Baan Jompra
ชื่อกระทู้: หลวงปู่สรวง [สั่งพิมพ์]
โดย: oustayutt เวลา: 2016-8-31 18:20
ชื่อกระทู้: หลวงปู่สรวง
[attach]13789[/attach]
§ หลวงปู่สรวงพระลึกลับผู้ไม่ยึดติด §
พระดีที่หลวงปู่เดินหนสั่งให้ไปกราบ
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
ราว ๒๐ กว่าปีก่อนเรื่องราวของหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ยังไม่โด่งดังเป็นพลุเช่นทุกวันนี้ สมัยนั้นยังมีฅนบางกลุ่มไม่ยอมรับท่าน บ้างคิดไปว่าท่านไม่ปกติก็มี ตัวข้าพเจ้าในสมัยนั้นไม่ได้เคารพศรัทธาหลวงปู่สรวง พูดตามตรงว่าเคยได้ยินชื่อท่านเพียงผ่าน ๆ ไม่ได้ใส่ใจ จวบจนวันหนึ่งมีศิษย์หลวงปู่เดินหนผู้หนึ่ง ที่ชอบเสาะหาพระขลังอาจารย์ดีไปทั่วทิศ เขามากราบหวงปู่ทั้งสอบถามเกี่ยวครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษเวลานั้น เขาถามหลวงปู่ถึงหลวงตาจันทร์ที่โด่งดังมากในเวลานั้นว่า ท่านผู้นี้เป็นพระอาจารย์สำคัญในอดีตกลับชาติมาเกิดจริงหรือไม่ ?
--
หลวงปู่ท่านได้ฟังคำถามท่านหัวเราะในลำคอ แล้วตอบเรื่องหลวงตาจันทร์ให้ทราบว่า
** ไปหาก็เสียเวลา ไหว้ไปก็เสียกำลังใจ ต่อไปจะรู้เองพูดไปไม่เกิดประโยชน์ เพราะยังไม่ถึงเวลาแห่งความจริง **
--
ขออธิบายว่าหากมีใครถามเรื่องพระสงฆ์ใดก็ตาม โดยมากหลวงปู่ท่านมักไม่ตอบตรง ๆ เรื่องเกี่ยวกับพระนี่ท่านจะเลี่ยง นอกจากกรณีพระสงฆ์ที่ทำผิดร้ายแรง ท่านจะพูดเป็นปริศนาหรือคำผวนให้ไปตีความเอาเอง อีกกรณีจะเป็นพวกที่มีคดีหรือมีการเปิดโปงความผิดชั่วบาปแล้วมาถามท่าน หลวงปู่ท่านถึงจะตอบว่าดีไม่ดีอย่างไร
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
ผลสุดท้ายหลวงตาจันทร์ผู้โด่งดังก็ลาสิกขาอย่างที่รู้กัน ในกาลต่อมามีผู้ถามหลวงปู่ถึงพระเขมรว่า ในเมืองไทนี้ยังมีพระเขมรที่ปฏิบัติดีหรือเป็นพระอริยะเจ้า แบบที่ไม่เล่นไสยดำของต่ำมีอยู่หรือไม่ หลวงปู่ท่านตอบศิษย์สั่น ๆ ว่า #ชื่อสรวง ทั้งยังกล่าวเสริมว่าพระรูปนี้กินดิน ให้ไปตามหาเอาเองอยู่อีสาน ศิษย์จึงไปสืบถามจนทราบว่า น่าจะเป็นหลวงปู่สรวงแน่นอน เพราะหลวงปู่สรวงรูปนี้เวลาท่านเวลารู้สึกไม่สบาย ท่านจะขุดดินมากินว่าเป็นยา ภายศิษย์มารายงานทั้งสอบทานจากหลวงปู่ว่า พระที่ชื่อสรวงที่ท่านกล่าวถึงนั้น ใช้รูปเดียวกับที่เขาได้ไปพบหรือไม่ หลวงปู่ท่านตอบเขาสั้น ๆ แค่ว่า #ใช่
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
หลวงปู่สรวงรูปนี้หลวงปู่เดินหนกล่าวถึงไว้ชัดเจนว่า เป็น #พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ (ขั้นสูงสุด) บารมีธรรมสูงส่ง แต่เป็นผู้ปฏิบัติตนแบบไร้รูปแบบ หากอธิบายแบบชาวบ้านเปรียบเป็นทหาร นับว่าท่านเป็นประเภทแนวหน่วยรบพิเศษ ชอบอำพรางตัวไม่ให้ใครจับทาง ได้หรือทราบว่าเป็นใคร อย่างไรแบบ ? ความจริงแล้วท่านสื่อทางใจพูดภาษาสัตว์ได้ เก่งมากแต่ไม่แสดงตัว ชอบทำเป็นบ้าเป็นใบ้ให้พ้นไปวัน ๆ ไม่อยากให้ใครมากวนมาก ส่วนทีมีผู้สงสัยว่าหากท่านเป็นพระระดับสูง แล้วทำไมท่านจึงไม่อยู่ป่าลึกหลีกเร้นจากผู้ฅน
หลวงปู่เดินหนอธิบายว่า
--
**เพราะหลวงปู่สรวงท่านยังมีภาระและหนี้เศษกรรมบางประการ ท่านจึงต้องกลับมาสงเคราะห์ผู้ฅนที่มีหนี้สินติดค้าง หรือเคยมีคุณที่เคยเกื้อหนุนมาในอดีตให้หมดเสียก่อน เมื่อหมดแล้วท่านจะจากไป ย้ายไปเรื่อยเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปตามที่ท่านจะให้เป็นไปได้**
--
นี้เป็นคำพูดเพียงบางส่วนที่สืบถามจดจำคำกล่าวของ หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร ที่กล่าวถึงหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดนดังนี้
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
เมื่อทราบเรื่องหลวงปู่สรวง ที่หลวงปู่เดินหนกล่าวถึงเกิดสนใจ ข้าพเจ้าจึงสอบถามศิษย์หลวงปู่ที่เคยไปพบ ขอให้เขาช่วยพาไปกราบหลวงปู่สรวงสักครั้ง คิดเสมอว่าการได้กราบพระอรหันต์ถือเป็นมงคลแก่ชีวิต จึงตัดสินใจติดสอยห้อยตามเขาเพื่อไปกราบหลวงปู่สรวง เวลานั่งรถกระบะไปกันไม่กี่ฅน สมัยนั้นเท่าที่จำได้กว่าจะถึงที่พักหลวงปู่สรวงก็เล่นเอามืดค่ำ หลวงปู่สรวงนี้ท่านชอบทำแปลก ๆ และไม่ชอบจำพรรษาอยู่วัดดังเช่นพระสงฆ์ปกติ เมื่อใครจะเข้าไปกราบท่านต้องโทร.สอบถามกับศิษย์ที่คอยขับรถยนต์ให้ท่านนั่ง ต้องถามเขาก่อนว่าวันนั้นเวลานี้ หลวงปู่สรวงอยู่ที่ใด
............
❀
โดย: oustayutt เวลา: 2016-8-31 18:20
❀❀❀❀❀❀❀
............
