้าวให้หมา  ถึงค่อย ๆ ทยอยลุก
ขึ้นมาคุยกัน  แม่กับเพื่อนแม่คุยกันปรากฎว่าฝันถึงเหตุการณ์เดียวกันเหมือนกันเปี๊ยบ!!!!!!!!
ส่วนญาติที่ถูกงูรัดแขน  แต่ไม่เจองูซักตัวก็รู้ตัวแล้วว่าไม่ใช่งู แต่เป็นวิญญาณที่พยายามจะ
เข้าสิงร่าง  เนื่องจากเธอไม่ห้อยพระแถมยังเกิดวันพุธกลางคืนซะด้วย  วันนั้นผมต้องกลับมา
รื้อกล่องพระอีกครั้งพร้อมกับให้่ขุนแผนสะกดทัพให้เธอไปห้อยไว้โดยไม่ต้องกำชับว่าห้าม
ถอดเลย

วันนั้นต้องมานั่งคิดว่าจะทำไงดีน้อ....จนนึกถึงดวงตราอาถรรพ์ขึ้นมาได้  คราวนี้หาเชือกร้อย
แขวนไว้ในห้องนอนทุกห้อง  ตอนนั้นอากาศหนาวมากผมกางเต้นท์นอนในห้อง  ตรงกลาง
เต้นท์ผมก็เลยนิมนต์อาถรรพ์ธมเนื้ออังคารธาตุห้อยอยู่ตรงกลางเต้นท์อีกองค์  เรียกว่า อุ่นใจ
สุด ๆ

แม่ลูกชายมีธุระต้องไปซื้อของที่กรุงเทพฯ  ตกกลางคืนผมเลยตัดสินใจหอบลูกชายมานอน
ที่บ้านตรงตลาด  ถือเป็นการพักยกระงับศึกชั่วคราว
7#
โพสต์ 2015-3-12 14:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เช้าวันที่สามเริ่มขึ้น.....ข้อมูลข่าวสารเริ่มหลั่งไหลเข้ามา  มีร่างทรงที่อยู่ห่างไกลคนหนึ่ง
ในคืนวันแรกที่เธอติดต่อสื่อสารกับพวกเราไม่ได้  เธอก็ไปหาร่างทรงที่อยู่อีกจังหวัดหนึ่ง
ซึ่งเป็นเพื่อนในเฟสของเพื่อนเธอ  สิ่งที่เธอบอกกับร่างทรงก็คือ  เธอมาหาเพื่อนที่บ้านแต่
พูดคุยกันไม่ได้  อยากให้เพื่อนไปดูแลลูกสาวเธอให้หน่อย...อ่า....ป่านนี้พ่อเค้าหอบลูก
สาวหนีไปไหนแร้ววม่ายรู้  จนปัญญาจะตามหาจริง ๆ   ส่วนเพื่อน ๆ ก็โดนแวะไปเยี่ยมเยียน
ในคืนที่สองกันถ้วนทั่วหน้า   ด้วยความจนใจจะทำอะไรก็ลุ้นให้ถึงกลางคืนเร็ว ๆ  จะดูว่าคืน
นี้เกิดอะไรขึ้นหละหนอ...

พอเริ่มฟ้ามืดได้พักใหญ่  ทุ่มกว่า ๆ ผมเริ่มไล่เด็ก ๆ แถวบ้านให้กลับบ้านไม่ต้องมาเล่นหรือ
ด้อม ๆ มอง ๆ แถวนี้  เด๋วจับไข้หัวโกร๋นพ่อแม่เค้าจะมาว่าเอา  แม่ลูกชายกลับจากกรุงเทพฯ
มาถึงตัวจังหวัดตอนกลางวัน  แล้วรับเพื่อนวิ่งไปงานศพที่ต่างอำเภอเลยไม่แวะเข้าบ้าน.....
กลับมาอีกทีเวลาเดิม 4 ทุ่มกว่า  

พอรถเลี้ยวเข้ามาในเขตบ้าน  ผมยืนมองผ่านหน้าต่างอยู่  หมาที่เลี้ยงไว้ในบ้านเกือบสิบตัววิ่ง
สวนรถออกไปที่ถนนหน้าบ้าน  ไปตั้งหลักหอนอยู่หน้าบ้านตาทวดห่างไปเกือบ 70-80 เมตร
ไม่ยอมวิ่งเข้ามานอนในบ้านเหมือนเคย  มีเพื่อนมานอนเป็นเพื่อนเหมือนเคย  แต่คราวนี้ห้อง
นู้นไม่เจออะไร  ผิดกันที่ห้องผมไม่ได้เปิดทีวีเป็นเพื่อนเหมือนห้องข้าง ๆ  เสียงทีวีจากห้องข้าง
ก็ดังเล็ดลอดเข้ามา....แต่มีเสียงแปลกปลอมปนมาด้วย

