เรื่องแรก ต้องบอกก่อนว่าบ้านตาเชยนั้นเป็นชาวนาอยู่บ้านนอก และว่านที่คนโบราณจะนับถือกันมากๆ เรียกว่ามีปลูกกันแทบทุกบ้านก็คือ "ว่านนางคุ้ม" หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ "ผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน" บ้านตาเชยอยู่ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 400 เมตร เวลาจะไปไหนก็ต้องเดินไปขึ้นรถที่ถนนใหญ่ สมัยนั้นมันไม่ค่อยมีทางต้องเดินตามหัวคันนาบ้างเดินผ่านบ้านที่อยู่ถัดไปบ้าง ขณะเดียวกันพวกที่มีบ้านอยู่ลึกเข้าไปก็ต้องเดินผ่านหลังบ้านตาเชยเพื่อไปถนนใหญ่เช่นกัน บ้านตาเชยจะเป็นบ้านไม้แบบบ้านเรือนอยู่ในหลังเดียวกันแบบบ้านแฝดคือตัวเรือนอยู่ด้านหลังด้านหน้าเป็นตัวบ้านจะเป็นพิ้นโล่งตลอด ถัดจากหน้าบ้านยังเป็นซุ้มการเวกยาวตลอดหน้าบ้าน ใต้ซุ้มการเวกจะมีตุ่มโบราณ(เขียวไข่กา) ใส่น้ำเย็นเจี๊ยบตั้งอยู่ ถัดจากตุ่มเป็นม้านั่งยาวๆ สำหรับนั่งเล่น และที่หัวม้าติดกับตุ่มจะมีกระถางว่านนางคุ้มตั้งอยู่ เค้าจะอยู่มานานเท่าไรไม่รู้แต่ตาเชยเกิดมาจำความได้ก็เห็นเค้าตั้งอยู่อย่างนั้นแล้ว
เรื่องมาเกิดเอาหลังจากที่พ่อตาเชยเสียแล้ว พี่น้องผู้ชายก็แยกย้ายกันไปเหลือแต่แม่และพี่สาวตาเชยอีก 2 คน บางเวลาคนในบ้านก็ออกไปทำนาทำไร่ หรือไปธุระข้างนอกกันหมด ก็จะปล่อยทิ้งบ้านไว้เฉยๆ เวลานั้นไม่มีขโมยคนแถวบ้านส่วนมากก็จะรู้จักคุ้นเคยกันทั้งนั้น ทีนี้พอวันไหนไม่มีใครอยู่บ้านพอวันถัดๆ มาก็จะมีคนที่เดินผ่านหลังบ้านมาถามว่าตาคนแก่ๆ ที่วันนั้นเห็นนั่งอยู่หน้าบ้านน่ะเป็นใคร พวกเราก็งงว่า เอ๊ะ..ไม่เห็นมีใครมาที่บ้านนี่ เค้าก็ยืนยันว่าเค้าเดินผ่านมาเห็นตาแก่เอาผ้าขาวม้าพาดบ่านั่งอยู่บนม้ายาวหน้าบ้านนั่น แล้วพวกเราก็ไม่ได้สนใจก็ผ่านไป พอเดือนต่อมาเอาอีกแล้วคราวนี้คนละคนกับคราวก่อน มาถามว่าตาแก่ที่เค้าเดินผ่านมาแล้วเห็นอยู่บ่อยๆ เวลาที่ไม่มีพวกเราอยู่บ้านน่ะคือใครกัน เค้าเคยพูดด้วยก็ไม่พูดกับเค้าได้แต่นั่งยิ้มๆ เอาผ้าขาวม้าโบกไล่แมลงอยู่ท่าเดียว เราก็ได้แต่ยืนยันว่าไม่มีคนแก่อยู่ในบ้าน และนับจากนั้นมาก็เป็นที่ทราบกันดีของพวกเราว่าเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้านจะต้องมีตาแก่ใจดีมานั่งเฝ้าบ้านให้เราเป็นประจำ เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีมีพยานยืนยันได้แทบจะทั้งหมู่บ้าน