จำได้ว่าที่พักท่านเป็นเพิงไม่สู้ใหญ่โตหรือแข็งแรงมากนัก มองไปเห็นท่านนั่งเอนหลังอยู่ข้างกองไฟ เห็นมีชาวบ้านนั่งรายล้อมท่านอยู่ ส่วนใหญ่ผู้ที่นั่งอยู่บริเวณนั้น รอบตัวท่านเป็นสตรีวัยกลางฅน สังเกตเห็นมีข้าวของกองอยู่ใกล้ท่านมากมาย ทั้งของกินของใช่ที่ญาติโยมนำมาถวายด้วยศรัทธา วันนั้นเมื่อจอดรถยนต์แล้วต้องเดินลัดเลาะมา จนถึงที่พักหลวงปู่สรวง เมื่อถึงแล้วมองไปเห็นว่ามีสตรีเข้าไปหลวงปู่สรวงทีละฅน น่าตกใจที่มองเห็นว่าหลวงปู่สรวงกำลังจับ #หน้าอกสตรี ที่เข้าไปหาท่านเหล่านั้นทุกฅน เห็นท่านจับ ๆ คล่ำ ๆ ครู่หนึ่ง และสตรีเหล่านั้นก็ถอยออกมาทีละฅน เมื่อเห็นภาพนั้นแวบแรกรู้สึกตกตะลึง ว่าหลวงปู่สรวงท่านทำอะไรไม่สมควรเอาเลย ยอมรับว่าเวลานั้นทีแรกคิดจะถอยกลับเลยทีเดียว แต่มานึกถึงคำหลวงปู่พูดไว้จึงคิดว่าท่านคงมีเหตุผล
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
นึกเฉลียวใจเพราะเชื่อมั่นคำหลวงปู่ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาสตรีผู้หนึ่งที่เดินออกมาจากเพิง สตรีผู้นั้นตอบทันทีว่า
** ตัวเธอเป็นมะเร็งเต้านมมาเป็นเวลานานแล้ว ต่อมามีฅนแนะนำให้มารักษากับหลวงปู่สรวง น่าแปลกที่เพียงแค่หลวงปู่สรวงจับหน้าอก ปรากฏว่าผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งมีอาการดีขึ้นอย่างประหลาด ข้าพเจ้าจึงถึงบางอ้อนว่า #ที่แท้ท่านรักษาผู้ป่วย หาใช่ทำเพื่อความสนุกหยาบโลนแต่ประการใด ข้าพเจ้าจึงรู้สึกสำนึกในใจทันที ยอมเข้าไปกราบหลวงปู่สรวง ท่านก็หยิบนมกล่องกับขนมโยนส่งให้**
นี้เป็นเรื่องราวที่ข้าพเจ้าพอจดจำได้ในวันนั้นที่พบหลวงปู่สรวง
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
มีเรื่องอยู่อีกว่า ครั้งหนึ่งหลวงปู่สรวงไปนั่งรถยนต์เล่น (ท่านชอบนั่งรถยนต์) พอถึงปั้มเติมน้ำมันท่านขอเข้าห้องส้วม ท่านว่าท่านปวดถ่ายหนัก พวกศิษย์จึงอุ้มท่านเข้าไปในห้องส้วมในปั้มน้ำมัน น่าแปลกที่เมื่อท่านถ่ายเสร็จแล้ว ศิษย์อุ้มท่านขึ้นมาเพื่อล้างก้นให้ ปรากฏว่ามีเศษอุจาระของท่านหลุดออกมา น่าแปลกที่เมื่อมองดูเห็นเศษอุจาระมีสีนวล ๆ แปลกพิกล จึงลองก้มไปดูใกล้ก็ไม่มีกลิ่นเหม็น ผู้เห็นจึงลองใช้หัวแม่โป้งเท้าเหยียบลงไปบนอุจาระเบา ๆ รู้สึกว่าอุจจาระนั้นคล้ายขี้ผึ้งที่เขานำมาทำเทียนขี้ผึ้ง พอเห็นว่าแปลกแต่ก็ไม่ได้คิดจะเก็บไว้แต่อย่างใด ศิษย์ท่านจึงมาลาดน้ำทิ้งไปหมดไม่เหลือ เท่าที่เคยได้ยินมาเรื่องของพระครูโพนสะเม็ก หรือ เขาเรียกพระครูขี้หอม พึ่งได้มาประจักษ์แจ้งแก่ใจจากการ อุจาระหลวงปู่สรวงนี้เองว่า #ขี้หอมเป็นอย่างไร? นี่คือเรื่องราวของหลวงปู่สรวงเท่าที่เคยทราบมาดังนี้
**
หลวงปู่เชย อิเกสาโร ถ้ำแก่งละว้า ไม่มีจริง !! เป็นนิทานที่พวกหากินแต่งขึ้น
หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร ของจริง ไม่ต้องหลบซ่อนหรือแต่งนิทานหลอกลวงใคร
**
............
** #ไม่ใช่พวกใส่ชุดขาวหลับตาเพื่อสร้างภาพ
#เป็นเพียงแค่ฅนบาปที่ผ่านมา **
// ฅนขลัง คลังวิชา //
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
สนใจบทความติดตามได้
โดยกด ==>>✪Likeเพจ✪<< ==
ทุก ✪Like/Share✪ คือกำลังใจ
ขอบพระคุณทุกท่านที่สนใจ •:*
❀❀❀❀❀❀❀❀
..........
เขียน / เรียบเรียง โดย : ฅนขลัง คลังวิชา
..........