เป็นเสียงสะอื้นไห้ของผู้หญิงคนหนึ่ง  ที่ร้องเหมือนจะขาดใจ  เสียงทอดยาวขาด ๆ  หาย ๆ  
รำไร ๆ  เหมือนมี  เหมือนไม่มี  ตั้งใจฟังจะไม่ค่อยได้ยิน  พอไม่ได้ตั้งใจจะได้ยินชัดขึ้นมามาก
เหมือนเสียงผีร้องไห้ในหนังผียังไงยังงั้นหละ(ไปหาฟังเอานะ)   ฟังต้นเสียงแล้วก้อ
นู้นนนน...ดังมาจากนอกเขตรั้วบ้านนั่นแน่ะ   เสียงนั่นดังซักพักก็เงียบหายไป  แต่หมาก็ยังไม่
กลับเข้ามานอนในบ้านเหมือนเคย

สรุปได้ประมาณว่า  ด้วยอำนาจของดวงตราอาถรรพ์นั่นเองที่ทำให้ดวงวิญญาณของเธอเข้ามา
ในเขตบ้านไม่ได้  ทั้ง ๆ ที่คืนแรกไม่มีดวงตราซักดวง  มายืนถึงข้างหน้าต่างเลยหละ...  พอมี
ดวงตราอาถรรพ์ปุ๊ปห่างไปไม่ต่ำกว่ายี่สิบสามสิบเมตรแน่นอน

ที่ในเวปของเราเขียนเอาไว้ว่า ดวงตราอาถรรพ์ปรับฮวงจุ้ยบ้าน คุ้มครองบ้าน  ผ่านการพิสูจน์
คราวนี้ผมสรุปได้ว่า  อำนาจของดวงตราอาถรรพ์นั้นแผ่รัศมีกว้างไกลกว่าพระเครื่องที่ห้อยคอ
อยู่อย่างแน่นอน  กระแสที่แผ่ออกมากว้างไกลจนไม่เกินเลยกับคำที่ว่า "ปรับฮวงจุ้ยและคุ้ม
ครองบ้านร่มเย็นเป็นสุข"  แน่นอนครับ

ก่อนจะพิมพ์นี่ผมก็ไปแอบเก็บดวงตราอาถรรพ์มาเพิ่มอีกเล็กน้อย  เพราะที่มีอยู่ก็แจกเค้าไป
จนเกือบหมด  พอเวลาตัวเองเดือดร้อน  จะหาใช้บ้างก็เกือบไม่มีใช้...เง้อ!!!

ผ่านไปอีกคืนแบบใจหายใจคว่ำ   เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอีกรอบ  ร่างทรงฝาก
ข่าวมาบอกว่า  เธอกลับไปเยี่ยมลูกแล้ว  วันแรกเจอ  แต่วันหลังหายังไงก็หาไม่เจอ......
พยายามจะให้พวกเราดูแลลูกของเธอ   

พ่อเค้าคงเป็นคนมีวิชาพอตัว   เลยบังตาวิญญาณเอาไว้ไม่ให้มองเห็น  ส่วนสาเหตุนะเหรอ
ครับ  คนข้างห้องเค้าเล่าให้ฟัง  ว่าลูกสาวมองผ่านบานเกล็ดหน้าต่างออกไป  เห็นเงาผู้
หญิงผมยาวยืนอยู่ตรงระเบียงในห้อง  ก็เลยส่งเสียง "นั่นใคร ๆ  ๆ  แม่เหรอ ๆ ?? "  พ่อเค้า
ก็รู้ตัวสิครับว่า  วิญญาณแม่ตามมา  เลยหอบลูกหนีไปตามธรรมเนียมแถมมนต์บังตาให้
เสร็จสรรพ

ส่วนป้าที่บ้านอยู่หน้าปากซอยตรงจุดเกิดเหตุ  ก็มาเล่าให้ฟังว่า  ป้านอนฟังเสียงเธอร้องไห้
ทุกคืนเลยหลานเอ๊ย...ป้าก็ไม่รู้จะทำยังไง  กลัวก้อกลัว  สุดท้ายตัดสินใจนิมนต์พระมาทำ
บุญให้  สุดท้าย....มานั่งร้องไห้ให้ป้าฟังเหมือนเดิม