เรื่องที่ 2 เมื่อตาเชยเรียนจบและกลับมาทำงานซึ่งก็มาอยู่ที่บ้านหลังเดิม แต่ตอนนี้ปลูกใหม่แล้ว ตาเชยได้เริ่มศึกษาและเล่นว่านอย่างจริงจังจนมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตาเชยมีว่านปลูกอยู่มากชนิดที่สุดในประเทศไทยและในโลกด้วย ช่วงนั้นตาเชยอ่านตำราว่านที่มีอยู่ประมาณยี่สิบกว่าเล่มทุกวัน อ่านทั้งวันทั้งคืนอยู่เป็นปี เรียกว่าถ้าใครเอ่ยชื่อว่านมาชนิดหนึ่งตาเชยสามารถบอกได้เลยว่าว่านชนิดนี้มีบันทึกอยู่ในตำราเล่มไหนบ้าง หน้าที่เท่าไหร่เขียนไว้ว่าอย่างไรบ้าง มีลักษณะต้นใบดอกหัวอย่างไร มีสรรพคุณอะไรบ้าง มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันทั้งหมดกี่ชื่ออะไรบ้าง ขอให้รู้เถอะว่าที่ไหนมีว่านที่ตาเชยยังไม่มีให้ไกลแสนไกลลำบากยากเย็นแสนเข็ญอย่างไรตาเชยก็ไปเสาะหาเอามาจนได้ ขอได้ก็ขอ ขอไม่ได้ก็ซื้อ ขอไม่ให้ซื้อไม่ขายก็แอบโขมยหักหัวมาปลูก เรียกว่าเอาทุกท่าขอให้ได้ว่านมาปลูกก็แล้วกัน
เราสามารถแยกว่านออกเป็นกลุ่มๆ ได้หลายประเภทตามแต่สรรพคุณของว่านนั้นๆ เช่นว่านยาสมุนไพร ว่านคงกระพันชาตรี ว่านคุ้มครองป้องกัน ว่านสิริมงคลโชคลาภ และว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม ในว่านแต่ละชนิดก็จะมีที่สรรพคุณดีมากๆ และที่รองๆ ลงไป เช่นสุดยอดของว่านคงกระพันคือว่านมหาปราบ สุดยอดของว่านคุ้มครองคือว่านนางคุ้ม สำหรับว่านเสน่ห์เมตตานั้นยังแบ่งออกเป็นว่านเสน่ห์ และว่านเมตตาอีกด้วย สุดยอดของว่านเมตตาคือว่านสาวหลง ว่านเสน่ห์ยังแบ่งออกเป็นเสน่ห์ฝ่ายดี(ธรรมะ) กับเสน่ห์ฝ่ายร้าย(อธรรม) สุดยอดของเสน่ห์ฝ่ายร้ายก็คือว่านดอกทอง สุดยอดของว่านเสน่ห์ฝ่ายดีคือว่านเสน่ห์จันทน์ และสุดยอดของว่านเสน่ห์จันทน์คือว่านเสน่ห์จันทน์มหาโพธิ์ รองลงมาคือว่านเสน่ห์จันทน์ขาว(ความจริงก็ต้นเดียวกันเพราะเสน่ห์จันทน์มหาโพธิ์กลายมาจากเสน่ห์จันทน์ขาว)
ตาเชยนั้นมีความชื่นชอบพวกว่านเสน่ห์จันทน์เป็นพิเศษ(ตรงนี้เป็นเหตุผลส่วนตัวขออนุญาตไม่บอก) จึงเลือกว่านเสน่ห์จันทน์ขาวมาปลูกไว้ตามวิธีปลูกว่านในตำราครบทุกอย่าง เช่นใช้แผ่นทองแดงลงยันต์อรหันต์แปดทิศที่ผ่านพิธืพุทธาภิเศกมาแล้ว นำมารองไว้ที่ก้นกระถาง นำดินกลางนาที่ป่นละเอียดตากแดดจนแห้งปราศจากมลทินแล้วมาปลูก เวลาปลูกให้หันหน้าไปทิศตะวันออกอธิษฐานเอาแต่สิ่งดีงามตามที่ปรารถนา ให้ปลูกในวันจันทร์ข้างขึ้นของเดือนหก ปลูกเสร็จแล้วให้เศกน้ำด้วยคาถาสัพพาสีเจ็ดจบแล้วจึงนำมารดต้นว่าน เสร็จแล้วนำไปตั้งไว้ในที่สูง ควรเป็นทิศเหนือหรือตะวันออกเฉียงเหนือของบ้านจะดีที่สุด แต่ไม่ทราบว่าบังเอิญหรืออย่างไรตาเชยนำไปตั้งไว้ตรงที่เคยตั้งว่านนางคุ้มนั่นแหละ ก็ประคบประหงมเลี้ยงดูมาอย่างดีจนเค้าออกดอกก็ไปหาซื้อผ้าแพรเจ็ดสีนำมาพันรอบกระถาง แถมจุดธูปอธิษฐานขอโชคขอลาภแล้วเอาธูปปักไว้ในกระถาง(ปกติเป็นคนไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ก็เพียงแต่อยากลองอยากรู้อ่ะ) แล้วคืนนั้นก็ฝัน.. ฝันว่ามีคนหรืออะไรไม่รู้เพราะไม่เห็นตัวมาบอกว่าหวยออกเลข..