Cr. ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก
คุณ Baramee Raktham
โดย: Sornpraram เวลา: 2016-9-1 06:01
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:16
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2017-1-2 20:18
[attach]14046[/attach]
จีวรกับย่ามหนักจนรถบรรทุกแล่นไม่ออก
------
ยายสอน ชาวอำเภอขุนหาญ เมืองศรีสะเกษ
เคยถูกหวยกับหลวงตาสรวง
ก่อนนั้นหลวงตาไปแวะบ้านยายสอน
เขียนเลข3ตัวใส่ข้างฝา
ยายสอนแทงตาม
ถูกเต็มๆ
ได้เงินโข
ต่อมายายสอนอยากได้เลขอีก
เหมารถ6ล้อไปหาหลวงตาที่บ้านละลม
จะรับเอาหลวงตาไปพักที่บ้าน
หลวงตาเฉยอยู่
ไม่แสดงอาการว่าอยากไปหรือไม่อยากไป
ยายสอนถือวิสาสะ
ฉวยย่ามและผ้าคลุมหลวงตาขึ้นไปไว้บนรถ
นึกว่าทำแบบนี้แล้วหลวงตาคงจะยอมไปด้วย
หลวงตากลับนั่งเล่นนอนเล่นเฉยอยู่จนเจียนจะมืดก็ยังไม่ลุกไปไหน
คนขับรถ6ล้อเห็นว่าใกล้จะมืดค่ำแล้ว
หันมาเร่งยายสอนให้กลับขุนหาญกันเถิด
ตกลงยายสอนก็ยอมกลับ
หลังจากติดเครื่องรถ 6 ล้อแล้ว
รถแล่นออกไปไม่ได้ไม่ได้
มีอาการเหมือนบรรทุกของหนักเกินกำนด
เร่งเครื่องเต็มที่ เครื่องน้อค แล้วก็ดับ
เป็นเช่นนี้อยู่จนอ่อนใจ
คนขับหมดท่า ลงจากรถมากราบหลวงปู่
"หลวงตาผมอยากกลับบ้าน รถมันออกไม่ได้ เครื่องดับทุกที กลัวค่ำมืด ลูกเมียจะเป็นห่วง ทำยังไงดีครับ"
หลวงตาหัวเราะ
"รถมันหนักย่ามกับผ้าคลุม เอาลงมา รถก็วิ่งออกดอก"
ทั้งคนขับรถและยายสอนจึงนึกได้
ต่างก็ลืมเรื่องย่ามกับผ้าคลุมเสียสนิท
เมื่อเอาย่ามกับผ้าคลุมลงมาถวายคืนให้หลวงตา
รถก็แล่นออกไปได้เป็นปกติ
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:21
[attach]14047[/attach]
สะเดาะกุญแจประตูคุกบนโรงพัก
---
เรื่องนี้ฟังจากพ่อบุญเลิศ
พ่อบุญเลิศก็บอกว่าฟังมาจากชาวบ้านอีกที
เสียดายที่ผมจำไม่ได้ว่าเป็นโรงพักอะไร
---
ตำรวจจับหลวงตาเพราะสงสัยว่าอาจเป็นสายลับขะแมร์ปลอมตัวเป็นคนบ้ามาหาข่าวฝั่งไทย
จับเอาหลวงตาเข้าไปขังในคุกบนโรงพัก
พอปิดประตูคุกล้อคกุญแจแล้วก็หันหลังเดินออกมา
หลวงตาก็เดินตามหลังตำรวจคนนั้นมาด้วย
ตำรวจก็เอาหลวงตากลับไปเข้าคุกอีกครั้ง
ล้อคกุญแจ หันหลังเดินออกมา
หลวงตาก็เดินตามหลังออกมาอีก
คราวนี้ตำรวจดันหลังหลวงตาเข้าไปในคุกให้ไปยืนห่างๆประตู
ลงมือล้อคกุญแจอย่างช้าๆชัวร์ๆ
ทดลองขยับกุญแจกึกๆกักๆ
จนเห็นว่ากุญแจไม่ได้ชำรุดแน่แล้วก็เดินออกมา
หลวงตาก็เดินตามหลังออกมาด้วยเหมือนเก่า
---
พ่อบุญเลิศเล่าเรื่องนี้พลางหัวเราะพลาง
"ตำรวจก็เลยหันมากราบหลวงตา แล้วปล่อยหลวงตาไป"
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:26
[youtube]-Lj89akbEP8[/youtube]
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:35
[youtube]6gUyIiROSmg[/youtube]
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:36
[youtube]Ylcur6JA__M[/youtube]
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:36
[youtube]O64gVepGWcg[/youtube]
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:37
[youtube]XMtp8s2RQ0w[/youtube]
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:38
[youtube]BoGPLzs8oTY[/youtube]
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:39
[youtube]byhVM9_28Kg[/youtube]
[youtube]vQCTjnaMlAY[/youtube]
[youtube]U1ybQ82dh0c[/youtube]
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:41
[attach]14048[/attach]
เหตุเกิดที่วัดบ้านเบิด
----
ห้วงหนึ่ง
หลวงตาไปพักอยู่วัดบ้านเบิด
พวกศิษย์ก็เลยชวนกันพัฒนาพื้นที่วัด
เริ่มดายหญ้าถางไม้ ที่มันรกเกะกะ
ทำความสะอาดพื้นที่ก่อนจะทำอย่างอื่น
มีดอีโต้คมขนาดโกนขนหน้าแข้งได้
นายอ๊อดฟันไม้พลาดท่าไหนไม่ทราบ
คมอีโต้สับฉั๊วะเข้าที่ขาตนเอง
แถวๆข้อพับ
พ่อบุญเลิศเล่าว่าตนเองตกใจร้องเสียงหลง
แผลเปิดเหวอะน่ากลัว
หลวงตาอยู่แถวนั้นพอดี
ท่านโดดเข้าหา
เอามือตะปบแผลไว้
ปากเป่าปู้ดๆ
พอปล่อยมือ
ไม่ปรากฏแผลเลย
เห็นแค่รอยเนื้อปูดเป็นเส้นตามรอยคมอีโต้เท่านั้น
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:43
[attach]14049[/attach]
สัญญาว่าจะเล่า
ถือว่าเจ๊าไม่เป็นหนี้กันอีก
---
คุณติ๋ว หญิงวัยกลางคน ชาวอำเภอขุขันธ์ (คลับคล้ายว่าเป็นภรรยาเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์) ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม
หมอนัดผ่าตัดไว้แล้ว ไม่อยากผ่า กลัวๆกล้าๆบอกไม่ถูก
ที่กลัวสุดๆคือกลัวเสียโฉม
เขาว่าต้องตัดนมทิ้งทั้งเต้า
ไปร้องห่มร้องไห้กับหลวงตา
หลวงตาเรียกให้เข้าไปหาใกล้ๆ
จับนมคุณติ๋วบีบเล่นๆ
สักครู่ก็ปล่อย
ไม่ทำอะไรอีก