วันถัดมาคุณแม่ของเธอตัดสินใจเผาร่าง  หลังจากคดีดูเหมือนจะได้รับความยุติธรรม....ถ้าไม่
เผาหละก้อ  ผมไม่รู้ว่าจะต้องนอนผวาไปอีกกี่วันกี่คืนเนอะ   เพราะยิ่งมายิ่งเฮี้ยนมากขึ้นทุก
วัน ๆ   พอเผาเสร็จเท่านั้นแหละ  บรรยากาศเบาลงไปไม่ต่ำกว่าครึ่งเลย
8#
โพสต์ 2015-3-12 15:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ผมบอกแม่ของลูกไว้ว่า...ถึงแม้เผาแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจะจบ...เพราะเค้า
เป็นห่วงลูกของเค้า  และหาลูกยังไม่เจอ  เรื่องราวต่าง ๆ  เงียบหายไปหลายวัน
แต่ผมก็รวบรวมข้อมูลตอนที่เธอมาเยี่ยมบ้าน  สรุปได้ว่า  เนื่องจากเป็นการตายโหง
แถมเป็นลักษณะของวิญญาณอาฆาต  ถึงแม้จะมาในลักษณะเพื่อนฝูงไปมาหาสู่กัน
แต่รังสีแห่งความตายที่เธอแผ่ออกมา(เธออาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ)  ให้ผลดังนี้ครับ

นกหนูที่อาศัยอยู่ใต้หลังคา  ปกติจะต้องวิ่งเสียงดังทุกคืน  จนได้ยินกันเป็นปกติ
ตั้งแต่เธอมาเยี่ยมบ้าน  นกหนูย้ายไปวิ่งบ้านใครก็ม่ายรุ  แถมมีอยู่ตัวนึงไปขาดใจ
ตายอยู่ในเครื่องซักผ้า  กว่าจะรู้ตัวก็ทำให้เครื่องซักผ้าซ๊อตไหม้ไปเรียบร้อย(โทษ
ว่าผีเป็นตัวการเนอะ)  ....  ผ่านไปกลางเดือนมกราคมน่ะ  ค่อยมีหนูวิ่งเบา ๆ ยาม
ค่ำคืน

เวลาเธอมาหาแม้แต่หมายังวิ่งหนีออกไปหอนนอกบ้าน  ...ตั้งหลักเสียใกลลิบแถม
ไม่ยอมเข้าบ้านอีกตะหาก...นู่นเช้านั่นแหละค่อยเยื้องย่างเข้ามากินข้าว....เสียข้าว
สุกจริง ๆ หรีดหริ่งเรไร  พากันพร้อมใจเงียบเสียงกันหมด  ไอ้ที่ว่าเงียบสงัดคือ.....
ความเงียบที่ไร้เสียงจริง ๆ   บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นหนัก ๆ  จนไม่ต้องบอกว่ามีผี
มาก็จะต้องรู้เพราะบรรยากาศมันกดดันเรามาก   มีอยู่วันหนึ่งเล่าให้หลวงน้าที่วัด
ฟัง  หลวงน้าบอก "ถึงว่าสิ...วันนั้นใช่ไม๊ที่หมามันหอนกันเกรียวเลย"  แต่เราก็ทำ
อะไรไม่ได้ครับ  ได้แต่ตั้งรับแล้วก็คอยสังเกตุเอา  แก้กันเป็นข้อ ๆ ไป...ในที่สุด
ปัญหาก็มาถึงเราอีกจนได้

ถึงแม้จะเบาลงไปเยอะแล้ว  แต่ความรู้สึกของผมก็คือ  เหมือนมีใครอยู่ข้างหลัง
เราเสมอ   บางครั้งก็รู้สึกปวด ๆ หัว  ปวดต้นคอบ้าง แบบไร้สาเหตุ  จะว่าคิดไป
เองก็ไม่ใช่  มันปวดจริง ๆ นะ  มันมีอะไรส่งพลังมาหาแล้วกดดันเรา  ส่วนผมน่ะ
ยังพอทน   ญาติของแม่ลูกชายสิ  เป็นอาการคล้าย ๆ กัน  แต่เธอทนไม่ได้วันนึง
ก็เลยไปหาหมอดูที่ดูแม่น....ผลสรุปออกมาว่า  มีวิญญาณตามเธออยู่  เพียงแค่
เธอถอดพระที่เธอสวมอยู่วิญญาณก็จะถือโอกาสเข้าสิง  เพื่อเจรจากับแม่ของลูก
ชายให้ช่วยตามหาลูก  เธอก็ยิ่งกลัวกว่าเดิม....เป็นใครก็คงจะไม่ดีใจถ้ารู้ว่ามีผี
คอยตามติดเป็นเงาตามตัวขนาดนั้น   แถมยังสร้างอาการปวดหัว ตัวร้อนไม่สบาย
ให้กับเราได้ด้วย