บอกมาสองตัวแหละแต่จำเลขไม่ได้แล้ว รุ่งขึ้นก็ไปซื้อลอตเตอรี่มาคู่หนึ่ง ปรากฎว่ามันออกตรงเป๊ะเลยแต่ไม่ได้ตังส์ เพราะมันตรงกับสองตัวท้ายของรางวัลที่ 1 ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะปกติไม่ชอบเล่นหวยอยู่แล้ว พอคืนก่อนที่หวยจะออกงวดต่อมาก็ฝันอีก คราวนี้บอกเลขสามตัวเลย เราก็ไปเล่าให้คนอื่นๆ ฟังรวมถึงเมื่อคราวก่อนด้วย เค้าก็แนะนำให้ไปแทงหวยใต้ดิน(สมัยนั้นมันยังไม่มีบนดิน) เพราะถ้าไม่อย่างนั้นถ้ามันออกท้ายรางวัลที่ 1 ก็จะไม่ได้เงินอีก เราก็เอาวะงวดที่แล้วมันยังบอกตรงนี่หว่า ก็ซื้อทั้งลอตเตอรี่ซื้อทั้งหวยใต้ดินทั้งข้างบนข้างล่าง เรียกว่าดักไว้ทุกทาง พอหวยออกถูกอีกแล้ว.. ถูกกิน ฮา.. คือมันออกที่สามตัวท้ายรางวัลที่หนึ่งตรงๆ นั่นแหละแต่เลขมันสลับกัน แบบที่เค้าว่าต้องแทงโต๊ดนั่นแหละมันถึงจะถูก หลายๆ คนก็ปลอบใจบอกว่าตอนนี้ดวงเรามันยังไม่มีโชคถึงเขาบอกอย่างไรมันก็ไม่ถูกหรอกแบบว่าบุญมีแต่กรรมมันบังอะไรทำนองนั้น พอถึงวันหวยจะออกงวดถัดมาคราวนี้เราจงใจจุดธูปเอาไปปักในกระถางเลย เอามือตบๆ รอบกระถางแล้วก็นึกในใจว่าถ้าเป็นท่านพญาว่านนี่เป็นผู้ไปบอกเราจริง คืนนี้ให้บอกเราใหม่ซิจะถูกหรือไม่ถูกเราก็ไม่ติดใจหรอกแต่อยากรู้ว่าไอ้ที่ฝันมาสองครั้งน่ะมันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเพราะอะไรกันแน่ พอตกกลางคืนเราก็ฝันจริงๆ คราวนี้บอกเลขสองตัว เราก็ไปซื้อลอตเตอรี่มา 2 คู่ซื้อมาตรงๆ นี่แหละไม่ดักไม่เดิกมันละ ก็นึกอยู่ว่าถ้าไม่มีโชคให้ดักอย่างไรมันก็คงหลบไปจนได้แหละ พอหวยออกก็นั่งฟังวิทยุเลย คราวนี้ไม่ได้ใกล้เคียงเลยทั้งสองตัวล่างและเลขท้ายรางวัลที่ 1 พอวันรุ่งขึ้นไปตรวจกับหนังสือพิมพ์ อ้าว.. ถูกสามตัวล่างนี่หว่า อย่างนี้ต้องเรียกว่าเราซื้อถูกเองสิเพราะเค้าบอกมาแค่สองตัวถ้าเราไม่เผอิญหยิบใบที่เลขตัวหน้ามันตรงแล้วมันจะถูกได้อย่างไร
แต่ที่เรายังติดใจและฉงนฉงายมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือ มีใครมาเข้าฝันเราจริงหรือเปล่า ถ้าไม่มีแล้วทำไมเราถึงเฉพาะเจาะจงฝันแต่คืนก่อนที่หวยจะออกล่ะ แถมฝันแม่นติดต่อกันถึง 3 งวดอีกด้วย ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ใช่คนบ้าหวยซักหน่อย ปกติก็ไม่เคยซื้อหวยด้วย เพราะอะไรๆๆๆๆ.... ใครบอกได้บ้าง
|
|