ก่อนกลับบ้าน หลวงตาเขียนเลข3ตัวให้คุณติ๋ว ซึ่งคุณติ๋วได้ไหว้วานให้พ่อบุญเลิศช่วยแทงทั้งเต็งทั้งโต๊ด ให้เงินค่าแทง 1 พันบาท
"เลขออกตรงๆได้เงินทั้งเต็งโต๊ดเรือนแสน ผมเป็นคนเอาเงินไปส่งให้ถึงบ้านคุณติ๋วที่ขุขันธ์" พ่อบุญเลิศว่า
มะเร็งเต้านมก็หายขาด
ถึงวันนัดผ่าตัด หมอตรวจไม่พบมะเร็ง จึงยกเลิกการผ่าตัด
---
เรื่องจับนมคุณติ๋ว เป็นเหตุให้คนกล่าวขวัญถึง
ผู้หญิงหลายคนอยากให้หลวงตาจับ
ร่ำลือว่าถ้าหลวงตาจับนมใครแล้ว
คนๆนั้นจะโชคดี
แต่ผู้ไม่คุ้นกับเรื่องแบบนี้
มักทำใจยอมรับไม่ได้
คนไม่นับถือหลวงตาเพราะเรื่องนี้จึงมีอยู่
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 20:44
[attach]14050[/attach]
ก่อนปี 2525 หลวงตามีที่พำนักประจำอยู่ที่ บ้านละลม อำเภอขุขันธ์
เป็นที่นาของยายอึ๊บ ถวายให้ท่านปลูกกระต๊อบอยู่ราวๆ 1 ไร่
มียายชีแก่เฒ่าอยู่เฝ้าคนหนึ่ง
ไม่ว่าหลวงตาจะไปไหนมาไหน
สุดท้ายย้อนกลับมาที่นี่เสมอ
ต่อมามีคนถูกหวยได้ลาภจากหลวงตามากเข้า
พากันลงขันสร้างที่พัก
สร้างส้วมดีๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกถวายหลวงตา
ปรากฏว่าหลังจากนั้นท่านไม่มาที่นี่อีกเลย
เว้นแต่ครั้งที่ยายชีเสียชีวิต
ท่านมาจัดแจงเรื่องศพให้
แล้วก็หายไปไม่กลับมาอีก
พ่อบุญเลิศอธิบายว่าหลวงตาไม่ชอบสถานที่หรูหราสะดวกสบาย
แม้ส้วมก็ไม่เคยใช้
ท่านขุดดินด้วยมือเปล่าแล้วใช้หลุมที่ขุดด้วยมือท่านเองจนตลอดชีวิต
---
ระหว่างที่ท่านยังอยู่ที่นายายอึ๊บนั้นมีเหตุการณ์น่าสนใจเกิดขึ้น
พ่อลูกคู่หนึ่งขับรถเบนซ์รุ่นล่าสุดเข้ามา
หน้าตาพ่อแบกทุกข์หนัก
ถามไถ่ได้ความว่าลูกสาวที่มาด้วยอายุ 12 ขวบ กำลังป่วยเป็นมะเร็งลำไส้
หมอบอกว่าหมดหนทางเยียวยา
ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่เกิน 6 เดือน
บังเอิญมีผู้รู้จักแนะนำให้มาหาหลวงตา
ให้ความหวังว่าบางทีหลวงตาจะช่วยได้
เพราะเคยเห็นท่านช่วยคนเป็นมะเร็งรอดตายมาอย่างน้อยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวอำเภอขุขันธ์นี่เอง (จะเล่าให้ฟังต่อไป)
ผู้เป็นพ่อขอร้องให้พ่อบุญเลิศกราบเรียนหลวงตาขอความเมตตาช่วยลูกสาวด้วย
พ่อบุญเลิศตอบว่า นั่นต้องแล้วแต่หลวงตา ท่านจะช่วยหรือไม่ช่วย ก็สุดแต่ท่าน แต่จะกราบเรียนให้
"หลวงตาหลานหญิงตัวน้อยนี้ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ หลวงตาช่วยเขาหน่อย" คุณบุญเลิศกราบเรียนท่านเสียงดัง
"อื๊อ"
ท่านขานรับแล้วไม่ว่าอะไร
คงรับแขกด้วยการเขียนหนังสือสื่อสารกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยๆ
---
ขณะหนึ่งมีเด็กสาววัยรุ่นอยู่แถวนั้นกำลังดื่มนมกล่อง
ท่านเห็นก็กวักมือเรียก
ชี้นิ้วไปที่นมกล่องที่เด็กสาววัยรุ่นกำลังดูดกิน
หล่อนเข้าใจความหมายที่หลวงตาเรียกได้ดี
กุลีกุจอจะไปหาเอานมกล่องใหม่ถวายหลวงตา
แต่ท่านไม่เอา ยังคงชี้ใส่นมกล่องที่เด็กสาวคนนั้นดูดกินไปแล้ว
เด็กสาวก็จำเป็นต้องถวายนมกล่องที่ดื่มยังไม่หมดให้หลวงตา
ท่านรับมาแล้วก็ดูดจิบเดียว
หันมาเรียกเด็กหญิง ๑๒ ขวบ ที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ให้เข้าไปหา
ส่งนมกล่องให้
พยักเพยิดให้ดูดกินจนหมด
เด็กหญิงที่ป่วยก็ดื่มจนหมด
--
เวลาผ่านไปๆ
เนิ่นนานจนเป็นเหตุให้ผู้เป็นพ่ออึดอัด
"พ่อเลิศครับ ช่วยเรียนหลวงตาอีกครั้งเถิดครับ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ.. เรียนท่านครั้งเดียวก็ไม่ลืม ถ้าท่านจะช่วยท่านก็ช่วยเองหรอก..เมื่อกี้ท่านเอานมให้หนูคนนี้กิน ไม่แน่ว่าท่านช่วยไปแล้วก็ได้ "
---
เรื่องนมกล่องนั้น
ดูยังไงก็ไม่มีใครจะเฉลียวว่าเป็นการช่วยเหลือจากหลวงตาแน่ๆ
เป็นแค่เมตตาของหลวงตาเอื้อเฟื้อของกินแก่เด็กเท่านั้น
พ่อลูกคู่นี้อดทนคอยต่อไป
รอจนกว่าจะแน่ใจว่าหลวงตาทำพิธีช่วยเหลือที่ชัดเจน
ในที่สุดหมดความอดทน คิดว่าท่านไม่สนใจใยดีจะช่วย จึงกราบลากลับกรุงเทพฯ
---
เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนลืม
กี่สัปดาห์
กี่เดือน
พ่อบุญเลิศบอกจำไม่ได้ นึกไม่ออก
พ่อลูกคู่นี้ย้อนกลับมาอีก
พร้อมด้วยรถกระบะติดตาม 2 คัน
บรรทุกข้าวของเครื่องอุปโภคบริโภคสารพันสารพัดเต็มคันรถทั้ง2คัน
เอามาถวายหลวงตา
บอกพ่อบุญเลิศอย่างตื่นเต้นดีใจว่า ลูกสาวปลอดภัยแล้วไม่ตายแน่นอนแล้ว
คือหลังจากกลับไปคราวนั้น
หมอตรวจไม่พบมะเร็งลำไส้
ทั้งยังสงสัยว่ามะเร็งหายไปเองได้อย่างไร
ขณะนี้เชื่อมั่นว่านมกล่องนั้น
น่าจะเป็นการช่วยเหลือจากหลวงตาจริงดังที่พ่อบุญเลิศตั้งข้อสังเกตุ
---
ข้าวของที่ขนมาถวายเยอะแยะ ๒ คันรถนั้น
หลวงตาไม่ยอมรับ
ท่านเรียกชาวบ้านทั้งหมู่บ้านมา
แล้วแจกให้ทุกคนจนเป็นที่สนุกสนานกัน
--
ทุกวันนี้ลูกสาว12ขวบก็โตเป็นสาวแล้ว
ยังมีชีวิตอยู่เป็นสุขสบายดี