ปัจจัยข้อสองคือ  เจ้าลูกชายตัวดีของผม  เริ่มเกิดอาการกลัว  เหมือนว่าจะเคย
เห็นแต่ไม่รู้ว่าไปเห็นกันตอนไหน  ถามเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ  ออกอาการกลัวจนอยู่คน
เดียวไม่ได้  คราวนี้ผมก็อยู่ไม่ติดหละ  ปัญหามันใกล้ตัวเกินไป  ทำอะไรก็ไม่ได้
ช่วงต้นเดือนมกราคม  เลยแอบแว๊บ...มาปรึกษาอาจารย์ศรายุทธของพวกเราครับ
อาจารย์ฟังแล้วก็บอกให้ผมจุดธูปบอกหลวงปู่ชื่น ที่สำนัก  เสร็จแล้วกลับไปบ้าน
ก็จุดธูป 9 ดอกบอกหลวงปู่อีกครั้ง  เดี๋ยวหลวงปู่จัดการให้เรียบร้อย....อาจารย์ให้
คำรับรองกับลูกศิษย์อย่างมั่นใจ

กลับมาถึงบ้านคืนต่อมาผมจุดธูป 9 ดอกตอน 3 ทุ่มนอกบ้าน  สวดมนต์ระลึกถึง
หลวงปู่แล้วก็บอกกล่าวเรื่องราวที่เกิดขึ้น  อ้อนให้หลวงปู่ช่วย  ถ้าหลวงปู่จะเมตตา
ก็ได้โปรดให้แม่ได้พบกับลูกด้วยเทอญ...ประมาณนี้หละครับ

หลังจากจุดธูปบอกหลวงปู่  อาการที่ผมเคยเป็นก็ลดน้อยลงแล้วค่อย ๆ หายไป
ในที่สุด   ส่วนผลนะเหรอครับ  ผมไม่มีญาณทัศนะอะไรกะเค้า  ก็เลยนัดคนมีญาณ
ให้แม่ของลูกชายไปสอบถามความต้องการของวิญญาณเพื่อนรักเมื่อวันที่่ 24 กพ.
ที่ผ่านมานี่เอง

วิญญาณเธอติดตามแม่ของลูกชายผมไปถึงบ้านนัดหมาย  แต่เข้าบ้านไม่ได้ยืนคอย
อยู่นอกรั้วบ้าน  เจ้าของบ้านแจ้งให้ทราบว่า "เธอได้พบกับลูกของเธอแล้ว และเชื่อ
มั่นว่าพ่อของลูกจะดูแลลูกสาวเธอให้มีความสุขได้"   และสิ่งที่ตอนนี้เธอต้องการมาก
ก็คือขอให้พวกเราทำบุญให้เธอแล้วอธิษฐานให้บุญกลายเป็นปัจจัยในโลกของวิญญาณ
เพื่อที่เธอจะได้นำปัจจัยไปซื้อข้าวของ....เปิดร้านเสริมสวย

หน้ามือเป็นหลังมือไหมหละครับ....ใครจะเชื่อว่า...วิญญาณอาฆาตแค้นระดับนี้จะกลาย
เป็นวิญญาณน่ารักที่อยากจะเปิดร้านเสริมสวยในโลกของวิญญาณ  เธอเอาความแค้น
ของเธอไปทิ้งไว้ที่ไหน?   ใครพาเธอไปจนเจอกับลูกและพ่อของลูกเธอ???  ใครเป็นคน
ให้ความมั่นใจกับเธอว่าลูกเธอจะดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขจนเธอปล่อยวางความแค้น
ลงจนกลายเป็นวิญญาณที่น่ารักคนหนึ่ง

เมื่อเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ  ขึ้นโดยสารเรือลำนี้ของโปรดจงมั่นใจว่าหลวงปู่ชื่นและท่านอา
จารย์ศรายุทธของเราจะไม่ทอดทิ้งเรา....กราบนมัสการหลวงปู่ชื่นและท่านอาจารย์ครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้