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 21:11
เรื่องนี้บันทึกไว้นานแล้ว
ตั้งแต่ Mar 12 2011 นู่น
ลอกเอาข้อความที่เขียนไว้ตอนนั้นมาให้อ่านกันใหม่
---
คุณมยุรี โสมอินทร์ เปิดร้านspaบริการฝรั่งอยู่อเมริกา
จำไม่ได้ว่าพิกัดร้านเธออยู่ตรงไหน
คงจะแถวๆนิวยอร์ค
มีเสียงบ่นให้ได้ยินเสมอว่ากิจการไม่ค่อยดี
พยายามหาตัวช่วยให้กิจการกระเตื้องขึ้นหลายแบบหลายแนว
ตามประสาคนนับถือของศักดิ์สิทธิ์
ไม่ว่าจะพิฆเณศร์ หมอชีวก หรือสารพัดที่เขาว่าดี
นิมนต์เข้าร้านหมด
สุดท้ายฝันเห็นหลวงปู่สรวงมาบอกอะไรสักอย่าง (จำไม่ได้ว่าบอกอะไร)
ในฝันส่งภาษาขะแมร์คุยกันด้วย
คุณมยุรี คล่องขะแมร์อยู่แล้ว เพราะเกิดที่สุรินทร์ ก็เลยคุยกันรู้เรื่องดี
ต่อมาคุณบรรณศาสตร์น้องชายคุณมยุรี ได้แวะมาหาผม
จึงได้โอกาสฝากรูปเหมือนหลวงปู่สรวง รุ่นเสาร์๕มหาราชไปให้
พอรูปเหมือนไปถึงร้านเท่านั้น
คุณมยุรีบอกว่า สถานะการณ์พลิกฟื้นขึ้นมาทันใด
อย่างกับพลิกฝ่ามือ
มีคนมาใช้บริการมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
อะไรที่ไม่ดีกลับกลายเป็นดีหมด
คงจะถูกโฉลกกับตัวช่วยรุ่นนี้
ขอให้เจริญๆเถิด
ภายภาคหน้าจะได้ขอพึ่งพาอาศัยได้มั่ง
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 21:12
[attach]14051[/attach]
ตลอดเวลา30ปีที่ได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงตาสรวง
พ่อบุญเลิศยืนยันว่าหลวงตาไม่เคยบิณฑบาต
บาตรก็ไม่เคยมี
ถ้ามีใครบอกว่าเห็นหลวงตาบิณฑบาตที่ไหน
ขอให้เชื่อได้เลยว่าไม่เป็นความจริง
รวมทั้งโม้ว่าเคยร่วมบิณฑบาตกับหลวงตา
---
มีแค่2ครั้งเท่านั้นที่เห็นหลวงตาบิณฑบาต
ครั้งแรกในป่าลึกบนเขาเขตอำเภอกันทรลักษ์
ครั้งที่ 2 ในป่าบนเขาลึกเขตอำเภอน้ำยืน
ทั้ง 2 ครั้งนี้ หลวงตาออกบิณฑบาตในพื้นที่ซึ่งไร้ผู้คน
---
ท่านพาลูกศิษย์ไม่เต็มบาทไปด้วยคนหนึ่ง อีกคนก็คุณบุญเลิศซึ่งถือว่าเต็มบาท
รอนแรมอยู่ในป่าเขาหลายวันจนเสบียงหมด
หิวแสบไส้จนตาลาย
หลวงตาได้บอกคุณบุญเลิศในตอนเช้าวันหนึ่งว่าให้คอยอยู่ที่นี่ ท่านจะไปบิณฑบาต
องค์ท่านหายไปไม่นานเกินรอก็กลับมา พร้อมกับอุ้มบาตรใบใหญ่ มีอาหารเต็ม
ไม่ทราบว่าท่านไปเอาบาตรมาจากไหนอีกด้วย
ทั้งยังไม่รู้ว่าจะมีใครในป่าดงดิบใส่บาตรให้ท่าน
อาหารนั้นมีพอฉันและพอกินทุกคน
เป็นอาหารคาวหวานพื้นๆเหมือนที่เคยกินกันทุกวัน
แต่อร่อยมากจนเห็นว่าผิดปกติ
ดูใบตองที่เย็บห่อก็ปรานีตกว่าที่เคยเห็นชินตา
กินครั้งเดียวอิ่มไปทั้งวัน
กระทั่งน้ำก็ไม่รู้สึกกระหาย
แปลกดี
ทั้ง 2 แห่งที่หลวงตาออกบิณฑบาตกลางป่าลึก
เหตุเกิดเหมือนกันทุกประการ
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 21:15
[attach]14052[/attach]
ครั้งหนึ่งราวๆปี ๒๕๕๒
มีปัญหาเรื่องเงิน
จะต้องจ่ายเงินตามกำหนดนัดหมายในอีก ๓ วันข้างหน้า
แต่เงินมีไม่พอจ่าย
---
ขณะนั้นนึกถึงลูกค้าคนหนึ่งอยู่ต่างจังหวัด (สมมุตว่าชื่อ ย.ยักษ์)
เพิ่งจะมีการส่งมอบงานที่เขาสั่งทำจนเสร็จสมบูรณ์ทุกขั้นตอนไปให้เรียบร้อยแล้วโดยทางรถไฟ
เหลือแต่รอรับเงินค่าแรงเท่านั้น
ปกติไม่ต้องทวงกัน
แล้วแต่สะดวก
จะโอนให้วันไหนก็ได้
ย.ยักษ์ เป็นลูกค้าเก่าแก่
เครดิตดีมาก
ไม่เคยค้างชำระหนี้
เขาจึงเป็นความหวังเดียวที่จะได้เงินในเวลาคับขันอย่างนี้
นอกจากจะพอจ่าย
ยังจะเหลือไว้ใช้ด้วย
ตัดสินใจโทรฯหา
เพื่อจะขอให้ส่งปัจจัยให้ภายในวันสองวัน
โทรฯ ๓-๔ ครั้ง
ติดทุกครั้ง
แต่ไม่รับสาย
แถมไม่โทรฯกลับอีกด้วย
เอาไงดี
---
นึกถึงหลวงปู่สรวง
เอาเหรียญรุ่นแรกมาจบใส่หัว
"หลวงปู่ๆ..ดลจิตดลใจให้เขาโอนเงินมาให้ผมหน่อย โทรฯหาทั้งวัน ไม่ได้เรื่องไม่ได้ความ ..ถ้าเขาให้มา.. ผมจะรอด"
หลังจากนั้นก็ทำตนเป็นข้าวคอยปาฏิหารย์จากฝน
---
ผ่านไป ๒ วัน
ฝนก็ยังไม่ตก
จนล่วงเข้าสู่ภาคบ่ายในวันสุดท้าย คือวันที่ ๓
ยังเงียบกริบ
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม้แต่เสียงฟ้าร้อง
----
คงเพียงพึมพำอยู่ในใจคนเดียวว่า..เหลวเป๋ว..ปาฏิหารย์ไม่มีจริง
---
เย็นวันนั้นเอง..มีลูกหนี้อีกรายหนึ่งโผล่มาแบบไม่คาดฝัน
เป็นลูกหนี้เก่าแก่ อยู่เมืองอุบลฯด้วยกันนี่เอง ติดค้างชำระมานานมากๆ จนลืมสนิทไปแล้ว
เขาแย้มหน้าผ่านประตูรั้วเข้ามาส่งยิ้มแป้นมาแต่ไกล
ไม่ได้นึกว่าเขาจะเอาเงินมาให้หรอกครับ
"โอ้โฮ..ไปไงมาไง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน "
"เผอิญผ่านมาทางนี้ เลยแวะเข้ามาดู.. อยู่บ้านพอดีเลย.. ก็เอาเงินมาให้"
---
จะโดยบังเอิญหรือจะโดยอะไรก็ตาม
เงินซึ่งลูกหนี้รายนี้เอามาจ่ายให้นั้น
มีจำนวนเท่ากับเงินที่ผมมีความจำเป็นจะต้องจ่ายตามนัดหมายในวันนั้นพอดีทุกบาททุกสตางค์
---
เรื่องนี้ทำให้ต้องฉุกคิด..
ถ้าหากจำนวนเงินนั้น มากกว่าหรือน้อยกว่า ก็แล้วไป อาจจะไม่คิดว่าเป็นอภินิหารประการใด
นี่จึงทำให้แน่ใจได้ว่า เป็นฝีมือหลวงปู่สรวง อย่างไม่ต้องสงสัย
----
อีก ๕-๖ วัน ต่อมา
ย.ยักษ์ โทรฯมาหาตอนสายๆ
" โทษทีพี่..ผมมีธุระด่วนไปเยอรมันหลายวัน เพิ่งกลับมา เดี๋ยววันนี้บ่ายๆจะออกไปโอนตังค์ให้ "
... คราวนี้เหลือเงินไว้ใช้อู้ฟู้เลยครับ
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 21:17
[attach]14053[/attach]
ยังมีลูกศิษย์อีกคนหนึ่งชอบถือวิสาสะล้วงย่ามหลวงตา
ไม่รู้จะล้วงจะค้นหาอะไร
ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าในย่ามหลวงตาไม่มีอะไรเลย
นอกจากเชือกขดเดียวที่มีไว้เพื่อมัดสิ่งของ ผูกเปล หรือทำสายป่านยามปล่อยว่าว
---
ย่ามหลวงตาบางครั้งเหมือนย่ามวิเศษ
จึงยั่วยวนใจให้คนอยากรื้ออยากค้น
---
หลวงตาสรวงชอบไปไปเดินตลาดขุขันธ์
ครั้งหนึ่งท่านขอซื้อปลาที่กำลังจะตายหรือแม้แต่เพิ่งตายใหม่ๆ
แปลกที่ล้วงย่ามเมื่อไหร่มีเงินออกมาจ่ายค่าปลาทุกที
ได้ปลามาหลายตัว
ท่านเอามาปล่อยใส่ตุ่ม
ปลาที่ตายก็ฟื้น
ที่กำลังร่อแร่ก็กระปรี้กระเปร่าแหวกว่ายหายเพลีย
ต่อจากนั้นท่านจึงให้ลูกศิษย์เอาปลาไปปล่อยลงหนองหรือห้วยธารแถวนั้น
---
อย่าว่าแต่ปลาเลย,กระทั่งไก่เป็นโรคจนเงื่องเหงาใกล้ตาย
หากหลวงตาพบเห็นก็เป็นวาสนาของไก่ตัวนั้น
ท่านจะจับไก่จุ่มลงน้ำนานกว่า3นาที
เห็นแล้วก็เหมือนว่าจะซ้ำเติมไก่
หรืออาจคล้ายจะส่งเสริมไก่ให้ตายไวๆ
ใครไม่รู้ไม่เคยเห็นท่านทำแบบนี้มาก่อน
จะอึ้งพูดไม่ออก
แต่พอดึงไก่ขึ้นพ้นน้ำ
ไก่ก็หายป่วยเป็นอัศจรรย์
--
ย่ามของหลวงตามีความวิเศษที่องค์ท่านล้วงเอาอะไรออกมาได้หมด
เหมือนกระเป๋าวิเศษของแมรี่ ป๊อบปินส์(มีใครเคยดูหนังเรื่องนี้บ้าง)
แมรี่ล้วงออกมาได้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน
บางครั้งลูกศิษย์ที่ขับรถพาท่านไปไหนๆกำลังเหนื่อยและง่วง
ท่านล้วงย่ามเอาแอปเปิ้ลออกมา ๑ ลูก
ล้วงอีกทีก็ได้มีดออกมาปอกแอปเปิ้ล ผ่าเป็นซีก ป้อนให้ลูกศิษย์กิน
ลูกศิษย์ท่านนี้คือพ่อบุญเลิศนั่นเอง
พ่อบุญเลิศบอกว่า...
หลังจากนั้นจะขับไปรอบประเทศก็ไม่เหนื่อย ไม่หิว ไม่ง่วง
แปลกมาก
--
ลูกศิษย์คนนั้นชอบค้นย่ามหลวงตาจนกลายเป็นนิสสัย
หลวงตาก็ไม่ว่าอะไร
คนอื่นๆแม้ไม่ชอบที่ได้เห็นเขาทำแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ได้
ได้แต่ดูเขาค้นย่ามหลวงตาจนพอใจ
---
วันหนึ่งหลังค้นย่ามเสร็จ,หลวงตาเรียกมาหา บอกให้ถอดเสื้อ ให้นั่งหันหลัง
ท่านเอาปากกาเมจิกเขียนอักขระใส่แผ่นหลังสองสามตัว
---
เย็นวันนั้นกลับบ้านไปก็โดนฟ้าผ่า
เสื้อผ้า ผม ขน ไหม้ดำไปทั้งตัว
ไม่ตาย
ปลอดภัยดี,แค่เสียโฉมหมดหล่อสักระยะหนึ่งเท่านั้น
---
ต่อมาภายหลัง
หลวงตาเห็นหน้าหมอนี่โผล่มาอีก
ท่านเอาเท้าเขี่ยย่ามให้
ไม่เคยเห็นว่าจะกล้าจับกล้ารื้อย่ามหลวงตาอีกเลย
(ลูกศิษย์ท่านนี้ยังมีชีวิตอยู่ ได้ยินว่าหลังๆนี้เป็นสมาชิกอบต.หรือจะเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอะไรสักอย่าง ..จำไม่ได้)
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 21:20
[attach]14054[/attach]
นานมากแล้ว
หลายสิบปีก่อน
หลวงตาสรวงขึ้นมาเมืองไทยทางด้านเขาพระวิหาร
ละแวกนั้นยังมีกับระเบิดตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก
ชาวบ้านที่ต้องเข้าป่าหากินต้องบาดเจ็บล้มตายเพราะระเบิดเหล่านี้บ่อยๆ
อยู่ๆหลวงตาก็ลุกขึ้นเดินเข้าป่าไปหาระเบิด
ทั้งหอบทั้งหิ้วกระเตงๆออกมาทีละลูก2ลูก
เอามากองไว้กลางลานบ้าน
ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านเผ่นหนีกันกระเจิง
หมู่บ้านถึงกับร้าง
อย่าว่าแต่ชาวบ้าน
ทหารที่ตรึงกำลังอยู่หมู่บ้านนั้นก็เผ่นป่าราบเหมือนกัน
เขาเล่าว่าท่านเดินเข้าออกป่าหลายรอบ
ได้ระเบิดมากองหลายสิบลูก
ตอนนั้นไม่มีใครนึกว่าท่านเก่ง
เขาเห็นท่านเป็นคนบ้า
ใครก็พูดจาด้วยไม่รู้เรื่อง
---
(เรื่องนี้ฟังจากปากหลวงพ่อทิน ปิยสีโล)
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 21:22
[attach]14055[/attach]
ผมเคยถามหลวงปู่สายเมื่อครั้งไปกราบท่านที่วัดตะเคียนรามเป็นครั้งแรก
"หลวงตาสรวงเก่งจริงหรือ ?"
หลวงปู่สายได้กล่าวรับรองว่าหลวงตาสรวงเก่งจริง
ทีแรกท่านเห็นหลวงตามาหาที่วัด ก็เห็นเป็นคนบ้า แต่มีเมตตากรุณาตามประสาพระ ให้ความสงเคราะห์อนุเคราะห์ ไม่ไล่หนีจากวัด
แต่ยอมรับว่า เห็นแปลก ที่มีคนนับถือหลวงตา มากราบมาไหว้ มาถวายปัจจัยมากมายสมคำร่าลือจริงๆ
วันหนึ่งหลวงตาสรวงชวนท่านเดินไปที่ไหนสักแห่ง (จำไม่ได้)
มีลำธารหรือห้วยธารขวางหน้า
หลวงตาสรวงบอกหลวงปู่สายหลับตา ..ให้จับชายผ้านุ่งท่านไว้
" พอลืมตาก็ข้ามมาอยู่อีกฝั่ง.. ๒เท้าไม่เปียกน้ำอีกด้วย ..ตั้งแต่นั้นมา จึงนับถือหลวงตาสรวงจนทุกวันนี้ "
เรื่องเล่านี้ได้ยินจากปากหลวงปู่สายด้วยหูทั้งสองข้างของผมเอง
มีพยานอีก ๒ ท่าน ที่ได้ยินด้วยกันคือ คุณประพันธ์ เศรษฐมนตรี กับ คุณ เวทย์ โทประสิทธิ์
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: AUD เวลา: 2017-1-2 21:23
[attach]14056[/attach]
อยู่ดีๆก็คิดถึงเฮียซวงไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
แปลกแท้ๆ
เช้านี้เอง ..( 5 Jul 2011)
จู่ๆเฮียชวงก็โทรฯมา
บอกว่าคึดฮอดผมจึงโทรฯหา
บ่ได้เจอหน้ากันนานแล้ว
นานจริงๆนั่นแหละ
น่าจะ 5-6 ปีขึ้น
---
เฮียชวงเป็นชาวขุขันธ์ อาศัยอยู่หมู่บ้านอะไรจำชื่อไม่ได้
ทำกิจการปั๊มพ์น้ำมันในหมู่บ้านปากทางเข้าวัดตะเคียนราม (วัดของหลวงปู่สาย)
"ฮัลโหล.คุณอำพล นี่ผมซวงนะ"
"หวัดดีครับเฮียซวง กำลังคิดถึงพอดี"
"เดี๋ยวนี้ไม่ได้มาทางนี้เลยซี"
"ยุ่งกะงาน ไม่ค่อยว่างน่ะเฮีย แต่ก็ว่าจะไปกราบศพหลวงปู่สรวง ไม่ทราบอยู่แถวบ้านเฮียป่าว"
"อยู่แถวนี้เลย ห่างจากบ้านเฮีย 30 โล หลวงปู่สรวงนี่แกชอบทำบ้าๆบอๆนะ แต่เก่งน่าดู"
"เฮียเคยเจอท่านมั๊ย"
"โอ๊ยยย..รู้จักดี เคยเจอท่านตั้งตะปี 14 ..กี่ปีแล้วนะ 14, 24 ,34, 44, 54 ..โอ้โฮ 40 ปีมาแล้ว"
---
เฮียชวงเล่าว่า หลวงปู่สรวงเคยมาอยู่วัดตะเคียนราม
ท่านชอบนุ่งผ้าขาว
กิริยาบ้าบอ
ไม่น่าเลื่อมใส
กินไม่เป็นเวล่ำเวลา อยากกินตอนไหนก็กิน ไม่เลือกว่าจะเป็นกลางวันกลางคืน
หลวงปู่สายเคยจับนุ่งผ้าเหลือง ..ก็ถอดทิ้ง
แต่ถึงทำท่าว่าเป็นคนบ้าขนาดนั้น
หลวงปู่สายก็รับรองว่าถ้าอยู่กันตามลำพังกับหลวงปู่สรวงเมื่อไหร่
คุยกันรู้เรื่องหมด
หลวงปู่สายยังบ่นเสียดายว่าไม่ได้ร่ำเรียนวิชาอะไรกับหลวงปู่สรวงสักอย่าง
----
"หลวงปู่สรวงนี่มีแปลกอยู่อย่างนะ ท่านไม่แก่.. รู้จักท่านมานานขนาดนั้น ท่านก็ดูเหมือนเดิมตลอด ..เราเองกลับแก่ลง"
แม่ของเฮียชวงก็ยืนยันว่าเคยเห็นหลวงปู่สรวงตั้งแต่ยังเป็นสาววัยรุ่นก็เป็นแบบนี้
จนแม่เองแก่เฒ่า๘๐กว่าปีแล้ว หลวงปู่สรวงก็ยังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
---
เฮียชวงเล่าว่าตนเองไม่นับถือหลวงปู่สรวง
เรียกว่าไม่ถูกจริต
ชอบและนับถือพระปฏิบัติแบบสายกัมมัฏฐาน
พระบ้าๆบอๆแบบหลวงปู่สรวง
ไม่อยากยุ่งด้วย
ไม่นับถือ
แต่ยอมรับหลวงปู่สรวงมีอภินิหาร ศักดิ์สิทธิจริง
---
"ตอนกลางคืนเขารุมตีท่านจนตาย แล้วเอาไปฝัง ตอนเช้าเห็นท่านเดินไปมาหน้าตาเฉย ขี้ดินเต็มตัว ..เรื่องนี้รู้กันทั้งหมู่บ้าน"
"เรื่องเป็นไงเล่ามาเร็วๆ"
---
เฮียชวงเล่าต่อไปว่า หลวงปู่สรวงไม่สะสมสมบัติ มีคนถวายเงินเป็นแสนให้เห็นกับตา ท่านรับมาแล้วก็แจกต่อให้ชาวบ้านเฉยเลย
พวกนักเลงหัวไม้เห็นพระบ้าๆบอๆ มีเงินมาก ก็ดักปล้น
พากันรุมตีหลวงปู่สรวงจนแน่ใจว่าท่านสิ้นชีวิต
เอาศพไปฝังในป่า
--
พอรุ่งเช้าพวกนั้นก็ตาเหลือก
เห็นท่านออกมาเดินกลางหมู่บ้านหน้าตาเฉย
มีดินโคลนเปื้อนทั้งตัว
ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีกด้วย
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ถือโทษโกรธใคร
---
"เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นที่หมู่บ้านนี้แหละ พวกนักเลงหัวไม้ พากันไปกราบขอขมา ..เดี๋ยวนี้นับถือท่านทั้งนั้น"
เครดิต : facebook อำพล เจน
โดย: oustayutt เวลา: 2017-1-3 22:36
สาธุครับ
โดย: Nujeab เวลา: 2017-1-4 14:06
สาธุครับ
โดย: Metha เวลา: 2017-1-12 04:28
โดย: Marine เวลา: 2017-2-12 21:41
ทำไมหลวงตาสรวงอายุยืนและไม่แก่
หลายคนสงสัยว่าหลวงตาสรวงทำไมจึงมีอายุยืนยาวและไม่แก่
เรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่อย่างไร ?
คนเป็นอันมากเชื่อว่าหลวงตามีอายุเกิน ๑๐๐ ปี
เชื่อเลยเถิดไปว่าอายุท่านมากกว่า ๕๐๐ ปีก็มี
—
คุณเรวัตร ทรัพย์คงมั่น(ปัจจุบันบวชเป็นพระภิกษุ)เล่าให้ผมฟังว่า
เคยติดตามหลวงปู่หงษ์ ไปกราบหลวงตาสรวงที่บ้านละลม
หลวงปู่หงษ์ได้บอกคุณเรวัตรว่า เคยพบและรู้จักหลวงตาสรวงมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยหลวงปู่หงษ์เองยังเป็นเพียงพระหนุ่มๆ
ตอนนั้นหลวงตาสรวงก็มีอายุ มีรูปร่างหน้าตาเหมือนในตอนนี้
ปัจจุบันหลวงตาหงษ์เป็นฝ่ายแก่เฒ่าลงไปอย่างมาก
แต่หลวงตาสรวงกลับไม่แก่
เรื่องนี้ไม่มีทางอธิบายให้เป็นวิทยาศาสตร์ได้เลย
นอกจากจะแสดงความเห็นในเชิงไสยศาสตร์เท่านั้น
—
จะเล่าประวัติของหลวงตาสรวงตามที่ได้ฟังมาจากพ่อบุญเลิศ
เพื่อเป็นการปูพื้นฐานความเชื่อไว้ชั้นหนึ่ง
ก่อนที่จะแสดงคำเห็นว่า
ทำไมหลวงตาจึงมีอายุยืนยาว
และไม่แก่
—
พ่อบุญเลิศ บอกว่าหลวงตาได้เล่าให้ฟังด้วยปากท่านเองในคืนวันหนึ่ง ขณะที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง ๒ คน
หลวงตาสรวงเป็นชาวเขมรแท้ๆ
เกิดที่เขาพนมกิเลน(เขาลูกนี้เป็นต้นน้ำสายเดียวกับที่ไหลผ่านนครวัต)
ตอนเด็กๆพ่อแม่ให้ไปเฝ้าข้าวในนา คอยไล่นกไม่ให้ลงกินข้าวที่กำลังจะได้เวลาเก็บเกี่ยว
ท่านก็ไปคอยไล่นกตามคำสั่ง
ครั้งหนึ่งท่านเกิดอาการหิวข้าว
เป็นเหตุให้นึกถึงนกว่ามันคงหิวเหมือนกัน
จึงเลิกไล่นก
ปล่อยให้นกลงจิกกินข้าวตามสบาย
พ่อแม่มาเห็นข้าวในนาเสียหาย จึงลงโทษเฆี่ยนตีให้หลาบจำ จะได้ไม่ทำอีก
—
ต่อมาพี่ชายหลวงตาจะแต่งงาน
มีการเตรียมเสบิยงอาหารไว้เลี้ยงแขกเหรื่อ
เอาปลามาขังไว้ในครุ
เอาหมูป่ามาขังไว้ในคอก
เตรียมไว้ทำอาหารวันรุ่งขึ้น
ตกกลางคืนหลวงตาแอบย่องเข้าไปปล่อยทั้งปลาทั้งหมูป่าไม่มีเหลือสักตัว
ถึงวันงานก็ไม่มีอะไรกิน
พ่อแม่โกรธจัด ไล่ท่านหนี ไม่ให้อยู่ด้วย
ท่านก็ไป
เดินร้องไห้เข้าป่าขึ้นเขาไปไม่มีจุดหมาย
—
หลังจากนี้ ชีวิตหลวงตาก็เปลี่ยนไปใหญ่โต
—
ท่านไปพบพวกบังบดโดยบังเอิญ
พวกนั้นเอาตัวท่านไปเลี้ยง
ให้บวชเณร
สอนสรรพวิชาทางยารักษาโรคให้
บอกว่าเมื่อเรียนสำเร็จแล้วจะเกิดกุศลแก่คนป่วยไข้เจ็บและคนใกล้จะตาย
ให้กลับออกไปช่วยคนเหล่านั้น
ทั้งยังย้ำว่า ใครจะป่วยแค่ไหนอย่างไร ถ้าพบหลวงตาจะหาย จะไม่ตาย
—
เรื่องนี้เป็นความจริงที่หลายคนสามารถยืนยันได้
คนป่วยไข้หมดทางรักษาก็หายจากโรคร้าย
แม้กระทั่งมะเร็งก็หายขาด
รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์จนนับไม่ถ้วน
หลวงตาได้ช่วยเหลือคนไว้เป็นจำนวนมากตลอดเวลาหลายๆปี จนเป็นที่รู้จักทั่วไป
ผู้คนที่ต้องทุกข์ พากันดิ้นรนตามหาหลวงตา ไม่ว่าจะใกล้ไกล กันดารแค่ไหน พากเพียรค้นหา
เมื่อพบหลวงตาแล้ว หายป่วย ไม่ตายสักราย
—
จนกระทั่งถึงเวลาหลวงตามีอายุครบบวชเป็นพระ
ท่านจึงย้อนกลับไปหาพวกบังบดให้พวกเขาบวชให้
—
ประเด็นของเรื่องเล่านี้อยู่ที่การเข้าออกภพภูมิของพวกบังบด
ซึ่งเชื่อว่าหลวงตาคงเข้าออกบ่อยๆหรือหลายครั้ง
ท่านสามารถเข้าออกได้ทุกเมื่อที่ต้องการ หรือเมื่อมีความจำเป็นประการใดก็ตาม
—
บังบด คือ พวกที่อยู่ในเมืองลับแล เป็นอีกภพภูมิหนึ่ง
บางคนเชื่อว่าเป็นผี เรียกว่าผีบังบด
บางคนเชื่อว่าเป็นเทพจำพวกหนึ่ง
ชั้นภูมิอยู่ใกล้ชิดมนุษย
บ้านเมืองของพวกเขาเป็นภพซ้อนภพอยู่ในโลกนี้เอง
ถ้าใครได้หลุดเข้าไปภพของพวกบังบดเพียงไม่กี่วัน
เมื่อกลับออกมา จะเห็นว่าเวลาในโลกมนุษย์ผ่านไปแล้วหลายสิบปี
คนที่มีอายุเท่ากันจะแก่เฒ่า คนแก่บางคนก็ตายไป เด็กก็กลายเป็นคนหนุ่มคนสาว
ในขณะที่ผู้ออกมาจากเมืองลับแลของพวกบังบด กลับยังมีอายุเท่าเดิม
—
ประเด็นที่เป็นเรื่องไสยศาสตร์เกี่ยวกับภพภูมิผีบังบดนี้เอง ที่จะพอเป็นเหตุเป็นผลให้เชื่อว่า ทำไมหลวงตาสรวงไม่แก่ ในขณะที่คนอื่นแก่และตายไป
—————————-
โดย: Marine เวลา: 2017-2-12 21:45
อยากให้ลองพิจารณาภาพทั้งสองนี้ว่าพอจะเห็นแปลกบ้างไหม
ภาพแรกถ่ายเมื่อปี2516
[attach]14261[/attach]
ภาพที่2ถ่ายก่อนหลวงปู่สรวงมรณภาพแค่เดือนหรือ2เดีอนเท่านั้น
[attach]14262[/attach]
ผู้ชายที่อยู่ในภาพกับหลวงตาสรวง ทั้ง 2 ภาพ เป็นคนเดียวกัน คือพ่อบุญเลิศ เพียรเพิ่มพูน
ขณะที่ถ่ายภาพแรก เมื่อปี2516 พ่อบุญเลิศอายุ 26 ปี
ส่วนภาพที่2ถ่ายเมื่อปี 2543 ขณะพ่อบุญเลิศมีอายุ 53 ปี
คนที่เห็นว่าแก่คือพ่อบุญเลิศ
แต่หลวงตายังดูใกล้เคียงกับเมื่อปี 2516
โดย: kruangbin เวลา: 2017-2-15 15:13
โดย: Metha เวลา: 2017-4-26 05:07
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |